- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 11 February 2023 16:08
- Hits: 2210
คคบ. ลงดาบผู้ประกอบธุรกิจละเมิดสิทธิผู้บริโภค เรียกเงินคืนกว่าหนึ่งแสนหกหมื่นบาท
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร จากการประชุมได้มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน 4 เรื่อง (สั่งผลิตโต๊ะไม้สัก ติดฟิล์มรถยนต์ จ้างดูแลผู้สูงอายุและซื้อคอมพิวเตอร์) รายละเอียด ดังนี้
ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการ รวมจำนวน 4 เรื่อง
1. กรณีผู้บริโภคได้สั่งผลิตโต๊ะไม้สักวงกลมพร้อมชุดเก้าอี้และชุดกระจกจากผู้ประกอบการแห่งหนึ่ง จำนวน 6 ชิ้น ในราคา 34,000 บาท ผ่านเฟซบุ๊ก โดยชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ภายหลัง รับสินค้า พบว่า เก้าอี้ 2 ตัว และโต๊ะ 2 ตัว มีรอยแตก เมื่อนำไปประกอบ พื้นผิวไม่เสมอกันจึงได้ติดต่อไปยังผู้ประกอบการเพื่อขอคืนสินค้า แต่ได้รับการปฏิเสธ หลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยจากคณะอนุกรรมการฯ แล้วเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยผู้ประกอบการยินดีคืนเงิน จำนวน 31,000 บาท แบ่งชำระ 2 งวด งวดแรกจำนวน 16,000 บาท งวดที่สอง จำนวน 15,000 บาท และให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไปจำหน่ายต่อได้ และหากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด
ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้อีเมลและรหัสผ่านส่วนบุคคล อันถือได้ว่าเป็นการระบุตัวตนและเป็นการลงลายมือชื่อตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ต่อมาร้านค้าไม่ชำระเงินตามข้อตกลง จึงเป็นการกระทำผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบการ เพื่อบังคับให้คืนเงิน 31,000 บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
2. กรณีผู้บริโภคพบเห็นข้อความโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊กของบริษัทแห่งหนึ่ง ว่า “ติดฟิล์มด้วยสติกเกอร์สำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ ไม่กินสีรถเดิม ไม่ทิ้งคราบกาวตอนลอกออก” จึงได้นำรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น c 180 COUPE ใช้บริการติดฟิล์มเปลี่ยนสีรถยนต์ เป็นเงิน 25,000 บาท ภายหลังใช้งานประมาณ 6-7 เดือน จึงนำรถยนต์ไปให้บริษัทฯ เดิมนำฟิล์มเปลี่ยนสีรถยนต์ออก ปรากฏว่าสีของรถยนต์และแลคเกอร์หลุดลอกทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายจุด จึงขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ ผู้บริโภคได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปประเมินราคาค่าซ่อมสีหลายจุด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 27,000 บาท จากการพิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้ข้อความของบริษัทฯ ในการโฆษณาหรือคำรับรองดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้บริโภคเข้ารับบริการถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา ถือได้ว่าบริษัทฯ เป็นฝ่ายผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 27,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
3. กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างดูแลผู้สูงอายุกับห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง โดยชำระค่ามัดจำจำนวน 16,000 บาท และค่าจัดหาพนักงานเป็นเงิน 2,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 18,000 บาท ต่อมาห้างฯ ได้จัดส่งพนักงานมาดูแลผู้สูงอายุได้ 1 เดือน และพนักงานลาออก ผู้บริโภคจึงแจ้งให้ห้างฯ ทราบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงขอความเป็นธรรม มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อให้คืนเงินให้แก่ผู้บริโภค จำนวน 18,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
4. กรณีผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจได้ร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดสมุทรปราการว่า ได้ทำสัญญาซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบใหม่ทั้งชุดพร้อมลงโปรแกรมออฟฟิศกับบริษัทแห่งหนี่ง ในราคา 84,920 บาท แต่ไม่สามารถใช้งานได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงขอความเป็นธรรม จากการประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยบริษัทฯ ยินดีคืนเงินจำนวน 84,920 บาท เข้าบัญชีธนาคารผู้บริโภคและตกลงชดเชยความเสียหายโดยให้อุปกรณ์ได้แก่
1.) ปลั๊กไฟ
2.) อุปกรณ์ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ 2 ชิ้น
3.) คีย์บอร์ดมินิ
4.) ลำโพงบลูทูธ 2 ชิ้น
5.) แผ่นรองเม้าส์
6.) แฟลชไดร์ฟ 2 ชิ้น
7.) พาวเวอร์แบงค์
8.) แผ่นรองเม้าส์เกมมิ่ง
ให้กับผู้บริโภค ต่อมาผู้บริโภคแจ้งว่า บริษัทฯ ไม่ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว การกระทำดังกล่าวจึงเป็นกระทำผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทฯ เพื่อบังคับให้คืนเงินให้แก่ผู้บริโภค จำนวน 84,920 พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย และบังคับให้ส่งมอบอุปกรณ์ต่างๆ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 1/2566 ได้มีการดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมจำนวน 4 ราย โดยบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 160,920 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย