WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Cยงยทธ ยทธวงศเดินหน้า'ซูเปอร์บอร์ดการศึกษา' แฉครัวรวยสุด-จนสุดห่าง 19 เท่า

     บ้านเมือง : ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุม (สสค.) กล่าวในการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีวาระที่สำคัญถึงความคืบหน้าในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการส่งเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. ... โดยล่าสุดที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนร่าง พ.ร.บ.กองทุน สสค.ให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาภายใต้ พ.ร.บ.องค์การมหาชน พ.ศ.2542 จัดตั้งเป็นสถาบันสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ โดยอยู่ในกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. ... ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วย โดยเปลี่ยนแหล่งที่มาของรายได้ จากเงินภาษีสรรพสามิตเป็นการใช้งบประมาณที่คณะรัฐมนตรีจัดสรรให้เป็นรายปี

       รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บอร์ด สสค.ยังเห็นชอบให้มีการเสนอนโยบาย "การปฏิรูปเงินอุดหนุนการศึกษาเพื่อเด็กยากจน" เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ต่อคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาเห็นชอบในร่างข้อเสนอ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดสรรงบประมาณที่ได้รับให้ตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนยากจนที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ ให้บุตรหลานได้รับการดูแลตั้งแต่ระดับอนุบาลถึง ม.3 ราว 1.5 ล้านคน ซึ่งมีความจำเป็นต้องพัฒนา "ระบบสารสนเทศเพื่อหลักประกันโอกาสทางการศึกษา" ควบคู่ไปด้วย

    สำหรับ งานวิจัยล่าสุดจากโครงการจัดทำบัญชีรายจ่ายด้านการศึกษาแห่งชาติ พบว่าปัจจุบันแม้รัฐบาลได้จัดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปีและก่อนประถมศึกษาโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ปี 2542 แต่ยังพบสถานการณ์ความยากจน โดยเมื่อเปรียบเทียบครัวเรือนร้อยละ 10 ที่ยากจนที่สุด กับครัวเรือนร้อยละ 10 ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย พบว่ามีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกันสูงถึง 19 เท่า ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนให้กับเด็กยากจนราว 3.5 ล้านคน แต่ได้รับการจัดสรรเพียง 1.6 ล้านคน โดยบอร์ด สสค.มีข้อเสนอ 3 ข้อดังนี้ 1.เสนอให้มีการเพิ่มงบประมาณอุดหนุนสถานศึกษาเดิมร้อยละ 0.5 ให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 2.ปรับเปลี่ยนระบบโควตาเงินอุดหนุนผ่านสถานศึกษาเป็นจ่ายตรงไปยังเด็กยากจน และ 3.ใช้ระบบสารสนเทศในโรงเรียนให้เป็นเครื่องมือในการสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา

      ส่วนโครงการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้ ซึ่งมีเป้าหมายให้จังหวัดสร้างขีดความสามารถที่จะปฏิรูปการศึกษาด้วยตนเองได้ในระยะยาวรวมทั้งสิ้น 15 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่วนกลางที่ต้องการกระจายอำนาจด้านการศึกษาลงสู่พื้นที่นั้น บอร์ด สสค.มีข้อเสนอแนะว่า สิ่งสำคัญคือ การสร้างกลไกการบริหารการศึกษาเชิงพื้นที่ต้องประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ 1.กลไกที่สร้างการมีส่วนร่วมในลักษณะ "สมัชชาจังหวัด" 2.กลไกการขับเคลื่อนแผนการทำงาน ในลักษณะคณะกรรมการจัดทำแผนด้านการศึกษา และ 3.การจัดทำข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้วิเคราะห์ทิศทางจังหวัด ซึ่งจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนในพื้นที่อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!