WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมคด จาตศรพทกษสมคิด แจงบริหารศก.เฟส 2 เน้นปฏิรูป 6 ด้านเดินหน้า 1 ปีก่อนเลือกตั้ง

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ รมว.คลัง รมช.คลัง และผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า หลังจากนี้คงยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นก็พร้อมจะพิจารณาอีกครั้ง แต่แนวทางการบริหารเศรษฐกิจในเฟสที่ 2 จะเน้นไปที่การปฏิรูปเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีบทบาทหลักในการดำเนินงานส่วนนี้อย่างมาก

    ทั้งนี้ กรอบเวลาจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในช่วง 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้ง โดยแนวทางการปฏิรูปจะแบ่งงานออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งทั้ง 6 กลุ่มงานน่าจะเริ่มลงมือทำตั้งแต่ไตรมาส 4/58 เพื่อที่ปีหน้าจะได้ดำเนินงานงานอย่างเป็นระบบต่อไป

   "ให้แต่ละหน่วยงานตาม 6 กลุ่มงานที่แบ่งไป เสนอรายละเอียดมาที่รมว.คลัง ในส่วนไหนที่เสร็จก่อนก็เสนอมาเพื่อเสนอ ครม. เพื่อจะได้ตามความคืบหน้าในแต่ละงานๆไป ผมทำงาน ผมมีเป้าหมาย หากเป้าหมายอยู่ตรงไหน ผมต้องเดินตามเป้า เพราะเวลามีน้อย ดังนั้นต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่และเกิดขึ้นให้ได้...ยอมรับงานงานมีมาก แต่ต้องทำให้ได้เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ"นายสมคิด กล่าว

    สำหรับ กลุ่มงานทั้ง 6 ได้แก่ 1.การปฏิรูปภาษี จะเน้นการปรัปรับปรุงระบบภาษีอากรของประเทศ การขยายฐานภาษีเพื่อเสริมด้านรายได้ สร้างความเป็นธรรมในสังคม แต่จะไม่เบียดเบียนคนจนที่กำลังสร้างตัว

    2.การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน การทำธรกิจ และการให้บริการประชาชนโดยในวันที่ 6 พ.ย.นายกรัฐมนตรีจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในภาคธุรกิจเข้ามารายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาในการทำธุรกิจต่างๆ เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และในระยะเวลา 3 เดือนแนวทางจะเป็นรูปธรรมากขึ้น และอันดับของประเทศดีขึ้น

    3.การพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของประเทศในส่วนนี้อาจจะมีการปัดฝุ่นกองทุนนวัตกรรมขึ้นมาใหม่ โดยเป็นการใส่เงินจากภาครัฐและให้เอกชนเข้ามาร่วมด้วย เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น

    4.มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในการพัฒนาตลาดเงิน ตลาดทุนให้มีความเป็นสากลมากขึ้นและให้สะท้อนความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เชื่อมโยงตลาดเพื่อนบ้าน การแก้ไขกฎระเบียบการลงทุนที่ล้าสมัยในส่วนนี้คาดใช้เวลาดำเนินการราว 5-6 เดือนน่าจะเป็นรูปเป็นร่าง

    5.การปฏิรูปภายในกระทรวงการคลัง เพื่อให้การทำงานของหน่วยงานต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ให้กรมธนารักษ์ไปทบทวนบทวนการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินอย่างไรบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้ตอบสนองเขตเศรษฐกิจพิเศษและคลัสเตอร์ เป็นต้น

     6.การใช้การคลังเพื่อสังคม โดยเฉพาะเรื่อง Social Enterpise

สมคิดเผยนายกฯ เรียกถกทีมศก.แก้ปัญหาอุปสรรคการลงทุน 6 พ.ย.นี้

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในภาคธุรกิจมาร่วมประชุมเพื่อรายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาอุปสรรคในการทำธุรกิจภาคต่างๆ เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น

     ทั้งนี้ นายสมคิด กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในระยะเวลาอีก 3 เดือน เชื่อว่าแนวทางจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น และอันดับจะดีขึ้น

     อนึ่ง วานนี้ ธนาคารโลกประกาศรายงาน Doing Business 2016 โดยประเทศไทย ถูกปรับลดอันดับมาอยู่ที่ 49 จากอันดับ 46 ในปีก่อน

สมคิด เสนอแพ็คเกจกระตุ้นลงทุนเข้าครม.สัปดาห์หน้า รับส่งออกยังไม่ฟื้น

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแพ็คเกจกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการควบคู่กับมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เคยออกมาแล้ว

    นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน พ.ย.รัฐบาลจะเชิญนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมารับฟังการชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิแศษทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นจะนำข้อมูลไปชี้แจงนักลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น

     "ทุกอย่างเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เรื่องการกำหนดค่าเช่าควรจะเรียบร้อยไม่เกินปลายปีนี้ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมดต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้เพื่อให้เริ่มเดินหน้าได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป"นายสมคิด กล่าว

   ขณะที่นายสมคิด ยอมรับว่าการขยายตัวของภาคส่งออกของไทยในปีนี้คงติดลบแน่นอน โดยคาดว่าทั้งปีน่าจะติดลบราว 4% แต่หากเทียบกับประเทศอื่นก็ยังถือว่าดีกว่ามาก ซึ่งสาเหตุที่การส่งออกติดลบเพราะ sentiment ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว แต่ในแง่ของมูลค่าเงินบาทขยายตัวขึ้น จึงไม่อยากให้มองในเรื่องตัวเลขอย่างเดียว

     สำหรับ ตัวเลขการส่งออกในเดือน ต.ค.ยอมรับว่าคงติดลบค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในเดือน ต.ค.57 การส่งออกเติบโตสูงมาก มูลค่าการส่งออกมาก แต่หากพิจารณาในรายละเอียดก็เชื่อวาไม่ได้แย่ลง

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!