Details

Category: สำนักนายกฯ

Published: Thursday, 08 June 2017 17:44

Hits: 8583

'สมคิด' ระบุไทยพร้อมทบทวนข้อตกลง JTEPA เปลี่ยนแผนลดภาษี สู่การเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกันมากขึ้น

           'สมคิด'ถกญี่ปุ่น แลกเปลี่ยนสัญญาลงนามร่วมกัน 7 ฉบับ​ เน้นการลงทุนใน EEC  ระบุไทยพร้อมทบทวนข้อตกลง JETEPA ด้วยการเปลี่ยนแนวคิดจากเน้นการลดภาษี หันไปร่วมพัฒนาด้านต่างๆ แทนทั้ง  Digital, Internet Of Think และ AI ด้านยานยนต์  พร้อมหารือใช้เทคโนโลยี'ชินคันเซ็น'ในรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - เชียงใหม่    ด้านญี่ปุ่นสั่งทุกหน่วยงานตบเท้าเข้าไทยปลายปีนี้

      นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจ ประชุมร่วม ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย – ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission: HLJC) ครั้งที่ 3 กรุงโตเกียว โดยมีนายโยะชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานร่วม  สำหรับการหารือครอบคลุมความร่วมมือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรอบด้าน  และได้แลกเปลี่ยนสัญญาลงนามร่วมกัน 7 ฉบับ​  หัวใจสำคัญของการหารือครั้งนี้ คือ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นเขตเศรษฐกิจมุ่งเน้น 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จะมีการลงทุน 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะ 5 ปี  ทั้งการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกกรุงเทพฯ – ระยอง โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด รวมทั้งการพัฒนาเมืองใหม่ 3 แห่งในภาคตะวันออก โดยกระทรวง METI พร้อมร่วมมือกับไทยพัฒนา EEC

     ทั้งนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับการทบทวนข้อตกลง JTEPA (Japan – Thailand Economic Partnership Agreement หรือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น มุ่งการเปิดเสรีสินค้า บริการ และการลงทุนให้แก่กันและกัน แต่ความร่วมมือได้ผ่านมานานแล้ว และได้ส่งเสริมให้นักลงทุนทั้งประเทศเติบโตขึ้น จึงเห็นชอบให้ทบทวนกรอบข้อตกลง ด้วยการเปลี่ยนแนวคิดจากเน้นการลดภาษี หันไปร่วมพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งเรื่อง Digital, Internet Of Think,AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านให้พัฒนารองรับการขยายการลงทุนของญี่ปุ่นได้ เริ่มมนำร่องในอุตสาหกรรมยายนต์ เพราะมีเครือข่ายห่วงโซ่จำนวนมาก จึงมองหมายให้กระทรวงพาณิชย์ การกระทรวงการต่างประเทศ จัดเวทีเจารณาร่วมกับญี่ปุ่น

         รวมทั้งได้หารือความคืบหน้าความร่วมมือระบบราง โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยี “ชินคันเซ็น” ของญี่ปุ่น และการใช้เทคโนโลยีระบบรางของญี่ปุ่นเพื่อพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  หลังจากผลการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าในไทยผ่านระบบราง  เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก – ตะวันตก เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค และการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีบางซื่อ เนื่องจากญี่ปุ่นแสดงความสนใจลงทุนสร้างระบบรางจากอยุธยาต่อไปยังภาคตะวันออกเพิ่มเติม เพื่อหวังเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านเมียนมาร์ต่อไปยังอินเดีย เพื่อร่วมพัฒฯาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่นผ่านระบบราง

         "ญี่ปุ่นต้องการร่วมกันพัฒนาความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อเชื่อมโยงทางดิจิทัลสำหรับการค้าและการเงินรูปแบบใหม่ การยกระดับการค้าข้ามชายแดน การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาคเพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 นับเป็นแผนแม่บทกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ไทยเตรียมเสนอระหว่างการเป็นประธาน ACMECS ในปี 61  รวมทั้งการหารือเพื่อความร่วมมือในการเสริมสร้าง SMEs ไทย ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเชื่อมโยงทางดิจิทัลระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMVT) ทั้งนี้ จึงลงนามร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมของไทยและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ในการพัฒนาแรงงานคุณภาพทั้ง หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ ม.44 เปิดทางให้เขต EEC ตั้งโรงงาน วิทยาลัยอาชีวะ มหาวิทยาลัย ผลิตบุคคลากรตามความต้องการของภาคเอกชนในเขต EEC ยานยนต์ ระบบราง และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร"นายสมคิด กล่าว

       นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารญี่ปุ่น กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เพื่อร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล  และการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ประจำกรุงเทพฯ กับอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างประธาน JETRO กรุงเทพฯ กับผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)  เพื่อจัดตั้งศูนย์รวมข้อมูลในไทยโดยใช้เทคโนโลยีสถานีอ้างอิงและปรับข้อมูลดาวเทียมนำทาง (Continuously Operating Reference Station: CORS) เพื่อจากดาวเทียมนำร่องที่มีประสิทธิภาพสูงจากที่เคยคลาดเคลื่อน 10 เมตร ลดเหลือ 10-20 เซนติเมตร เพื่อใช้ดูดาวเที่ยวแผนที่ นำเที่ยว อากาศยานไร้คนขับ ด้านอุตุนิยมวิทยา และอีกหลายด้านสำหรับพัฒนาอุตสาหกรรม รวมทั้งการใช้แผนที่ดาวเทียมวิเคราะห์ภูมิสารสนเทศสำหรับการตั้งโรงงานใน EEC พิจารณาผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ผลต่อเศรษฐกิจและสังคม และความเป็นธรรมลดปัญหาจากโรงงานในภายหลัง 

       นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า นายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการ ครม.ญี่ปุ่น  พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานนำทีมมาร่วมจัดงานความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ 130 ปี และเพื่อจัดขึ้นในช่วงที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนประเทศไทยช่วงปลายปีนี้

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย