WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1AAอางทอง

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดอ่างทอง เพื่อติดตามการช่วยเหลือ พร้อมพบปะให้กำลังใจผู้ประสบภัย

      พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเป็นการเร่งด่วน ณ จังหวัดอ่างทอง โดยจะออกเดินด้วยเฮลิคอปเตอร์ จากกองพลมหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ไปยังโรงเรียนวิเศษไชยชาญตันติวิทยาภูมิ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ก่อนจะนั่งรถต่อไปยังเทศบาลตำบลบางจัก เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมพบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยอำเภอวิเศษชัยชาญ

       หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางต่อไปยังหอประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอำเภอป่าโมก และพบปะให้กำลังใจประชาชนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครต่อไป

      สำหรับ จังหวัดอ่างทอง ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 5 อำเภอ 30 ตำบล 92 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,595 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายจำนวน 6,017 ไร่

นายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้หวังคะแนนเสียง

      ณ อาคารเอนกประสงค์ เทศบาลตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางมาเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน โดยมี ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ประชาชนประมาณ 500 คนมาต้อนรับ

       โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวพบปะให้กำลังใจประชาชนตอนหนึ่งโดยเน้นย้ำว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ทรงได้พระราชทานสิ่งของและความช่วยเหลือต่างๆ ลงมา ซึ่งรัฐบาลเองยืนยันว่าพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดใน 2 หลักคือความเท่าเทียมและความเป็นธรรม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ  ซึ่งรัฐบาลมีโครงการต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการน้ำ

       ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีเดินทักทายกับประชาชน ได้สอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและขอให้ทุกคนรับฟังข้อมูลจากรัฐ เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์พร้อมทั้งได้ชี้แจงการทำงานและนโยบายของรัฐบาล โดยกล่าวยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นงานสำคัญเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีสำคัญ ถึงแม้ว่าจะทำให้ตนเองเหนื่อยแต่ก็จะอดทนทำเพื่อคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มาหาเสียงเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็ขอขอบคุณนักการเมืองที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล แม้ระหว่างนี้จะไม่ใช่ช่วงที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้

        พร้อมกล่าวต่อไปว่า วันนี้ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนเท่ากัน  ต้องช่วยกันทำให้ประเทศเข้มแข็ง เพื่อที่จะสู้กับปัญหาต่างๆ วันนี้จะต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ที่สำคัญเราจะต้อง มีภูมิคุ้มกันที่ดี นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่พูดโกหกกับใครเพราะพูดไม่ได้ วันนี้มาก็ไม่ได้มาหาเสียงไม่ได้มาทำให้คนรัก แต่ต้องการมาทำงานและมาแก้ไขปัญหา และจะพยายามทำให้ได้มากที่สุดเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป แต่รัฐบาลนี้ยืนยันว่าจะทำได้กับคนทุกกลุ่มสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ให้ใครมาชักจูงจนทำให้เกิดความเสียหาย ตีกันไปมาสุดท้ายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยวิธีพิเศษก็ต้องทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง โดยแบ่งเป็นภาคเป็นกลุ่มจังหวัดทำให้ทุกจังหวัดทุกอำเภอ มีความเจริญอย่างเท่าเทียม

        จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง เพื่อเยี่ยมเยียนขอให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

รัฐบาลติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทุกพื้นที่ เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผลักดันน้ำออกโดยเร็ว พร้อมเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารผ่านโลกออนไลน์

        รัฐบาลติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทุกพื้นที่ เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผลักดันน้ำออกโดยเร็ว พร้อมเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารผ่านโลกออนไลน์

       พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงติดตามสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยได้รับรายงานว่าปริมาณน้ำเหนือที่ จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มลดลง และก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท เจ้าหน้าที่ได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ ช่วยลดปริมาณน้ำและเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาแต่อย่างใด

        “นายกฯ แสดงความเป็นห่วงเรื่องการส่งต่อข้อมูลกันในโซเชียลมีเดีย โดยย้ำว่าแม้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มขึ้นและเอ่อล้นเข้าท่วมบางพื้นที่ใน จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวม 14 จุด และน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาได้ไหลลงมาถึง จ.ปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.แล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมใหญ่อย่างที่เป็นข่าว

        ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่สถานีระบายน้ำ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีอัตราการไหลเฉลี่ย 2,826 ลบ.ม./วินาที ซึ่งยังต่ำกว่าความจุของลำน้ำบริเวณ กทม.และปริมณฑล ที่รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลบ.ม./วินาที เช่นเดียวกับคลองรังสิตที่แม้จะต้องรับน้ำจากแม่น้ำป่าสัก แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมน้ำผ่านอาคารบังคับน้ำและสถานีสูบน้ำได้ จึงไม่อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก”

        นอกจากนี้ ประชาชนต้องระมัดระวังการส่งต่อเอกสารราชการที่เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำด้วย เนื่องจากมักมีการตีความเนื้อหาที่ผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วข้อความส่วนใหญ่ที่ปรากฏในเอกสารนั้น มุ่งเน้นการแจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบข่าวเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ล่วงหน้า และแนวทางการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยเป็นสำคัญ

        นายกรัฐมนตรียังได้กำชับไปยังหน่วยงานราชการว่า หากต้องสื่อสารหรือแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนจะต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและชัดเจน เช่น ระบุพิกัดพื้นที่ (อำเภอ ตำบล) ปริมาณน้ำ และข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมทั้งขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและปรับตัวต่อภัยพิบัติโดยร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต

       สำหรับ พื้นที่ประสบภัยในขณะนี้ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ และจังหวัด ได้เร่งระบายน้ำออก เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด โดยใช้เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และเรือผลักดันน้ำ ขณะเดียวกันได้ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนแบบเฉพาะหน้า เช่น การอพยพและมอบถุงยังชีพและสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเตรียมมอบเงินชดเชยความเสียหายแก่ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ตามระเบียบของทางราชการต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!