WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gพลโท สรรเสรญ แกวกำเนดนายกฯ พอใจสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น นักลงทุนเชื่อมั่น ย้ำมุ่งสร้างความสมดุลทุกมิติ พร้อมเร่งกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน วอนทุกฝ่ายให้ความร่วมมือสร้างความเปลี่ยนแปลง

        นายกรัฐมนตรี พอใจสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2557 โดยยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้

         พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2557 โดยยืนยันว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ และย้ำว่าไม่ใช่เพียงการประกาศให้มีการเลือกตั้งเท่านั้นที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เพราะความจริงประเทศไทยมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ขอเพียงทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกัน

       “นายกฯ ได้รับรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ก.ย.60 ซึ่งสะท้อนว่าผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ โดยดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 86.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 85.0 ในเดือน ส.ค. และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 6 เดือน สอดคล้องกับปริมาณการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ ปูนซีเมนต์ และการขยายตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงปลายปีนี้ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”

       นอกจากนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.60 มีมูลค่าถึง 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกข้าว ซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของเกษตรกร มียอดการส่งออกตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา 8.97 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.28 และคาดว่าสิ้นปีนี้อาจส่งออกข้าวได้สูงสุดใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 11 ล้านตัน

       อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจในทุกมิติ ทั้งการใช้จ่ายและกำลังซื้อภายในประเทศ การลงทุนของรัฐ เอกชน และต่างประเทศ รวมทั้งการส่งออกสินค้า โดยขณะนี้การลงทุนและการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหันไปทุ่มเทเรื่องปัญหาปากท้องและกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะคนในระดับฐานรากหรือผู้มีรายได้น้อย

       “รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ที่ผ่านมาจึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากและมาตรการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อย ครอบคลุมทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิตประจำวัน การรักษาพยาบาล การเดินทาง การประกอบอาชีพ  ฯลฯ และจะยังดำเนินการต่อเนื่อง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนาตัวเอง ปรับเปลี่ยนวิธีคิด เพิ่มมูลค่าผลผลิต ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้น”

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!