WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Pประยทธ จนทรโอชา1นายกฯชื่นชมความร่วมมือทุกฝ่าย ดัน Doing business ดีีขึ้น 20 อันดับ แนะเร่งพัฒนาจุดอ่อนที่เหลือ

      นายกรัฐมนตรี พอใจอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทย ดีขึ้น 20 อันดับ เชื่อส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ พร้อมชื่นชมความร่วมมือของทุกฝ่าย เตรียมเร่งพัฒนาจุดอ่อนที่เหลือให้มีประสิทธิภาพ

      พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of doing business) ประจำปี 2018 ของธนาคารโลกเป็นอย่างมาก โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 20 อันดับ จากอันดับที่ 46 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 26 ในปีนี้ ท่ามกลางบรรดาเขตเศรษฐกิจและประเทศทั่วโลกจำนวน 190 ประเทศ และอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจทั่วโลก และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

      ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอันดับของไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอันดับที่ 49 ในปี 2016 เป็นอันดับที่ 46 ในปี 2017 จนก้าวมาอยู่ในอันดับที่ 26 ในปี 2018 ห่างจากมาเลเซียเพียง 2 อันดับ และยังเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีการปรับปรุงเพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยมีคะแนนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 77.44 จากเดิม 72.53 คะแนน

      สำหรับ การพัฒนาที่โดดเด่นของไทยมีหลายด้าน เช่น การลดระยะเวลาการจัดตั้งธุรกิจและยกเลิกการประทับตราบริษัทในใบหุ้น การลดขั้นตอนการขอใช้ไฟฟ้า การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ การออกกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่ การเพิ่มสิทธิผู้ลงทุนรายย่อยทำให้ฟ้องร้องได้ง่ายขึ้น การสร้างความชัดเจนระหว่างความเป็นเจ้าของกับการกำกับควบคุมบริษัท การตรวจสอบภาษีโดยใช้โปรแกรมบริหารความเสี่ยง การลดภาษีการโอนทรัพย์สิน การใช้ระบบยื่นฟ้องและจ่ายค่าธรรมเนียมศาลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ การแก้ไขปัญหาการล้มละลาย ฯลฯ

       “ความสำเร็จในแต่ละปีนั้น เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย โดยพบว่าส่วนราชการหลายแห่งปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานไปมาก และมีการพูดคุยกับภาคเอกชนมากขึ้นโดยเฉพาะบริษัทกฎหมายและบริษัทบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจโดยตรง ที่สำคัญคือรัฐบาลมีความจริงใจที่จะสนับสนุนให้การทำธุรกิจของภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความสะดวกรวดเร็วและเป็นประโยชน์มากที่สุด เช่น การปลดล็อกความยุ่งยากต่าง ๆ โดยใช้คำสั่งตาม ม.44 ในเบื้องต้น และจะออกกฎหมายปกติเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป”

       อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงการบริการอีกหลายเรื่อง เช่น กำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนธุรกิจเป็นอัตราคงที่ ลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ แก้ไขกฎหมายหลักประกันธุรกิจ ขยายฐานการชำระแบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานประกันสังคม และการพัฒนาระบบ E-filing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของกรมสรรพากร ฯลฯ

Gสมคด'สมคิด' พอใจอันดับ Doing business ไทยขยับ 20 อันดับ ระบุปีหน้าต้องดีขึ้น ปัดไม่ตอบเรื่องช้อปช่วยชาติปลายปีนี้

      'สมคิด' พอใจอันดับ Doing business ขยับ 20 อันดับมาอยู่ที่ 26 จาก 46 เชื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน พร้อมระบุปีหน้าต้องดีขึ้นกว่าปีนี้ พร้อมฝาก สศช. ศึกษาระบบงานของคณะ Doing business เป็นแบบแผน หวังดันอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดย WEF เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 32 จาก 137 ประเทศทั่วโลก ปัดให้ความเห็น จะมีมาตรการช้อปช่วยชาติปลายปีนี้หรือไม่

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการประชุมผลการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อม สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก หรือ Doing Business 2018  ว่า ประเทศไทยมีผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจดีขึ้น โดยปีนี้ขยับขึ้นมา 20 อันดับ หรือ มาอยู่ที่ 26 จาก 190 ประเทศทั่วโลก จากปีที่ผ่านมาอยู่อันดับที่ 46 ซึ่งเป็นผลจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เร่งปฏิรูปประเทศ

      นอกจากนี้ ในรายงานของธนาคารโลกยังได้ยกให้ประเทศไทย เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีการปรับปรุงมากที่สุด ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากบรูไน และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนบางประเทศ พบว่า ไทยมีอันดับดีขึ้นมากกว่าทุกประเทศ โดยอินโดนีเซียอยู่ที่ 72 จาก 91 บรูไนอยู่ที่ 56 จาก 72

       ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. ซึ่งเป็นเลขาในกรรมการ Doing Business จะต้องเร่งแก้ไขข้อติดขัด หรือทั้งในเรื่องการขออนุญาตการก่อสร้าง ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน การค้าระหว่างประเทศ และการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย  เป็นต้น โดยหวังว่า ในปี 2561 การจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจจะดีขึ้นจากปีนี้

      ขณะเดียวกัน ยังได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. นำหลักการ ทั้งแผนงาน การเร่งรัดการทำงาน การติดตามผลงานไปดำเนินการเพื่อวางแผนให้มีความเชื่อมโยง โดยมีวัตถุประสงค์จะให้การจัดอันดดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ดำเนินการโดย World Economic Forum หรือ WEF ในปี 2561 ปรับดีขึ้นจากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 32 จาก 137 ประเทศทั่วโลก

     “ผลที่ออกมาก็ดีใจ และมันก็ไม่ธรรมดาที่ประเทศอย่างเราขึ้นมา 20 ตำแหน่งได้ ซึ่งเรื่องนี้มันสำคัญมาก เพราะถือว่า เวลาใครจะมาลงทุน เขาก็จะดูในเรื่องของการอำนวยความสะดวกทางการค้าถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เฉพาะต่างประเทศชาวบ้านทั่วไปก็จะได้ประโยชน์ และอยากขอบคุณนายกฯ ที่เห็นว่า บางเรื่องมีข้อติดขัด ก็นำม.44 มาช่วยแก้ไขปัญหา และขอบคุณทุกคนที่ 2 ปีที่ร่วมกันทำมา และหวังว่าปีต่อไปจะดีขึ้นแน่นอน”นายสมคิด กล่าว

    ทั้งนี้ นายสมคิดปฏิเสธจะให้ความเห็น ว่าในช่วงปลายปีนี้รัฐบาลจะออกมาตรการช้อปช่วยชาติในช่วงปลายปีนี้หรือไม่

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!