WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมคด'สมคิด'ประชุมร่วม CEO รัฐวิสาหกิจ 3 กลุ่ม นำดิจิทัลและเทคโนโลยี Big Data ผลักดันนโยบาย

 'สมคิด' ประชุม SOE CEO Forum ร่วม CEO รัฐวิสาหกิจ 3 กลุ่ม นำร่องเสนอแนวทางการนำดิจิทัลและเทคโนโลยี Big Data ผลักดันนโยบายตอบโจทย์ SMEs การให้บริการสาธารณูปโภค และการท่องเที่ยว

  สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จัดสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ SOE CEO Forum ครั้งที่ 2 ในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (แม่เมาะ) จังหวัดลำปาง ร่วมผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเป็นแบบอย่างให้กับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ ในการใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนและก้าวไปสู่การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) รวมทั้งการนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาช่วยการบริการประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร (Digital Transformation) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของรัฐวิสาหกิจทั้ง 55 แห่ง เข้าร่วม SOE CEO Forum

       รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้มอบนโยบายว่า ในการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโลกในยุคปัจจุบันเป็นการบริหารจัดการฐานข้อมูลเป็นหลัก การจัด SOE CEO Forum ในครั้งนี้เป็นเรื่อง Big Data และ Digital Transformation เป็นหลัก ซึ่งตนที่ได้มอบหมายให้ สคร. ช่วยเป็นจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

      1. ให้รัฐวิสาหกิจเป็นหน่วยงานนำร่องในการใช้ Big Data และ Digital Transformation ในการขับเคลื่อนงานที่สำคัญของภาครัฐ

  2. ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกันในการผลักดันการใช้ Big Data และ Digital Transformation ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายของประเทศเป็นที่ตั้ง

  นอกจากนี้ ได้ขอให้รัฐวิสาหกิจร่วมผลักดันนโยบายของรัฐในเรื่องการพัฒนาท้องถิ่นและประชาชนผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น โดยอาจพิจารณาสนับสนุนในพื้นที่การทำงานของแต่ละแห่ง เช่น ที่แม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจังหวัดลำปาง ให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ 7-8 ล้านคนต่อปี ให้มาเที่ยวแม่เมาะหรือส่วนอื่นของลำปางได้ด้วยซัก 2 ล้านคน ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจของลำปาง  ได้ดียิ่งขึ้น หรือ กฟผ. สามารถใช้วิศวกรที่แม่เมาะจัดให้มีสถาบันพัฒนาด้านอาชีพให้คนท้องถิ่น หรือช่วยสนับสนุน Start-up ในลำปาง ซึ่งนอกจากจะทำให้มีการพัฒนาคนพัฒนาสังคมแล้ว รัฐวิสาหกิจจะได้การยอมรับจากคนในพื้นที่อีกด้วย โดย KPIs ของรัฐวิสาหกิจจะไม่ใช่เป็นเรื่องทำกำไร แต่ต้องเป็นการดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายของประเทศ และ CEO ของรัฐวิสาหกิจจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

  นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายเพิ่มเติมว่า รัฐวิสาหกิจต้องมีการปรับตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขันและมีธรรมภิบาล โดยเน้นย้ำว่ารัฐวิสาหกิจจะต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน และร่วมกันไปช่วยเหลือสังคมหรือผู้มีรายได้น้อยต่อ และไม่ใช่เข้าไปช่วยผู้มีรายได้น้อยในแต่ละส่วน แต่จะต้องคิดทั้งระบบ (Ecosystem) ของการช่วยเหลือให้มีความยั่งยืน เช่น การใช้องค์ความรู้ของบุคลากรในรัฐวิสาหกิจในการให้ความรู้กับประชาชนเพื่อสร้างอาชีพ โดย 2 เรื่องหลักที่จะฝากกับ CEO ของรัฐวิสาหกิจ คือประสิทธิภาพ และความโปร่งใส โดยเรื่องประสิทธิภาพ รัฐวิสาหกิจต้องสามารถในการแข่งขันได้ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปจากเทคโนโลยี (Disruptive Technology) และเรื่องความโปร่งใส รัฐวิสาหกิจจะต้องไปดูกฎระเบียบขององค์กรให้มีความโปร่งใส ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้ปฏิบัติงานได้ด้วย

   นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร.กล่าวเสริมว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ สคร. ขอให้รัฐวิสาหกิจรวมกลุ่มกัน 3 กลุ่ม เตรียมแนวทางในการใช้ Big Data และ Digital Transformation พัฒนางานที่จะตอบโจทย์นโยบายที่สำคัญใน 3 เรื่อง ได้แก่ การสนับสนุน SMEs การเพิ่มคุณภาพการให้บริการประชาชน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละกลุ่มใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่สามารถตอบโจทย์สำคัญดังกล่าวได้อย่างตรงจุด โดยสรุปได้ดังนี้

  1. กลุ่ม SME Intelligence ประกอบด้วย สถาบันการเงินของรัฐ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้นำเสนอโครงการ SME Intelligence เป็นการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ที่มีอยู่ในแต่ละแห่งมารวมกันและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของ SMEs ได้ลึกมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายเพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่ชัดเจน ตรงกลุ่มและความต้องการ ทั้งในด้านการสนับสนุนทางด้านการเงินและองค์ความรู้ และสร้าง Platform ที่ทำให้ SMEs เข้าถึงบริการของสถาบันการเงินของรัฐได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และใช้กลไกของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการเชื่อมโยงสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคได้อีกด้วย

  2. กลุ่ม Smart Utilities ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงานและน้ำ ไดนำเสนอโครงการ Smart Utilities เป็นการนำข้อมูลในลักษณะของ Big Data ด้านพลังงาน ไฟฟ้า และน้ำประปา มาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนและการวางแผนการผลิตไฟฟ้าและนำประปาให้มีคามครอบคลุมและเพียงพอ และเชื่อมต่อระบบและ Applications ที่จะทำให้เกิด One stop services สำหรับประชาชนและภาคธุรกิจ

    3. กลุ่ม Travel Port ประกอบด้วย ททท. และรัฐวิสาหกิจขนส่งทาอากาศ ได้นำเสนอโครงการ Travel Port เป็นการนำข้อมูลของหน่วยงานด้านการขนส่งทางอากาศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมาใช้กำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง และการพัฒนาคุณภาพการให้บริการผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวให้มีความประทับใจในการท่องเที่ยวในประเทศไทย

 รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลเอาจริงในเรื่อง Big Data และ Digital Technology ซึ่งประเทศเดินได้ด้วยยุทธศาสตร์และการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ดีจะต้องมีข้อมูลที่ดีด้วย ดังนั้น รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจึงต้องรู้ว่าข้อมูลอะไรมีความจำเป็น ไม่มีก็จัดให้มี การทำเรื่องนี้ช้าไม่ได้เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว CEO รัฐวิสาหกิจจะต้องเป็น Change Leader ในเรื่องนี้เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ Digital Economy

สมคิด` ยันเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สั่งแบงก์รัฐฯ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันเพิ่มประสิทธิภาพใน 1 ปี

     'สมคิด' ยันเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สั่งรัฐวิสาหกิจตั้งสถาบันการศึกษา-ฝึกบุคคลากร สร้างแรงงานออกสู่ตลาดแรงงานฝีมือมากขึ้น รองรับการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต พร้อมดันแบงก์รัฐ รวมกลุ่มให้บริการเข้มแข็งเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันเพิ่มประสิทธิภาพใน 1 ปี ด้านรมว.คลังหนุนรัฐวิสาหกิจ ร่วมฝึกอบรมฝีมือแรงงานให้คนมีรายได้น้อย เสริมอาชีพพ้นจน

        นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ SOE CEO Forum ว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการปฎิรูปประเทศอย่างเป็นระบบ จึงทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวดี และทั้งปีจะขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

      ทั้งนี้ การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพของรัฐส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีตัวเลขการเบิกจ่ายในช่วงปีงบประมาณ 2560 อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในอนาคตรัฐบาลต้องการพัฒนาเศรษกิจในท้องถิ่นให้เติบโตมากขึ้น จึงต้องการให้รัฐวิสาหกิจเข้ามามีส่วนร่วม นอกเหนือจากการเบิกจ่ายประจำปี มาเป็นการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองให้มากขึ้น เพื่องรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ขณะเดียวกันต้องการให้รัฐวิสาหกิจตั้งสถาบันศึกษา หรือ ศูนย์ฝึกบุคลากรในท้องถิ่นป้อนแรงงานฝีมือสู่ตลาดการผลิตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตของประเทศโดยรวมได้โดยรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งสถาบันเหล่านี้ได้ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐต่อไป

       นอกจากนี้ ยังจะให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ รวมตัวกันเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และสร้างหน่วยงานกลางขึ้นมาเชื่อมโยงข้อมูลของทุกธนาคารเพื่อดูแลประชาชนแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จะต้องส่งเสริมเอสเอ็มอีให้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศได้มากขึ้น ไม่ใช้แค่ทำหน้าที่ในการดูแลผู้ประกอบการส่งออกรายใหญ่เท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่าหากรัฐวิสาหกิจต่างๆ สามารถดำเนินได้ตามความต้องการ ภายใน 1-2 ปี ไทยจะก้าวผ่านจุดที่สำคัญของประเทศไปได้

          ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่ารัฐวิสาหกิจไทยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยผ่านสถาบันศึกษาและศูนย์ฝึกบุคคลากร ให้รัฐวิสาหกิจฝึกอาชีพ สร้างเครือข่ายและหาตลาดให้กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ในอนาคต

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!