WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Prayutนายกฯปลื้มเวิลด์แบงก์มองไทยเริ่มหลุดพ้นความยากจน เร่งจัดทำโมเดลการลดความยากจนภายใน 2 ปี

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ว่า ธนาคารโลก ได้จัดทำรายงานแนวโน้มการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในระยะยาว โดยระบุว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการก้าวหน้าไปมาก กล่าวคือมีประชากรที่เริ่มหลุดพ้นจากความยากจนนะครับ และมีสัดส่วนของประชากรที่ก้าวสู่รายได้ระดับปานกลาง ในสัดส่วนที่สูงขึ้น ที่ไม่มีผู้อยู่ในความยากจนขั้นรุนแรงตามเกณฑ์ของธนาคารโลกแล้ว อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาวิเคราะห์มา เราก็ต้องดูในข้อเท็จจริงว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อีกอย่างไร ไม่ใช่ว่าเพียงพออยู่นี้ไม่ได้

   ธนาคารโลกได้เสนอว่า การที่จะลดระดับความยากจนและ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อจะเข้าสู่การเป็นประเทศรายได้ปานกลางให้ได้อย่างยั่งยืนนั้น ควรต้องทำตามมาตรการ 3 ด้านพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่องอันได้แก่ (1) การให้โอกาสทางเศรษฐกิจกับประชาชนผ่านการสร้างงานที่ให้รายได้สูงขึ้น และ การเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น (2) การสร้างความมั่นคงทางรายได้ ให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ผ่านการมีระบบการดูแลด้านสังคม สาธารณสุข ประกัน สังคม และการส่งเสริมการออม (3) การกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ผ่านการใช้เครื่องมือ เช่น ภาษี หรือเครื่องมือทางการเงิน เป็นต้น

       ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวนั้นก็นับว่าสอด คล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลนี้ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 อีกด้วย

      จากการรายงานของธนาคารโลกดังกล่าวก็ถือว่าเป็นข้อมูลจากสายตาคนภายนอก  ที่เขามองเราในมุมมองว่าดีขึ้นผมอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังเดินหน้า แม้จะเป็นก้าวย่างที่ช้า แต่มั่นคง และ อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งต้องอาศัยความเพียร และความอดทน รัฐบาลไม่ได้จะพอใจเพียงเท่านี้นะครับ เนื่องจากยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขอีกมาก โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน แปลงไปมาก ในขณะที่หลายสิบปีที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยจะมีการลงทุนเพื่ออนาคต อันที่จะช่วยเสริมสร้างความ สามารถในการผลิตของประเทศ มากนักนะครับ โดยเฉพาะในภาคเกษตร ก็ส่งผลให้ทุกวันนี้การกระจายรายได้ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจยังไปได้ไม่ทั่วถึงนัก ขณะนี้เราได้จัดทำโมเดลในการ "ลดความยากจน" ภายใน 2 ปี ระยะแรกนะครับ โดยใช้โมเดลของ"กาฬสินธุ์ แฮปปี้เนส 2019" เป็นแนวทางที่จะทำต่อไปทั้งประเทศนะครับก็จะเริ่มไปพร้อมๆ กันนะครับ รายละเอียดตามหน้าจอ สรุปได้ดังนี้ มี 4 องค์ประกอบหลักคือ 1.การค้นหาครัวเรือนยากจนโดยใช้เกณฑ์รายได้ การลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ และการคัดเลือกโดยประชาคม ระดับหมู่บ้าน

       2. กลไกการขับเคลื่อน ตั้งแต่ระดับจังหวัด ลงมาถึงระดับหมู่บ้านเช่น ชุดปฏิบัติการตำบล กรรมการหมู่บ้าน ปราชญ์ชุมชน และกลุ่มองค์กรในหมู่บ้านเป็นต้น 3.กิจกรรมการขับเคลื่อน อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลครัวเรือน เพื่อจำแนกสถานะ การส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาที่เหมาะสม เช่นการทำบัญชีครัวเรือน การทำแผนชีวิตการฝึกวิชาชีพ  การอบรม ณ ศูนย์การเรียนรู้ เป็นต้น 4. การติดตามและประเมินผลจากคณะทำงานระดับต่างๆ เพื่อจะพิจารณาส่งเสริมต่อเนื่อง หรือต่อยอด แล้วแต่กรณี ซึ่งก็จะมีการให้รางวัลเชิดชูเกียรติสำหรับครัวเรือน  กลุ่มอาชีพ  ชุมชน ที่ประสบความสำเร็จด้วย

      "เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงในเรื่องของพัฒนาการทางเศรษฐกิจเท่านั้น ที่ประชาคมโลกให้การยอมรับประเทศไทยของเรา ยังมีข่าวดี ในเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรีต่างประเทศ สหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นชอบที่จะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย ด้วยตระหนักถึงบทบาท  ความสำคัญของไทย ในฐานะ "ประเทศผู้ประสาน" การเจรจาและสนับสนุนการขยายความร่วมมือ ระหว่างกลุ่มประเทศ EU-ASEAN ส่งผลการติดต่อทางการเมืองในทุกระดับ ระหว่างเรากับ EU จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ทั้งนี้ก็ยังได้มีการกล่าวถึงความเป็นไปได้ว่า เราอาจจะกลับมาเจรจา "ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ระหว่างยุโรป-ไทย" อันจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการขยายกลุ่มประเทศคู่ค้าออกไป และสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นอีกด้วย"นายกรัฐมนตรี กล่าว

                        อินโฟเควสท์

นายกฯ ปลื้มดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.60 ทำนิวไฮรอบ 33 เดือน คาดศก.ฟื้นชัดเจนใน Q2/61

     พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้รับทราบรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประจำเดือน พ.ย.60 สำรวจโดย ม.หอการค้าไทย ซึ่งระบุว่า ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นทุกตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 78 จาก 76.7 เมื่อเดือน ต.ค. โดยถือว่าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 33 เดือน

   “ดัชนีที่เพิ่มขึ้นทุกตัวได้รับอานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ ที่หมุนเศรษฐกิจให้คึกคัก โดยเฉพาะการจับจ่ายของชนชั้นกลาง และมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคนฐานรากได้ประโยชน์ ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยรวมถึงการส่งออกดีเกินคาด ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นเป็นลำดับ"

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งจะส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายสินค้าและบริการในช่วงสิ้นปีถึงปีใหม่คึกคัก และเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงห่วงใยและพยายามแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร และสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ให้ดีขึ้นโดยเร็ว

     นอกจากนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รายงานแนวโน้มการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในระยะยาวของธนาคารโลกได้ระบุว่า ประเทศไทยได้เริ่มหลุดพ้นจากความยากจน และกำลังก้าวสู่ความมั่งคั่ง พร้อมกับเสนอ 3 แนวทางที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม คือ 1.ให้โอกาสด้านเศรษฐกิจกับผู้มีรายได้น้อย 2. มีระบบการดูแลด้านสังคม สาธารณสุข ประกันสังคม และการส่งเสริมการออม 3.การใช้มาตรการทางการเงินการคลัง เช่น มาตรการภาษี ช่วยลดปัญหาความไม่เสมอภาค ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการในปัจจุบัน และแผนที่วางไว้ในอนาคตด้วย

       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!