WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ธปท. ลั่นไม่ลด ดบ.แก้เฟ้อติดลบ ชี้เหตุปัญหาเกิดจากราคาพลังงาน แนะใช้นโยบายการคลังกระตุ้น ศก. ได้เร็วกว่า มองภาคส่งออกปีนี้ คาดโตแค่ 1%

    ธปท. ยันไม่ลดดอกเบี้ย หรือใช้นโยบายการเงินแก้ปัญหาเงินเฟ้อติดลบ เหตุปัญหาเกิดจากราคาพลังงานที่ลดลง เชื่อทั้งปีเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวก ชี้ นโยบายการคลังกระตุ้น ศก.ได้เร็วกว่า นโยบายการเงิน ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้าย ระบุ ยังไม่พบผิดปกติ มองค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ ส่วนภาคส่งออกปีนี้ คาดโตแค่ 1%

   นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่หลายฝ่ายมีการเสนอให้ธปท.ใช้นโยบายการเงิน หรือการลดดอกเบี้ยลง เพื่อแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบในปัจจุบันนั้น ยืนยันว่าการใช้นโยบายการเงินแก้ปัญหาเงินเฟ้อติดลบนั้นอาจไม่ได้ผล เนื่องจากเงินเฟ้อที่ติดลบในปัจจุบันเกิดจากราคาพลังงานที่ปรับลดลง ไม่ได้เกิดจากระดับราคาสินค้าปรับลดลง

  "นโยบายการเงินคงใช้ไม่ได้ผลเพราะเงินเฟ้อที่ติดลบครั้งนี้เกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับมาเป็นบวกได้เหมือนเดิม ซึ่งธปท.ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดต่อไป" นายจิรเทพ กล่าว

  ทั้งนี้ นโยบายการคลังอาจสามารถการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในสถานการณ์ปัจจุบันได้ผลเร็วกว่าการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจาก สามารถอัดฉีดเงินเข้าระบบได้ทันที ขณะที่นโยบายการเงินแม้จะผ่อนคลายไปแล้วยังมีช่วงระยะเวลาในการส่งต่อ

   "ยืนยันว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามธปท.จะดูสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายจิรเทพกล่าว

   นายจิรเทพ  เปิดเผยด้วยว่า ในเดือน ม.ค. 2558 มีเงินไหลออกสุทธิจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร รวม 300 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในเดือน ก.พ.มีเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร 200 ล้านดอลลาร์ 

   " ธปท.ไม่ได้กังวลภาวะเงินทุนเคลื่อนย้าย  ค่าเงินบาทยังมีการเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ แม้จะมีเงินไหลออกจากหลักทรัพย์แต่มีเงินไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ " นายจิรเทพกล่าว

 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันมีเงินไหลออกในหลักทรัพย์ 310 ล้านดอลลาร์ และมีนักลงทุนซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 108 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เงินไหลออกในตลาดพันธบัตรรวม 418 ล้านดอลลาร์ โดยธปท.จะติดตามสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิดต่อไป

   สำหรับ ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ที่ประกาศตัวเลขจีดีพีทั้งปี 2557 โต 0.7% นั้น นายจิรเทพ กล่าวว่า ใกล้เคียงกับที่ธปท.คาดการณ์ไว้ที่ 0.8%  โดยตัวเลขที่มีความแตกต่างกันคือ การบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้

  ขณะที่คาดการณ์ส่งออกในปีนี้ ธปท.มองต่ำกว่าที่สภาพัฒน์ประมาณการไว้ที่ 3.5% โดยธปท.คาดการณ์การส่งออกเติบโต 1% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวล่าช้า

   สำหรับ ปัจจัยที่ธปท.ติดตามอย่างใกล้ชิดคือ รายได้ภาคเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และในปี 2558 คาดว่ารายได้ภาคเกษตรยังคงตกต่ำต่อเนื่องคิดเป็น 11% ของรายได้รวมของประเทศ ซึ่งหากรายได้ดังกล่าวมีการชะลอตัวลงจะมีผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน สำหรับหนี้ภาคครัวเรือน ณ สิ้นไตรมาส 3/2557 ยังทรงตัวที่ระดับ 84.7%

   "ในช่วงที่ผ่านมาการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนมีสัญญาณการฟื้นตัวจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ส่งผลให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น แต่ยังมีประเด็นที่ต้องระมัดระวัง คือรายได้ภาคเกษตรที่ยังตกต่ำ"นายจิรเทพ กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!