WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

“เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : MK (จากถือเป็น Fully Valued)
• ภาพตลาดวันก่อน : SET Index ปิดปรับขึ้น 5.37 จุด มาปิดที่ 1410.63 มูลค่าซื้อขายลดลงเหลือ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนยังเลือกซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มธุรกิจดีต่อเนื่องใน 2Q57-2H57 โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัวจำกัด เช่น ADVANC, KCE,BWG, SUTHA, TTCL รวมไปถึงธุรกิจฟื้นตัว (Turnaround) ได้แก่ CPF, TTA เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงนำซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาทต่างชาติซื้อสุทธิ 532 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 192 ล้านบาท ด้านรายย่อยขายสุทธิ

• ปัจจัยและกลยุทธ์ : กองทัพบกประกาศใช้กฎอัยการศึก เวลา 03.00 น. วันที่ 20 พ.ค.57 โดยตั้งกอ.รส.เข้ามาทำหน้าที่แทนศอ.รส. และขอให้ทุกฝ่ายยุติการชุมนุม นับว่าการเมืองไทยเข้มข้นขึ้น และเคลื่อนมาถึงช่วงปลายแล้ว คาดว่าปัญหาการเมืองรอบนี้จะจบลงในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจจะแกว่งตัวจากความไม่แน่นอนว่าการเมืองจะจบแบบไหน แต่เรามองว่าเป็นจังหวะเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยเห็นว่าภาคธุรกิจของของไทยยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ แม้ว่าการเติบโตจะสะดุดตัวไปบ้างในปีนี้ แต่ก็มีโอกาสที่จะพลิกฟื้นและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 58 สำหรับภายนอก ในวันนี้น้ำหนักยังเป็น Neutral กลยุทธ์ โดยหลักเป็นการซื้อตามด้วยค่าบวก กลยุทธรอง คือ ซื้ออ่อนตัวแต่ไม่ต่ำกว่า1400 จุด แนวต้านระยะสั้น 1420, 1430 จุด โดยยังคงเน้นการลงทุนไปยังหุ้นปัจจัยพื้นฐานมั่นคง ฐานะการเงินดี ธุรกิจฟื้นตัวเร็ว และมีปันผล ซึ่งหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KBANK

 

Fundamental Pick
KBANK แนะนำซื้อปิด 195.50 บาท ราคาพื้นฐาน 210 บาท
• กำไรสุทธิ 1Q57 ดีกว่าคาด โดยเติบโต 18%YoY และ 25%QoQ เป็น 11.9 พันล้านบาทเนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำลง แม้ว่าสินเชื่อจะทรงตัว QoQ (+7%YoY) แต่NIM ที่ทรงตัวสูง 3.6% ช่วยหนุน รวมทั้งรายได้ด้านประกันภัยที่เติบโตแกร่ง (+35%YoY และ+46%QoQ) ช่วยเสริม และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง 11%QoQ ด้าน NPL เพิ่มขึ้นไม่มาก ณสิ้นมี.ค.57 เท่ากับ 33.9 พันล้านบาท หรือ 2.14% ของสินเชื่อรวม คงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน210 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 2.0 เท่า โดยกำไรสุทธิ 1Q57 คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 57 ที่ 45.5 พันล้านบาท (+10%YoY) จุดเด่นของธนาคาร คือ มี ROE สูงที่สุดในกลุ่ม และมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่ดี ทำให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สเปน : หนี้เสียค่อยๆ ลดลง
+ ธนาคารกลางสเปนรายงานว่าสัดส่วนหนี้เสียของภาคธนาคารสเปนในเดือนมี.ค.57 อยู่ที่13.39% ซึ่งลดลงจาก 13.42% ในเดือนก.พ.57 โดยสินเขื่อทั้งหมดในระบบการเงินสเปนอยู่ที่1.44 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.57 ลดลงจาก 1.45 ล้านล้านยูโรในเดือนก.พ.57

 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเล็กน้อย
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 20.55 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 16,511.86 จุด ดัชนี S&P500 ปรับขึ้น 7.22 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1,885.08 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 35.23 จุด หรือ0.86% ปิดที่ 4,125.82 จุด ปัจจัยที่หนุน คือ ข่าวการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (เอที แอนด์ ทีได้ตกลงซื้อกิจการบริษัทไดเร็ค ทีวี ซึ่งเป็นบริษัททีวีผ่านดาวเทียมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ)

 

• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบแคบ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดบวก 59 เซนต์ แตะที่ 102.61 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 38 เซนต์ ที่109.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักลงทุนรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่จะรายงานออกมาส่วนสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลายลง หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียสั่งถอนกำลังทหารออกจากเมือง Rostov, Belgorod และ Bryansk ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนของประเทศยูเครนกลับสู่ฐานประจำการ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนในวันอาทิตย์นี้

 

• สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.57 ปิดบวก 40เซนต์ หรือ 0.03% ที่ 1,293.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• เศรษฐกิจไทย : GDP 1Q57 หดตัว0.6%YoY และ 2.1%QoQ
• สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไตรมาส 1/57 ติดลบ 0.6%YoY และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว GDP ปรับตัวลดลง 2.1%QoQ (SA) ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแต่เสถียรภาพยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ 0.9% อัตราเงินเฟ้อเท่ากับ2.0% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.67 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8.8% ของ GDP• การหดตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/57 เป็นผลจาก การใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง 3.0%โดยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งลดลง, การลงทุนภาคเอกชนหดตัว 7.3% และการลงทุนภาครัฐติดลบ 19.3% อย่างไรก็ดีการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่ม 2.9% (เป็นพวกค่าใช้จ่ายบุคคลากร เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง) สำหรับอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 ของเดือนม.ค.-มี.ค.57 อยู่ที่ 19.1% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 24% ส่วนการส่งออกในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นเพียง 0.9%เพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างช้าๆ และเป็นบางกลุ่มประเทศเท่านั้น
• แนวโน้มไตรมาส 2/57 ยังอ่อนแอ โดยอุปสงค์ในประเทศยังคงซบเซาต่อเนื่อง เพราะปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ รวมทั้งการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 58 ล่าช้า ทางสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 ใหม่เป็น 1.5-2.5% (เดิม 3.0-4.0%) สำหรับ DBS GroupResearch ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 57-58 ลงเป็น 1.8% และ 4.8% (เดิม 3.1%และ 5.3%)

 

-/+ เงินบาทอ่อนค่าหลัง GDP 1Q57 ติดลบทั้ง YoY และ QoQ
- เงินบาทล่าสุดอ่อนค่าลงมาที่ 32.612 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จาก 32.457 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในวันก่อน เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/57 ออกมาหดตัวทั้ง YoY และ QoQ รวมทั้งอ่อนค่า 1.6% จากระดับที่แข็งสุดของ YTD ปีนี้ที่ 32.088 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (18 มี.ค.57) แต่เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ 1Q57 ที่ 32.409 บาท/ดอลลาร์สหรัฐแล้วพบว่าอ่อนค่าเพียง 0.6%เท่านั้น

 

       ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ทิศทางของค่าเงินบาทในระยะต่อไปขึ้นกับสถานการณ์การเมือง โดยหากปัญหาการเมืองคลี่คลายลงได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ และนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มทั้งในตลาดรองและลงทุนโดยตรง (FDI) ซึ่งอั้นมาหลายเดือน ก็จะช่วยให้เงินบาทกลับมาเข็งค่าขึ้นได้ แต่ถ้าปัญหาการเมืองยังยืดเยื้อกดดันเศรษฐกิจให้อ่อนแอลงต่อใน 2Q57 และใน 2H57 ค่าเงินบาทก็มีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงได้อีกอย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัจจุบัน เราประเมินว่าโอกาสที่ความขัดแย้งทางการเมืองจะยุติลงในเร็วๆนี้มีมากขึ้น สำหรับหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับส่งออกและมีรายได้รูปเงินตราต่างประเทศ (เช่น อิเลคทรอนิกส์, ธุรกิจเกษตรส่งออก, ดาวเทียม เป็นต้น) ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลลบเมื่อบาทอ่อนค่า คือ บริษัทที่นำเข้าสุทธิและบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศมาก (เช่น TVO, TRUE, THAI-การบินไทยมีทั้งรายได้รูปเงินตราต่างประเทศและหนี้ต่างประเทศหลายสกุลแต่สุทธิแล้วมักจะเกิดผลลบต่อผลประกอบการมากกว่าบวกเมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น) สำหรับกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี จะเป็น NaturalHedge เพราะมีทั้งรายได้และหนี้สินในรูปเงินตราต่างประเทศ

 

       ในเชิงกลยุทธ์ ในปีนี้เราชอบหุ้นในกลุ่มอิเลคทรอนิกส์และธุรกิจเกษตรส่งออก โดยคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีผลประกอบการเติบโต 18% และ 35% ตามลำดับ ซึ่ง Outperform ตลาดที่ประมาณการว่าจะขยายตัวเพียง 9% เนื่องจากได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและธุรกิจของลูกค้าหลัก หุ้นเด่น คือ KCE, CPF, GFPT และ TUF

 

• การเมือง : "นิวัฒน์ธำรง" ยืนยันไม่ลาออก...วุฒิสภาเร่งหาทางออกประเทศ และจะทำให้สำเร็จภายในสัปดาห์นี้
      • นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา ในฐานะโฆษกคณะทำงานประสานงานองค์กรวุฒิสภา เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.สรรหา ในฐานะว่าที่รองประธานวุฒิสภา คนที่2 เป็นตัวแทนวุฒิสภาไปหารือกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยได้รับคำยืนยันจากนายนิวัฒน์ธำรงว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยไม่ลาออกจากตำแหน่ง
• หลังได้คำตอบชัดเจนจากรัฐบาล วุฒิสภาจะเดินหน้าหาทางออกต่อไป โดยจะนำผลหารือดังกล่าวเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภานอกรอบในช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ค.) และพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยยังไม่ได้ตัดแนวทางการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจหากถึงเวลาที่จำเป็น แต่จะหาแนวทางที่ลงตัวมากที่สุดและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

 

• การเมือง : กองทัพบกประกาศกฎอัยการศึกตั้งแต่ 03.00 น. ของวันที่ 20 พ.ค.57
      • พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันที่ 20 พ.ค.57 ทั้งนี้เห็นว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธสงครามต่อประชาชน และสถานที่สำคัญอย่างกว้างขวางเป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเหตุจราจล และความไม่สงบเรียบร้อยอย่างรุนแรงในพื้นที่ อันกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 และมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกพุทธศักราช 2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึกตามวันและเวลาดังกล่าว
      • การดำเนินการหลัก คือ ให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) และให้ศอ.รส.ยุติปฏิบัติหน้าที่, ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งมอบกำลังในอัตราให้ขึ้นควบคุมทางยุทธการกับกอ.รส. สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ให้ยุติความเคลื่อนไหว และประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!