WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-9-2020dbs

คาด SET ฟื้นตัวตามตปท. แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก

  • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ มีรีบาวด์ระหว่างวัน ปิด -0.40 จุด ที่ 1293.40 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 47.5 พันลบ.รีบาวด์จากจุดต่ำสุดของวันที่ 1276.38 ขึ้นมาได้ช่วงแรกดัชนีฯปรับลงลึกจากข่าวลบ สหรัฐจะลดความสัมพันธ์จีน ดาวโจนส์และน้ำมันปรับตัวลงมากซาอุดิ อรามโกจะลดราคาน้ำมัน แต่ช่วงบ่ายดาวโจนส์ Future หุ้นยุโรป น้ำมันกลับฟื้นมีข่าวสภาสหรัฐจะผ่านงบฯ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงเป็น 260 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-คาดมีโอกาสฟื้นตัว หลังสหรัฐมีการซื้อคืนหุ้นเทคฯ แอสตร้าฯยังทดสอบวัคซีน น้ำมันฟื้นตัว ปัจจัยบวกคือ กลับมาไล่ซื้อหุ้นบ.เทคโนโลยีหลังลงแรงการทดลองวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ายังดำเนินต่อไป จากก่อนหน้ามีข่าวจะหยุดเพราะมีผู้ทดสอบป่วย ตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ก.ค.เพิ่มขึ้นดี ดาวโจนส์ +440 จุด น้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 1.29เหรียญ ดัชนีกังวล Vix ลดลงเป็น 28.8 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรีบาวด์ ด้านปัจจัยลบเดิมๆคือ สงครามการค้า โรคโควิด-19 โดยเฉพาะอินเดียระบาดหนัก และปัจจัยการเมืองในประเทศเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับลดลง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบที่ลดลง 1280-1320 จุด ทยอยขายแนวต้านลดเสี่ยง หากหลุด 1290 จุดเป็นสัญญาณไม่ดี ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง P/E SET สูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ไบเดนชนะเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับเอเซียมากกว่าตอนทรัมป์ ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมไม่มีทางเลือกนัก จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี พาณิชย์-CPALL,MC มีโอกาสฟื้นตัวดี รับเหมาเด่น-CK วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-TASCO,DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LHเติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ที่อยู่อาศัยขนาดปานกลาง ปันผลมาก- LALIN,NOBLE, SC,SENA หุ้นกลุ่ม REITs & IFFsปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผลปลายปี แนวรับคือ 1260-1250 จุด และแนวต้าน 1300-1320 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1290 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ สภาสหรัฐผ่านร่างงบเยียวยา 1 ล้านล้านเหรียญ สงครามการค้าที่ทรัมป์พยายามใช้มาตรการที่เข้มขึ้นกับจีนเพื่อหาเสียงสู้ไบเด็น ต้องติดตามว่าจะเป็นแค่การต่อรองหรือไม่ และตลาดจับตา ECB ประชุมวันนี้อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ ติดตามการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ หลังราคาน้ำมันเริ่มกลับมารีบาวด์และฟื้นตัวดีขึ้น

# Stock Pick Today : CK ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 มีโอกาสได้งานใหม่คือ งานโยธาเขื่อนที่หลวงพระบาง 90-100 พันล้านบาทปลายปีนี้ ช่วยเติม Backlog ที่น้อยและรถไฟฟ้าสายสีส้ม ข้อดีคือ 1) Backlog มีอัตรากำไรในเกณฑ์ดีราว 8-10% 2) จะมีเงินปันผลรับจาก TTW อีก 232 ล้านบาท บันทึกใน 3Q63 3) BEM ฟื้นตัวจากการเปิดเมือง ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน และ 4) CKP กลับมาดี จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป ให้ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี Sum of Parts (SOP)

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...เป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆตามมาได้ ยังคงให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดลบเล็กน้อยใต้“SMA10วัน” (แต่ปิดสูง” / โดยมีโครงสร้างขาลง ระยะกลางกดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้แกว่งแบบให้น้ำหนักกับการลง แต่ค่าบวก” (มี“Oversold ในกราฟรายนาทีหนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1300 (หรือ 13101320) จุด {แนวตัดขาดทุน ต่ำกว่า 1290” (แนวรับย่อย 12601250จุด)}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Single stock futures : รายสัปดาห์

Company Update : HUMAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.00)

UTP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 16.50)

Equity Explorer : AS

Turnover List Watch: คาด TRUBB ติด Cash Balance แล้ว

In The News : ข่าวเด่น

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

+ สหรัฐ: ไล่ช้อนซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

# นักวิเคราะห์จากบริษัทเครสเซท แคปิตอล แมเนจเมนท์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า นักลงทุนไล่ช้อนซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมุมมองที่ว่า บริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงที่ประชาชนต้องทำงานที่บ้าน โดยคำสั่งซื้อในหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.ปีนี้ และหนุนดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ปีนี้

+ สหรัฐ: แอสตร้าเซนเนก้าจะทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 สัปดาห์หน้า หลังก่อนหน้ามีข่าวหยุดทดลอง

# ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ซึ่งระบุว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะกลับมาดำเนินการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ต่อไปในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนวิตกกังวลจากข่าวแอสตร้าเซนเนก้าประกาศระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 หลังผู้เข้าร่วมโครงการรายหนึ่งล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ

+ สหรัฐ: การเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเพิ่ม 617,000 ตำแหน่ง ในเดือนก.ค.

# สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน(JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 617,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ6.6 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ทะยาน 439.58 จุด รับแรงช้อนซื้อหุ้นเทคโนฯ

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโควิด-19 ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ และแอมะซอนดอทคอม

+ น้ำมัน: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนราคาน้ำมัน WTI ปิดบวก 1.29 ดอลลาร์

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

  • ทองคำ: ปิดบวก $11.7 เหตุดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้เพิ่มความน่าดึงดูดให้กับราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของราคาทองได้ถูกจำกัดในระหว่างวัน หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

  • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้

# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

+ หอการค้าไทย-จีน มองไทยเริ่มมีสัญญาณบวกจากความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

# ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณบวกจากความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลควรเร่งแก้ไขไตรมาส 4 โดยเร็ว ด้วยการเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินการอยู่แต่ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้ จึงจำเป็นต้องผลักดันมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 4 ปี 2563 นี้ด้วยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพำนักในประเทศไทยในระยะยาว

# ผลกระทบ: อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจจีนทั้งการค้าและการลงทุนไตรมาส4/63 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ส่งผลให้การนำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งนี้ในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.63) การส่งออกไทยไปตลาดจีนขยายตัว 4.5% หรือเป็นสัดส่วน 12.8% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย หลักทรัพย์ที่อิงกับเศรษฐกิจจีนคือ HANA, TKN และ CBG ซึ่งปัจจุบันแนะนำ ซื้อ HANA ราคาพื้นฐาน 44.75 บาท และ ถือ TKN ราคาพื้นฐาน 10.90 บาท แต่ CBG ไม่ได้ทำการวิเคราะห์

+ ธปท.เผย ณ 31 ก.ค.63 มีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินทั้งสิ้น 7.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12.5 ล้านบัญชี

# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยความคืบหน้าของมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จากข้อมูลล่าสุด ณ 31 ก.ค.63 มีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินทั้งสิ้น 7.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12.5 ล้านบัญชี โดยลักษณะการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ธุรกิจครอบคลุมทั้งการเลื่อนพักชำระหนี้ การลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนด้วยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญา การลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ตามสัญญาใหม่

# ผลกระทบ: หลักทรัพย์กลุ่มธนาคารมีปัจจัยสำคัญคือ รอดูผลทดสอบดำเนินธุรกิจในภาวะวิกฤติ หรือ "สเตรสเทสต์"ของเดือน ต.ค.นี้ หากเงินกองทุนเหนือเกณฑ์ 12% จะยกเลิกการห้ามจ่ายเงินปันผล ขณะที่แบงก์ชาติรายงานล่าสุดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ของระบบแบงก์อยู่ที่ 19.2% เงินสำรองอยู่ระดับสูง 7.43 แสนล้านบาท เอ็นพีแอลเพิ่มเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.09% พร้อมยืนยันแบงก์ไทยมีความมั่นคงระดับสูง ด้านหลักทรัพย์แนะนำ ซื้อ คือ KBANK ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน (Undervalue) ที่ 107 บาท ส่วนปันผลโดดเด่นคือ KKP และ TISCO

- กกร. คาดเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปี 63 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจโลกเสียโมเมนตัมในการฟื้นตัว

# คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปี 63 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเพราะต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเสียโมเมนตัมในการฟื้นตัว หลังจากมีการระบาดของไวรัสโควิดระลอกสองในหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ ส่วนในไทยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะหดตัวในกรอบ -9 ถึง -7% ส่วนการส่งออกหดตัว -12 ถึง -10% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป -1.5 ถึง -1%

+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคส.ค.63 อยู่ที่ 51.0 ถือว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.63อยู่ที่ 51.0 จาก 50.1 ในเดือน ก.ค.63 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีปัจจัยบวกจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%, รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 5 หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น, รัฐบาลดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ, ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับตัวลดลง

+ ข้อดีมาตรการรัฐล่าสุดช่วยเรื่องจ้างแรงงานและกระตุ้นการใช้จ่ายคนละครึ่ง ช่วยเพิ่ม GDP 4Q63 ราว 1-1.5%

# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินเบื้องต้นว่ามาตรการที่ภาครัฐจะออกมาช่วยเหลือในเรื่องการจ้างแรงงาน หรือการกระตุ้นการใช้จ่ายจากมาตรการ "คนละครึ่ง" ด้วยการให้เงิน 3,000 บาท แก่ประชาชน 15 ล้านคน โดยใช้งบ 45,000 ล้านบาทนั้น จะทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นถึง 9 หมื่นล้านบาท และหมุนเวียในระบบถึง 2 รอบ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4/63 ให้เพิ่มขึ้นได้ 1-1.5%

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!