WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-9-2020dbs

ยังขายหุ้นเทคฯ DJ-น้ำมันลง แต่ ECB คาดศกหดลดลง

  • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ ปรับลงขาดปัจจัยใหม่ๆ ปิด -2.51 จุด ที่ 1290.89 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 42.2 พันลบ.ดัชนีฯแกว่งแคบคล้ายภูมิภาคแถบนี้ช่วงเช้าขึ้นได้บ้าง รับข่าวสหรัฐมีการซื้อคืนหุ้นเทคโนฯ แอสตร้าฯยังทดสอบวัคซีน และน้ำมันฟื้นตัว แต่ตลาดฯขาดปัจจัยใหม่ๆ และยังมีปัจจัยลบเดิมๆคอยรบกวนคือ สงครามการค้า โรคโควิด-19 และการเมืองไทยจึงมีแรงขาย ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-สถาบัน YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงเป็น 260 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-คาดปรับลงต่อ แต่อาจมีรีบาวด์ระหว่างวัน ประชุม ECB ตามคาด แต่มองศก.หดตัวน้อยลง ฟากสหรัฐปัจจัยลบมาก ปัจจัยลบคือ มีแรงขายหุ้นเทคโนฯที่สหรัฐอีก มองแพง แผนผ่านงบเยียวยาโควิดยังไม่ผ่านสภา ขัดแย้งกันเรื่องวงเงิน ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดที่ 8.8 แสนราย ดาวโจนส์ -406 จุด น้ำมันร่วง 75 เซ็นต์ สต็อกสูงกว่าคาด ระยะนี้กลับเข้าหาทองคำ ดัชนีกังวล Vix เพิ่ม 29.7 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลง ด้านไทย ธปท.ไม่ผ่อนคลาย LTV และการเมืองไทยมีประเด็น การแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนปัจจัยบวกคือ ECB คงนโยบายดอกเบี้ย 0% และวงเงิน QE ที่ 1.35 ล้านล้านยูโร แต่มองเศรษฐกิจปีนี้หดตัวน้อยลงเป็น 8% จากเดิม 8.7% และดาวโจนส์ Future รีบาวด์ กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบที่ลดลง 1280-1310 จุด ทยอยขายแนวต้านลดเสี่ยง หากหลุด 1275 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง P/E SET สูงและการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ไบเดนชนะเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับเอเซียมากกว่าตอนทรัมป์ ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมไม่มีทางเลือกนัก จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี พาณิชย์-CPALL,MC มีโอกาสฟื้นตัวดีรับเหมาเด่น-CK วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-TASCO,DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ที่อยู่อาศัยขนาดปานกลาง ปันผลมาก-LALIN,NOBLE, SC,SENA หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63แต่เก็งกำไรปันผลปลายปี แนวรับคือ 1280-1275 จุด และ แนวต้าน 1300-1309 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1275 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐไม่สดใส กลุ่มที่อยู่อาศัยหลังธปท.ไม่ผ่อนเกณฑ์ LTV ให้ ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอ และเช้านี้ JMT มีประกาศเพิ่มทุนและออกวอร์แรนท์ ชุดที่ 3

# Stock Pick Today : NWR มาแรง... ขึ้นอันดับ 3 ด้านงานในมือแล้ว โดดเด่นในอุตสาหกรรมรับเหมาฯ ขึ้นสู่อันดับ 3 งานในมือสูงสุดที่ 38.3 พันล้านบาทประมูลงานได้สูง ขณะที่มีการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรม ส่วนธุรกิจพรีแฟบและอสังหาฯไปได้ดี ปรับกำไรหลักปีนี้และปี 64 ขึ้นถึง 27% และ 79% ตามลำดับ สะท้อนภาวะธุรกิจที่ดีขึ้น คงแนะนำ ซื้อ คาดว่ากำไรหลักปีนี้และปีหน้าเติบโตสดใส โดยเฉพาะปี 64 เพิ่ม 63% y-o-y กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 0.65 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 38%

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Hot Issue : กลุ่มสถาบันการเงิน : ธปท.มองว่ายังไม่จำเป็นต้องผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ของกลุ่มที่พักอาศัย

Company Update : CENTEL (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 23.50)

NWR (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 0.65)

Stock in Focus : TMB (ซื้อ - ราคาพื้นฐาน 1.30)

Turnover List Watch : คาด TRUBB และ TTCL ติด Cash Balance แล้ว

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

  • •/+ การประชุม ECB: เป็นไปตามคาด แต่คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้หดตัวลดลง

# ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP)ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร

# ทางด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวลง 8.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ดีกว่าที่ระบุในเดือนมิ.ย.ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 8.7% ในปีนี้ นอกจากนี้ นางลาการ์ดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนขยายตัว 0.3% ในปีนี้ และ 1.0% ในปีหน้า

- สหรัฐ: กลับมามีแรงขายหุ้นเทคโนโลยี กังวลมูลค่าหุ้นสูงเกินไป

# นักวิเคราะห์จากบริษัทซัสคิวแฮนนา ไฟแนนเชียล ในรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และยังคงเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินไป ซึ่งส่งผลให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ถูกเทขายออกมาอย่างหนักเมื่อคืนนี้

- สหรัฐ: แผนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ยังไม่สำเร็จและตกลงกันไม่ได้ในสภา

# ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐโหวตคว่ำแผนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ที่นำเสนอโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับขนาดและขอบข่ายของมาตรการดังกล่าว

# นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีจุดยืนที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวงเงินของมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงแรก ก่อนที่จะลดลงมาเหลือ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันยืนยันวงเงินราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

- สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 884,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าคาด

# ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 884,000รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 93,000 ราย สู่ระดับ 13.385 ล้านราย

- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 405.89 จุด นลท.ขายหุ้นเทคโนฯ,วิตกแผนเยียวยาโควิดไม่คืบ

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่สูงกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 75 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันยังคงซบเซาในขณะนี้

# นอกจากนี้ EIA ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้จำนวน 210,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.32 ล้านบาร์เรล/วัน

  • ทองคำ: ปิดบวก $9.4 รับอานิสงส์ดอลล์อ่อนค่า,ECB คงนโยบายการเงิน

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและคงวงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุมเมื่อวานนี้

  • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้

# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

-/อสังหาริมทรัพย์: ธปท. ยืนยันการใช้เกณฑ์ LTV ค่อไป ไม่ลดหย่อนตามที่ผู้ประกอบการเสนอ เพราะยังจำเป็น

# ธปท. ยืนยันว่า หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ มาตรการ loan-to-value ratio (LTV) ยังมีความจำเป็นและเหมาะสม โดยประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้โดยเฉพาะบ้านหลังแรกอีกทั้งเป็นการป้องกันความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์

# ผลกระทบ: เป็นลบ คงคำแนะนำ ถ่วงน้ำหนักปานกลาง ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้นนัก ปัจจัยลบคือ หนี้ครัวเรือนที่สูงและภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่สดใส และมีความไม่แน่นอน ข้อดีคือ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีราว 7%ยังคงจัดลำดับให้ AP เป็นหุ้น Top Pick สำหรับหลักทรัพย์กลุ่มที่อยู่อาศัย ด้วยราคาพื้นฐาน 7.80 บาท คาดว่าจะเป็นบริษัทเดียวที่มีกำไรปี 63 เติบโตได้ y-o-y มีพอร์ตฟอลิโอบ้านแนวราบที่ขายดี ยอดขายรอโอน (Backlog) ที่สูง อีกทั้งยังจ่ายปันผลในเกณฑ์ดี ด้านหลักทรัพย์ปันผลสูงขนาดกลางที่แนะนำ ซื้อ คือ LALIN, SC.SENA และ NOBLE

-อุตสาหกรรมท่องเที่ยว: คาดรายได้จากการท่องเที่ยวไทยจะหดตัวสูงมาก และใช้เวลาฟื้นตัวที่นาน

# ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมากจากโควิด-19 โดยรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ มีแนวโน้มหดตัวถึง 2.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 70% เหลือเพียง 9.1 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวจาก 39 ล้านคน เหลือเพียง 6.8 ล้านคน ส่วนในปี 2564 ประเมินว่าการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นไปอย่างจำกัด

  • การเมืองไทย: ปิยบุตร เตรียมเสนอผลศึกษาแก้รธน. หนุนแก้รายมาตราก่อนยกร่างทั้งฉบับ

# นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กล่าวถึงการเตรียมนำเสนอรายงานการศึกษาของ กมธ. ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า บางประเด็นเห็นตรงกันกับ กมธ.เสียงส่วนใหญ่ ขณะที่บางประเด็นก็เห็นค้าน ซึ่งในหลายๆ ประเด็นเหล่านี้ อาทิ หมวด 1 หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญที่เห็นว่าสามารถแก้ไขได้ ไม่ได้ต้องห้าม และบางกรณีในอดีตก็มีการแก้ไขมาแล้ว และถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยก็ต้องแก้ได้ ทั้งนี้ภายใต้กรอบระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Aspen)

-JMT: ประกาศเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม-PP และออก JMT-W3

# บอร์ด JMT (ไม่ได้ทำการวิเคราะห์) อนุมัติเพิ่มทุน 464,311,982 หุ้น ขายRO-PP พร้อมรองรับวอแรนต์JMT-W3,JMTESOPW1,JMT-W2 /ออกหุ้นกู้ไม่เกิน 3 พันลบ.

# ผลกระทบ: Dilution Effect ราว 36% จากจำนวนหุ้นปัจจุบันที่ 891.51 ล้านหุ้น แต่เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมและ PPจำนวน 356.6 ล้านหุ้นเป็นแบบขอเผื่อไว้ก่อน (General Mandate) ส่วน JMT-W3 ราคาใช้สิทธิ์ 42 บาทต่อหุ้น ถือว่าสูงกว่าราคาปิดที่ 32.25 บาท อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี 6 เดือน อัตราส่วนการจัดสรรจะอยู่ในช่วง 8.91509 - 11.14498หุ้นเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ แล้วแต่การแปลง JMT-W2 ในอนาคต

+ MK จับมือ MINT-BH ร่วมโปรเจ็คท์"รักษ"ศูนย์รวมสุขภาพ

# MK (ไม่ได้ทำการวิเคราะห์) ได้เปิดตัวโครงการ "รักษ" ตั้งอยู่ในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า เป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ภายใต้คอนเซ็ป "Fully Intergrative Wellness & Medical Retreat" มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 พันล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการภายในเดือนธ.ค. 63 ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของ MK ที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจเพื่อเช่าและบริการ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรเป็น 50:50 ภายในปี 64

# โดยการแบ่งรายได้ของโครงการ "รักษ" จะเป็นในลักษณะการแบ่งสัดส่วนรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์ของไวทัลไลฟ์ ซึ่งให้บริการโดย BH บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ 15% จากรายได้ค่าบริการทางการแพทย์ และในส่วนของวิลล่าพักอาศัยบริษัทจะได้รับค่าบริการเข้ามาทั้งหมด โดยว่าจ้างไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็นผู้บริหารจัดการวิลล่าพักอาศัย สัญญาบริหาร 10 ปี โดยที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนโครงการทั้งหมดบนพื้นที่ 200 ไร่ซึ่งในเฟสแรกจะพัฒนา 60 ไร่ มีวิลล่า 60 หลัง แต่จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงแรกก่อน 27 หลัง และจะทยอยเปิดตามมา

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!