WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-9-2020dbs
“CPI ดีขึ้น-โกลแมนคาดGDP3Qฟื้นสูง-ตามติดเชื้อรอบ 2”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ ปรับลงมากช่วงบ่าย ปิด -10.93 จุด ที่ 1279.96 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 44 พันลบ.ดัชนีฯแย่กว่าภูมิภาคแถบนี้ หลังมีข่าวนักกีฬาต่างประเทศเจอติดเชื้อโควิดก่อนแข่งไทยลีค ด้านข่าวลบอื่นๆคือ มีแรงขายหุ้นเทคโนฯที่สหรัฐอีก แผนผ่านงบเยียวยาโควิดยังไม่ผ่านสภา ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ดาวโจนส์ และน้ำมันปรับลงแรง ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-สถาบัน YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงเป็น 261 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-คาดมีรีบาวด์หลังลงลึกเร็ว CPI ส.ค.ปรับขึ้นดี GDP 3Q ฟื้น เพื่อนบ้านบวก ผลตรวจนักบอลไม่ติดเพิ่ม ปัจจัยบวกคือ สหรัฐฯมีการซื้อหุ้นอุตสาหกรรมและวัสดุฯหวังเศรษฐกิจฟื้น CPI สหรัฐส.ค.เพิ่ม 0.4% ดีกว่านวค.คาด ติดตามเฟดประชุม 15-16 ก.ย.นี้ โกลแมนด์ฯคาด GDP สหรัฐ 3Q63 +35% ดาวโจนส์วันศุกร์ +131 จุด น้ำมันฟื้นตัวเล็กน้อย ดัชนีความกังวล VIX ลดลงเป็น 26.87 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ Future เป็นบวก ส่วนปัจจัยลบคือ ติดตามท่าทีสหรัฐหลัง Bytedance ยังไม่ขาย Ticktok ทันเส้นตาย 15 ก.ย.และยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ ด้านไทยงบประมาณปี 64 มีโอกาสออกไม่ทัน 1 ต.ค.แต่มีโอกาสใช้ของปีก่อน และยังติดตามการติดเชื้อรอบ 2 หลังนักบอลอุเบฯพบเชื้อ แต่ช่วงวันหยุดนักบอลบุรีรัมย์ฯตรวจรอบ 2 ไม่พบเชื้อเพิ่ม ต้องติดตามรายอื่นๆต่อและชาวเมียนมาร์ติดกันมาก กลัวลักลอบเข้าไทย กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบที่ลดลง 1270-1310 จุด ทยอยขายแนวต้านลดเสี่ยง หากหลุด 1275 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยงหมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมไม่มีทางเลือกนัก จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี พาณิชย์-CPALL,MC มีโอกาสฟื้นตัวดี รับเหมาเด่น-CK,NWR วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์เป็นไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TU,STI ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ที่อยู่อาศัยขนาดปานกลาง ปันผลมาก- LALIN,NOBLE,SC,SENA หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,HREIT,AIMIRT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผลปลายปีและผล Stress Test ต.ค.63 แนวรับคือ 1270-1250 จุด และ แนวต้าน 1300-1309 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1275 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ1)ระวังแรงขาย TASCO หลังโรงกลั่นมาเลเซียหยุดซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 40% ของรายได้ 2) คาด JMART และ JMT เริ่มฟื้นหลังถูกกดดันจากการประกาศเพิ่มทุน3) วันที่ 18 ก.ย.การถ่วงน้ำหนักของ FTSE มีผล และ 4) 19 ก.ย.มีการนัดชุมนุมทางการเมือง จะมีเหตุบานปลายหรือไม่
# Stock Pick Today : DCC คาดกำไร 2H63F โตแข็งแกร่ง YoY เพราะรายได้เพิ่ม อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และปี 64F คาดว่ากำไรขยายตัวได้ต่อจากยอดขายที่มากขึ้นตามส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวสูง เน้นจำหน่ายกระเบื้องขนาดใหญ่ รวมทั้งรายได้ค่าเช่ามากขึ้น คาดกำไรปี 63F/64F+51%/+12% YoY DividendYield ปี 63F/64F 6%/7% (จ่ายทุกไตรมาส) ที่ Payout 80% และปี 64 มีโอกาสเพิ่ม Payout เป็น 100% หลังได้เงินแปลงวอร์แรนท์กว่า 1 พันล้านบาท ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที 3.00 บาท อิงตาม P/E ปี 64 ที่ 15.0 เท่า
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
In The News : TASCO(คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ หลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน)
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : TRUBB ,TTCL ติด Cash Balance ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ คาดเศรษฐกิจฟื้นปีหน้า
# นักลงทุนยังคงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 ทันทีที่มีวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ฉีดให้กับประชาชนโดยทั่วไป
+ สหรัฐ: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.และก.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI อาจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และอาจเพิ่มขึ้น1.2% เมื่อเทียบรายปี
# หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPIพื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค.
- สหรัฐ: ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมาก 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
# ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผย ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐพุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. และมีแนวโน้มแตะ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนนี้
+/• สหรัฐ: จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้
# บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
+ เศรษฐกิจโลก: โกลด์แมนฯคาด'จีดีพีสหรัฐ'Q3 โต 35% ส่วน'จีดีพีอังกฤษ'ฟื้นตัว 6.6% เดือนก.ค.
# โกลด์แมน แซคส์ เพิ่มประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐ จาก 30% เป็น 35% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษก็ฟื้นตัวอย่างช้าๆ จีดีพีเดือนกรกฎาคมโต 6.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงต่ำสุดในเดือนเมษายนถึง 18.6%
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 131.06 จุด หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม-การเงินหนุนตลาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงิน ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มเติบโตปรับตัวลง แต่ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวต่างก็ปิดตลาดปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวกเล็กน้อย สต็อกเพิ่ม-อุปสงค์ลดถ่วงตลาด
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ขณะที่ตลาดยังคงถูกกดดันจากการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนแอ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
# บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมคณะกรรมการสังเกตการณ์ตลาดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันที่ 17 ก.ย.นี้ โดยคณะกรรมการอาจมีการหารือกันเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันที่กำลังเพิ่มขึ้นในขณะนี้ แต่นักวิเคราะห์คาดแค่กำชับข้อตกลงเดิม
• ทองคำ: ปิดร่วง $16.4 เหตุนลท.ขายทำกำไร
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากปรับตัวขึ้นในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา และยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- การถ่วงน้ำหนัก FTSE Rebalancing มีผล 18 ก.ย.63 ระยะสั้น-เก็งกำไรล่วงหน้าตัวเข้า ลดพอร์ตตัวออก
# Large Cap : เข้า (+) CRC, BBL-R, BGRIM ออก (-) TOP / Middle Cap : เข้า (+) TOP, CBG ออก (-)BGRIM /Small Cap : เข้า (+) MEGA, IMPACT, JMT ออก (-) CBG
+/- โควิด-19: ผลตรวจเชื้อนักฟุตบอล บุรีรัมย์รอบ 2 ทั้งหมด ไม่มีผู้ติดเชื้อ
# กรณีนักฟุตบอลชาวอุเบกิสถานของบุรีรัมย์ พบเชื้อโควิด-19 ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ 12 ก.ย.63 ผลตรวจสอบรอบสองของนักเตะ-สตาฟฟ์โค้ชของทีมปราสาทสายฟ้า ไม่พบผู้ดิดเชื้อเพิ่ม แต่ยังต้องกักตัวไว้ก่อน และยังต้องติดตามผลรายอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
+ ธปท.พัฒนาอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THOR ขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THBFIX
# ธปท.พัฒนาอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THOR ขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THBFIX ของไทยที่จะสิ้นสุดลง ณสิ้นปี 2564 ตามการยกเลิก LIBOR โดยอัตราดอกเบี้ย THOR มีจุดเด่นกว่า THBFIX ตรงความสามารถในการสะท้อนภาวะสภาพคล่องของเงินบาทในตลาดการเงินของไทย ผันผวนน้อย และมีทิศทางที่สอดคล้องกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมากกว่าอัตราดอกเบี้ย THBFIX ซึ่งถูกคำนวณขึ้นจากปัจจัยที่สะท้อนสภาพคล่องเงินดอลลาร์ฯ เป็นหลักดังนั้นคาดว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THOR จะมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินของไทย และช่วยลดความเสี่ยงที่ต้นทุนการกู้ยืมในรูปเงินบาทจะได้รับผลกระทบจากการพลิกผันของสภาพคล่อง/ต้นทุนการกู้เงินในรูปดอลลาร์ฯ เหมือนเช่นกรณีของอัตราดอกเบี้ย THBFIX ในบางช่วง
-/• งบ64สะดุดบังคับใช้ไม่ทัน1ต.ค.
# วานนี้ (13ก.ย.) นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 10 กันยายน2563 แจ้งให้หน่วยงานราชการทั่วประเทศ ทราบว่าด้วยพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะประกาศใช้บังคับไม่ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
# ผลกระทบ: ดูเหมือนน่ากังวลมาก แต่เคยเกิดปัญหานี้มาก่อนแล้ว และใช้วิธีนำงบประมาณปี 63 มาโอนใช้ไปก่อน แต่ต้องติดตามว่าจะเพียงพอหรือไม่
+ การเมืองไทย: ซูเปอร์โพล พบคนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่น"ลุงตู่"หลังการอภิปรายไม่มีอะไรใหม่
# สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เชื่อมั่นลุงตู่หลังศึกอภิปราย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.9 ระบุ การอภิปรายรัฐบาลเมื่อ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องเดิม ๆ ไม่มีอะไรใหม่ ในขณะที่ร้อยละ 11.1 ระบุ เป็นเรื่องใหม่ น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 ยังเชื่อมั่นค่อนข้างมาก ถึง มากที่สุดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังอภิปราย จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว การจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ 2 แสนอัตรา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ในขณะที่ร้อยละ 21.9 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อย ถึง ไม่เชื่อมั่นเลย
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!