WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-10-2020ASP
 คาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในภาวะ Wait & See โดยมีประเด็นการเมือง 14 ต.ค.63 ให้ติดตาม ส่วนเรื่อง Covid-19 ก็เป็นอีก 1 ตัวแรกที่จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดฯ พอร์คการลงทุนวันนี้ ไม่มีการปรับเปลี่ยน ส่วนหุ้น Top Pick เลือก JMART  และ DCC จากพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเข้า SET100 พร้อมเลือก WORK รอรับ 10 Fight 10
SET Index น่าจะ Wait & See ทั้งการเมือง และ 10 Fight 10
สถานการณ์เรื่อง Covid-19 ยังถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามดู โดยภาพรวมทั่วโลกจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นในระดับสูงเฉพาะอย่างยิ่งในโซนเอเซีย และยุโรป ทำให้เห็นการกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่เชื้อรอบใหม่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนในบ้านเราสถานการณ์ต้องถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงมากขึ้นหลังมีข่าวการตรวจพบผู้ติดเชื้อผ่านเข้ามาตามตะเข็บชายแดน อีกประเด็นหนึ่งที่อยู่ในความสนใจได้แก่สถานการณ์ทางการเมืองโดยในวันที่ 14 ต.ค.63 จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเมื่อประเมินจากสถานการณ์แวดล้อมแล้วเชื่อว่าว่าจะมีระดับความร้อนแรงไม่เท่ากับการชุมนุมใหญ่รอบ 19 ก.ย.63 แต่ก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ มีความรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับประเด็นทางการเมืองในฐานะที่เป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบให้การดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะที่ถดถอยทรงตัวอยู่ได้ หรือดีกว่านั้นคือฟื้นตัวกลับ คาดว่า SET Index จะอยู่ในภาวะ Wait & See พอร์ตการลงทุน ไม่มีการปรับเปลี่ยน หุ้น Top Pick เลือก JMART, DCC ที่มีโอกาสเข้า SET100 สูง และ WORK ที่มีกระแสเรื่อง 10 Fight 10 หนุน
ราคา Soft Commodity แนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
 
ที่มา: Bloomberg
Dollar อ่อนค่า เศรษฐกิจฟื้น หนุน Soft Commodity ปรับขึ้น
ช่วงหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาต่างประเทศมีปัจจัยสำคัญ คือ  ทำเนียบขาวเสนอ ปรับลดลงวงเงิน Package กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 จากเดิมวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญฯ  และ ประธานธิบดีทรัมป์ปรากฎตัวต่อสื่อและเผยว่าอาการดีขึ้น     ส่งผลทำให้  Dollar อ่อนค่าแรง ล่าสุดอยู่ที่ 93 จุด  ส่งผลให้ค่าเงินบาท/ดอลลาร์แข็งค่าแรงราว 1.83%wtd  ล่าสุด แกว่งตัว 31.1 บาท เป็น Sentiment เชิงลบต่อ หุ้นส่งออกทั้งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และส่งออกอาหาร  แต่จะบวกต่อ กลุ่มโรงไฟฟ้า
อีกทางหนึ่งทุกครั้งที่ Dollar อ่อนค่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ Commodity
ทั้ง Hard Commodity และ Soft Commodity
    น้ำมันดิบ  โดยระยะสั้นราคาน้ำมันดิบ Brent ถูก Take Profit  ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ราว 1.4% ถูกกดดันจากฝั่ง Supply ที่กลับมาอีกครั้งทั้ง  1.)พายุ Delta เริ่มอ่อนตัวเป็นพายุโซนร้อน  2.)แรงงาน Norway ยุติการประท้วง  ทำให้การผลิตราว 3.3 แสนบาร์เรล/วัน หรือ ราว 8% ของกำลังการผลิตของ Norway กลับมา ระยะสั้นเผชิญ Sentiment เชิงลบ แต่คำแนะนำในระยะกลาง-ยาว หาจังหวะทยอยสะสม PTT (Buy: FV@B41) ส่วน PTTEP (Switch: FV@B100) นั้นแนะนำเพียง trading ช่วงสั้นตามทิศทางราคาน้ำมันรายวันเพราะยังมีแรงกดดันในประเด็นผลประกอบการที่น่าจะผ่านจุดสูงสุดของปีไปแล้วใน 1Q63
    ถ่านหิน ล่าสุด 9 ต.ค. อยู่ที่ 57.55 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 1.32 เหรียญฯ/ตัน (+2.3% wow) ปัจจัยหนุนจาก Supply ในจีนที่ลดลงจากการเริ่มหยุดซ่อมบำรุงทางรถไฟขนส่งถ่านหินสายหลักตั้งแต่วันที่ 7 – 31 ต.ค.  ส่วน Demand ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้ากลับสูงขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว  คำแนะนำกลุ่ม trading ช่วงสั้น BANPU(FV@B6.50) , LANNA (FV@B 8)
ทิศทางพายุ Delta เริ่มอ่อนตัว ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันเริ่มอ่อนตัว
 
ที่มา: Bloomberg
ส่วนฝั่ง Soft Commodity ราคาปรับเพิ่มเช่นกัน
    ยาง  วันศุกร์ราคาปรับตัวขึ้น 2.4%จากวันก่อนหน้า อยู่ที่ 199.8 เหรียญ/ก.ก.  ทำให้ราคายางเฉลี่ย 4Q63(QTD) เพิ่ม 19.3% จากราคาเฉลี่ย 3Q63  โดยปัจจัยหนุนมาจากฝั่ง Demand  ที่มาจากเศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัวในช่วง 2H63 ผลจากการคลาย Lockdown โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว หนุนความต้องการใช้ยางเพื่อทำยางล้อ  จีนบริโภคยางอันดับ 1 ของโลกหรือ ราว 40%ของ Demand ทั่วโลก ขณะที่ฝั่ง Supply ยังเผชิญปัญหา over supply อยู่ ยังแนะนำซื้อ STA(FV@B40.0)NER(FV@B4.40)  
    น้ำตาล  วันศุกร์ราคาปรับตัวขึ้น 0.5%จากวันก่อนหน้า อยู่ที่ 14.23 เซ็นต์/ปอนด์  ทำให้ราคาน้ำตาลเฉลี่ย 4Q63(QTD) เพิ่ม 7% จากราคาเฉลี่ย 3Q63   โดยมีปัจจัยหนุนราคาหลัก ความกังวลภาวะ La Niña (ลานีญา) ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในบราซิล (ผู้ผลิตนน้ำตาลรายใหญ่ของโลก) ผลผลิตน้ำตาลจึงออกสู่ตลาดน้อยลง ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมาจากกองทุนต่างชาติเข้าซื้อสัญญา Future น้ำตาลมากขึ้น หนุนให้ราคาน้ำตาลเริ่มปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ทรงตัวต่ำในช่วงก่อนหน้า  คำแนะนำกลุ่ม trading ช่วงสั้นหุ้น   KSL
    เมล็ดถั่วเหลือง(Soybean)และกากถั่วเหลือง (Soybean Meal) ราคาวันศุกร์ปรับขึ้น 1.5% และ1.1% จากวันก่อนหน้า โดยรวมทำให้ราคา Soybean และ Soybean Meal เฉลี่ย 4Q63(QTD) เพิ่ม 12% และ 16% จากราคาเฉลี่ย 3Q63 โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือ ฝั่ง Supply คือ ปริมาณ Stock ในสหรัฐฯลดลง 45% จากงวดผลิตปีก่อน รวมถึงการเร่งนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากจีนอย่างต่อเนื่อง โดยรายงาน WASDE Report ประจำ ต.ค. 63 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีการปรับเป้าการนำเข้าถั่วเหลืองจากจีนเป็น 100ล้านตันเทียบกับ WASDE Report เดือนก่อนที่ USDA คาดการณ์ไว้ 99 ล้านตัน มส่งผลให้ Stock to consumption ratio ต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ 23.9% จาก 27.3% ในงวดผลิตปีก่อน ประกอบกับสถานการณ์ลานีญา (ภัยแล้ง) ที่มีโอกาส (Probabilities) เกิดขึ้นราว 91% ในช่วง ต.ค. – ธ.ค. 63 มีแนวโน้มส่งผลต่อการเพาะปลูกถั่วเหลืองในบราซิลและอาร์เจนฯ  คำแนะนำกลุ่ม trading หุ้น  TVO
ราคา Soft Commodity แนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
 
ที่มา: Bloomberg
Covid-19 ยังเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดัน และต้องติดตามใกล้ชิด
สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในเดือน ต.ค. 2563 ทั่วโลกยังต้องติดตาม ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อหลายประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อ โดยเฉพาะในเอเชีย อินโดนีเซีย และที่สำคัญคือ  เมียนมาร์ ผู้เสียชีวิตเร่งตัวเหนือ 500 ราย ทำจุดสูงสุด  และเริ่มมีความกังวลว่ามีการติดเชื้อจะเริ่มเข้าไทย   ล่าสุด มีการตรวจพบชาวเมียนมาร์ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ราย บริเวณด่านพรมแดน อ. แม่สอด จ. ตาก ส่งผลให้มีการปิดด่านชายแดน และปิดโรงเรีบยนในพื้นที่ดังกล่าวทันที ประเด็นข้างต้น
    สร้าง Sentiment เชิงบวกต่อ หุ้น  STGT, STA, NER
    สร้าง Sentiment  กดดัน SET Index หากพิจารณา ในอดีต พบว่าช่วงที่มีความกังวล COVID-19 ในประเทศ SET Index ปรับตัวลงแทบทุกครั้ง เช่น เคสอียิปต์และซูดาน SET Index ลดลง -1.12% และเคสดีเจ SET Index ลดลง -0.39% (ดังรูป)
การตอบสนองของ SET Index ต่อความกังวล COVID-19 ในประเทศไทย  
 
ที่มา: Bloomberg
การชุมนุม 14 ต.ค.63 น่าจะทำให้ SET Index อยู่ในภาวะ Wait & See
สัปดาห์นี้มีวันทำการเพียง 4 วัน ขณะที่ 1 ใน 4 ของวันทำการก็จะมีการจัดชุมนุมทางการเมืองในวันพุธที่ 14 ต.ค.2563 ดำเนินการโดยกลุ่ม คณะราษฎร์ 2563 ประเมินจากสถานการณ์แวดล้อมก่อนการชุมนุม เมื่อเทียบกับการจัดชุมนุมใหญ่รอบล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา เห็นว่ามีความแตกต่าง กล่าวคือก่อนการชุมนุม 19 ก.ย.2563 เห็นภาพการสร้างกระแสการชุมนุมที่คึกคัก โดยมีการจัดชุมนุมกลุ่มย่อยๆ ในสถาบันการศึกษาต่างๆ อีกทั้งมีการกำหนดข้อเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ตามมาด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับการชุมนุมในรอบวันที่ 14 ต.ค. 2563 เมื่อเปรียบเทียบแล้วบรรยากาศแวดล้อมดูค่อนข้างจะเงียบสงบกว่า อีกทั้งส่วนหนึ่งยังเป็นวันทำการปกติ ไม่ได้เป็นการเริ่มจัดชุมนุมในวันหยุดเหมือนรอบที่ผ่านมา จากสภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้ Sentiment ที่ส่งต่อมายัง SET Index ดูจะผ่อนคลายมากกว่ารอบที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ก็ยังนับเป็นเหตุการณ์ที่ต้องติดตามดูพัฒนาการว่า จะมีการชุมนุมแบบยืดเยื้อหรือไม่ จะมีความรุนแรงในการชุมนุมหรือไม่ และท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐจะเป็นอย่างไร ภาวะการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลทำให้บรรยากาศการลงทุนในวันนี้น่าจะไม่คึกคัก และอยู่ในภาวะ Wait&See ทั้งนี้การติดตามสถานการณ์ทางการเมือง ฝ่ายวิจัยมีเป้าประสงค์ไปที่การดูว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการออกมาตรการเพื่อดึงเศรษฐกิจไทยออกจากภาวะถดถอย ซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในภาวะปัจจุบัน
หลายหุ้น Outperform เด่นจนได้คัดเข้าดัชนี SET50/SET100
ปีนี้แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญหลาดหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะประเด็น COVID-19 ที่ยืดเยื้อ กดดัน SET Index ลดลงเกือบ 20%ytd อย่างไรก็ตามมีหุ้นหลายบริษัทที่ Outperform ตลาดมาก บวกกับมูลค่าซื้อขายที่เร่งตัวขึ้น แม้ข้อมูลที่ใช้จะยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่ตลาดใช้คำนวณ (ธ.ค. 62 – พ.ย 63) แต่เบื้องต้นพอจะเห็นหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET50 หรือ SET100 ในรอบ 1H64 ได้
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงทำการประเมินหาว่าหุ้นที่มีโอกาสสูงเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 รอบ 1H64 ดังตารางด้านล่างนี้
ในเบื้องต้น คาดการณ์หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 และ SET100 รอบ 1H64
 
ที่มา: SET, ข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค.2563
*หมายเหตุ คาดหุ้นถูกคัดออกจาก SET50 คือ TCAP BPP WHA IRPC
                 คาดหุ้นถูกคัดออกจาก SET100 คือ ERW AAV SIRI
วันนี้คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบ 1260-1275 จุดจากที่ไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนชัดเจนบวกกับความกังวลการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.63 ดังนั้น กลยุทธ์เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ถือเป็นแรงส่งที่ดีต่อหุ้น ในยามที่ตลาดขาด Fund Flow หนุน ชื่นชอบ DCC, JMART รวมถึงหุ้นที่มีกระแสอย่าง WORK เป็น Toppicks โดยมีรายละเอียดพื้นฐาน ดังนี้
DCC (FV @ 3.10) กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เจาะกลุ่มตลาดซ่อมแซมบ้าน พร้อมสินค้ากระเบื้องแผ่นใหญ่ 60x120 ซม.ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้วยราคาที่ต่ำกว่ากระเบื้องนำเข้าถึง 40% ช่วยหนุนยอดขาย 3Q63 เติบโต 12%YoY ประเมินกำไรสุทธิ 3Q63 ไว้ที่ 387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%YoY ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q63 ยังแรงต่อเนื่อง มีปัจจัยหนุนจากต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลง แนวโน้มกำไร 9M63 คิดเป็นสัดส่วนถึง 84% ของกำไรปี 2563 มีโอกาสสูงที่ฝ่ายวิจัยจะปรับประมาณการกำไรปี 63-64 ขึ้นอีก ทั้งนี้หากประเมิน FV ด้วยประมาณการเดิม จะให้ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 3.10 บาท มี Upside 29% และให้ Dividend Yield 6.05% ต่อปี
JMART (FV @ 18.00) เป็นบริษัทเดียวที่เน้นจำหน่ายสินค้าโทรศัพท์มือถือเป็นหลักและครอบคลุมทุกแบรนด์ บวกกับ มีช่องทางขายในเครือที่หลากหลาย คือ ทั้งหน้าร้าน JMART, ลูกตู้ในพื้นที่เช่า IT Junction ของ J (ถือหุ้น 75%) และการขายตรงผ่านช่องทาง SINGER (ถือหุ้น 30%) การที่มีธุรกิจการเงินในเครือ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสินค้ารุ่นใหม่มาใช้ก่อน ตามกระแสความนิยม ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบัน แม้ปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ซื้อขายกันที่ PER64F ราว 18 เท่า ยังต่ำกว่า COM7 ที่ซื้อขาย 35 เท่า ยังมี Upside สูงกว่า 11% ถือเป็นโอกาสสะสม
WORK (FV @ 12.00) แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังฟื้นจากแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาทีวีที่กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย เดือน ก.ค. และ ส.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 17.7% MoM และ 6.7% MoM รวมถึง Sentiment ระยะสั้นจากรายการมวยดารา 10 Fight 10 SS 2 ที่เตียมชกคู่แรกวันนี้ หากย้อนดูสถิติของรายการ 10 Fight 10 SS1 หลังจากออกอากาศเทปแรก ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปถึง 37% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์
RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!