WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-10-2020dbs
“ม.กระตุ้นคืบ-น้ำมันปรับขึ้น-ประชุมสภา 26-27 ต.ค.”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้รีบาวด์ แต่มีแรงขายทำกำไร ปิด +1.92 จุด ที่ 1210.67 จุด มูลค่าซื้อขาย 59 พันลบ. ดัชนีแกว่งแคบเหมือนเพื่อนบ้านดัชนีรีบาวด์ไปทำยอดไฮที่ 1219.16 จุดทีเดียว หลังปรับลงมาหลายวันติดกัน มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์โดยเฉพาะKBANK จากข่าวธปท.ขยายเวลาปล่อยกู้ ซอฟท์โลนให้ SMEไปอีก 6 เดือน ติดตามประชุมสภา และม.เยียวยาสหรัฐ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-สถาบัน YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงเป็น 290 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-เป็นบวกมากขึ้น มาตรการกระตุ้นคืบหน้า น้ำมันเพิ่ม กำหนดประชุมสภา และ KBANK กำไรดีกว่าคาด ปัจจัยบวกมีมากขึ้นประธานสภาสหรัฐคาดใกล้บรรลุม.กระตุ้นเศรษฐกิจ เสร็จก่อนเลือกตั้ง วัควีนจากโมเดิร์นา อิงค์ ให้ฉีดกรณีฉุกเฉินได้ ธ.ค.นี้ ตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้าน ก.ย.+1.9% แต่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด ดาวโจนส์ +113 จุด น้ำมัน WTI +63 Cent เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ Future ขยับขึ้น ส่วนไทย-กำหนดประชุมสภาฯ 26-27 ต.ค.นี้ แก้ปัญหาการชุมนุม สำหรับก.คลังให้แบงก์รัฐยืดหนี้ 1 แสนล้านบาท จะประชุมกับ ธปท.และธนาคาร ยื่น ครม.สัปดาห์หน้า ด้านปัจจัยลบคือ วานนี้ม็อบ Big Surprise หยุด 1 วันชุมนุมวันนี้ต่อ ส่วนดัชนีความกังวล Vix เพิ่มขึ้นเป็น 29.4 จุด สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น ความเสี่ยงยังมาก ควรเล่นรอบ ระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายในช่วงลดลงเป็น1200-1230 จุด หากหลุด 1205 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส ความเสี่ยงคือ หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า แม้มีสะดุดบ้างดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น มีมาตรการเยียวยา จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี Defensive และปันผลสูง แนวรับคือ1190-1180 จุด และ แนวต้าน 1220-1230 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ 1) พัฒนาการทางด้านการเมือง 2) BBL กำไร 3Q63 ต่ำคาดเป็น 4 พันล้านบาท -57% y-oyเพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูง แนะนำ ถือ 3) SCB กำไร 3Q63 ต่ำคาดเป็น 4.6 พันล้านบาท -69% y-o-y เพราะตั้งสำรอง ECL สูง แนะนำ ถือ 4) TMB กำไร3Q63 ตามคาดเป็น 1.6 พันล้านบาท -23% y-o-y ถือว่าต่ำกว่าตลาดคาดเพราะสำรองหนี้สูง แนะนำ ซื้ออ่อนตัว 5) ล่าสุด KBANK กำไร 3Q63 ดีกว่าคาดเป็น6.7 พันล้านบาท -33% y-o-y เพราะการดำเนินงานและสำรองฯต่ำกว่าคาด อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นได้ แนะนำ ซื้อ
# Stock Pick Today: KKP กำไร 3Q63 ดีกว่าคาดถึง 26% เป็น 1.3 พันล้านบาท (-16%YoY,+14%q-o-q) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +9.4%YoY เพราะสินเชื่อขยายตัว+3.6%QoQ, +10.1%YTD รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย -4.5%YoY แต่ +15.8%QoQ จากกำไรรขาย foreclosed assets เพิ่ม ส่วน NPL ratio ลดลงสู่ 3.2% ของสินเชื่อรวม และCoverage ratio สูงขึ้นเป็น 152.6% เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมาก 18.2% Tier 1 ratio เท่ากับ 13.7% สูงกว่ากำหนดที่ 11.0% ให้ราคาพื้นฐาน 50 บาท
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนๆจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“Oversold + Divergence”ในกราฟรายนาที“หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1220 (หรือ 1230 – 1240) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1205” (แนวรับย่อย “1190 – 1180 / 1160”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Update : BBL (ถือ -ราคาพื้นฐาน 109.00)
SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 74.00)
TMB (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.30)
IRPC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 2.30)
Turnover List Watch : AH มีโอกาสสูงติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ประธานสภาคาดใกล้บรรลุข้อตกลงม.กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง
# นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะเดียวกันนางเพโลซีไม่ได้ให้ความสำคัญต่อกำหนดเส้นตายที่มีการประกาศก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องบรรลุข้อตกลงดังกล่าวภายในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ โดยนางเพโลซีส่งสัญญาณว่าการเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไป
# นางเพโลซีระบุว่า การที่จะให้สภาคองเกรสออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นั้น สมาชิกสภาคองเกรสจะต้องมีการบรรลุข้อตกลง และมีการเขียนร่างกฎหมายภายในสัปดาห์นี้
+ วัคซีน: โมเดอร์นา อิงค์ เผยรัฐบาลสหรัฐให้ฉีดได้กรณีฉุกเฉิน ธ.ค.นี้
# ตลาดได้แรงหนุนหลังจากบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะอนุญาตให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิด-19ของโมเดอร์นาเป็นกรณีฉุกเฉินในเดือนธ.ค.นี้ หากวัคซีนของบริษัทมีผลการทดลองทางคลีนิกเป็นที่น่าพอใจในเดือนพ.ย.นี้โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นโมเดอร์นาปิดตลาดบวก 0.49%
+/- สหรัฐ: ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านก.ย.เพิ่มขึ้น 1.9% แต่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.415 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.457 ล้านยูนิต จากระดับ 1.388 ล้านยูนิตในเดือนส.ค.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 113.37 จุด รับความหวังสหรัฐใกล้คลอดแผนกระตุ้นศก.
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากบริษัทโมเดอร์นาเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอาจอนุญาตให้มีการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินในเดือนธ.ค.นี้
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 63 เซนต์ รับคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบลดต่อเนื่อง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
• ทองคำ: ปิดบวก $3.7 รับดอลล์อ่อน,แผนกระตุ้นศก.คืบหน้า
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ BeigeBook จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- การเมืองไทย: ครม.เห็นชอบกำหนดเปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้
# นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงาน ครม.ถึงผลประชุมร่วมกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ตัวแทนฝ่ายค้าน ตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนจากพรรคการเมือง เรื่องการพิจารณาฯ ประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาเพื่อให้ทุกฝ่ายมีโอกาสอภิปรายแสดงความคิดเห็นและชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และลดปัญหาข้อขัดแย้ง รวมถึงประเด็นที่ ครม.ควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา โดยขอให้เปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมรัฐสภาตามมาตรา 165 ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบกำหนดเปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ โดยเลื่อนการประชุม ครม.ครั้งต่อไปไปเป็นวันที่ 28 ต.ค.63 แทน
# ผลกระทบ: หากการประชุมสภาฯ มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายบางประการให้อ่อนลง ก็อาจจะมีผลให้ Sentimentกลับมาดีขึ้นได้ ขณะนี้ต้องยอมรับว่าปัจจัยการเมืองเป็นลบเพิ่มจากภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่ชะลอตัวลงจากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ที่อิงตามความมั่นใจของต่างชาติ เช่นท่องเที่ยว เดินทาง โรงแรม สายการบิน สนามบิน ศูนย์การค้า รับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรม จากนี้ไปจะขึ้นกับระยะเวลาของการชุมนุม หากยิ่งยืดเยื้อก็จะยิ่งส่งผลลบกับดัชนี SET และภาวะเศรษฐกิจ
• แกนนำฯประกาศ BIG SURPRISE วานนี้พักก่อนหลังชุมนุมต่อเนื่องรอนัดครั้งใหญ่วันนี้
# กลุ่มเยาวชนปลดแอก ประกาศผ่านทวิตเตอร์เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ว่า BIG SURPRISE คือพักก่อน พร้อมระบุว่าหลังจากตลอดเกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ต่อสู้ร่วมกันอย่างหาญกล้า แต่รัฐกลับไม่พึงสังวรว่าความล่มสลายของกำลังมาเยือน เมื่อไม่รับข้อเรียกร้องก็ขอให้เตรียมรอฟังการนัดหมายครั้งใหญ่ในวันนี้พร้อมกัน
+ คลังสั่งแบงก์รัฐ 'ยืดหนี้' แสนล. ธปท.ถกธนาคารพาณิชย์สรุปมาตรการ
# คลัง" อุ้มเอสเอ็มอี เตรียมยืดหนี้แสนล้านให้กลุ่มขาดสภาพคล่องชำระหนี้ไม่ได้ นัดหารือ ธปท.-ธนาคารพาณิชย์สรุปมาตรการชง ครม.สัปดาห์หน้า กกร.ประเมินลูกหนี้เอสเอ็มอีต้องช่วยต่ออีก 10% หลังหมดพักหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว
# ผลกระทบ: เป็นบวก วานนี้มีการเก็งกำไร KBANK (ซื้อ ราคาพื้นฐาน 107 บาท) เพราะมีสินเชื่อ SME เป็นสัดส่วนมากสุดในกลุ่มธนาคาร ติดตามความคืบหน้าในการหารือ แต่ผลการดำเนินงาน 3Q63 ออกมาไม่สดใสตามคาด และ 4Q63ยังจะแย่ต่อไป จากภาระการตั้งสำรองหนี้ ECL จึงคงแนะนำ ถ่วงน้ำหนักน้อย แต่ Top Pick ในกลุ่มยังเป็น TISCO ที่
ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ราคาพื้นฐาน 85 บาท
+ เศรษฐกิจไทย: รองนายกรัฐมนตรีรายงาน IMF ปรับประมาณการ GDP ไทยปีนี้หดตัวน้อยลง
# นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน รายงานการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยต่อครม.ที่ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ให้ดีขึ้นเป็น -7.1% จากเดิมที่คาด -7.7% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์รวมทั้งการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย
+ เศรษฐกิจไทย: ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ 5 โจทย์ใหญ่
# นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ 5 โจทย์ใหญ่ของ ธปท.สำหรับช่วงเวลาต่อจากนี้ ได้แก่ 1) แก้วิกฤตหนี้อย่างยั่งยืนให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตโควิด 19 และฟื้นตัวได้ 2) รักษาเสถียรภาพระบบการเงิน เพื่อให้ทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 3) รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคให้โครงสร้างเศรษฐกิจการเงินไทยสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้สถานการณ์โควิด 19 และระยะต่อไปได้ดี 4) สร้างความเชื่อมั่นของสาธารณชน ให้ ธปท. เป็นหนึ่งในองค์กรที่ประชาชนเชื่อมั่นที่สุด และ 5) พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ให้ ธปท.เป็นองค์กรที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ และสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย
+/- อุตสาหกรรมท่องเที่ยว: ชาวจีนเที่ยวไทยกลุ่มแรก 41คนลงสุวรรณภูมิวานนี้
# "ททท." เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มวีซ่าพิเศษ ประเดิมจากเซี่ยงไฮ้ บินตรงเข้าไทยกลุ่มแรกวานนี้ 41 คนลงสุวรรณภูมิส่วนกลุ่มที่ 2 ราว 100 คนจากกว่างโจว บินลงสุวรรณภูมิ วันที่ 26 ต.ค. คาดเที่ยวในประเทศ "ลอยกระทง" ไม่ต่ำกว่า 1ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า1.4 พันล้านบาท
# ผลกระทบ: เป็นบวกในแง่เชิงจิตวิทยา คาดว่าจากนี้จนถึงสิ้นปี 63 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้ามาได้น้อย แม้เข้าสู่ไฮซีซั่น เพราะโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และไทยเผชิญกับปัจจัยด้านการเมืองอีก จึงแนะนำถ่วงน้ำหนักน้อยในกลุ่มโรงแรม สายการบิน และสนามบิน
+ ศาลฯ มีคำสั่งให้ รฟม.กลับไปใช้เกณฑ์เดิมพิจารณาข้อเสนอประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
# ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กลับไปใช้หลักเกณฑ์เดิมในการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนที่ยื่นซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้พิจารณาจากคะแนนทางการเงินทั้ง 100% ไม่ให้ปรับมาใช้คะแนนเทคนิค 30% และคะแนนทางการเงิน 70% ที่เป็นเกณฑ์ใหม่(Aspen)
# ผลกระทบ: ส่งผลบวกกับ BTS และ STEC เพราะจะไม่เสียเปรียบในเรื่องการประมูล จากการที่ BTS ได้ร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน แนะนำ ถือ BTS ราคาพื้นฐาน 10.33 บาท และ Fully Valued กับ STEC ราคาพื้นฐาน 12.00 บาทแต่ระยะสั้นอาจจะมีการเก็งกำไรรับข่าวบวกนี้ อย่างไรก็ตาม รฟม.มีสิทธิ์จะไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน30 วัน ซึ่งก็จะไปยื่นแน่นอน ส่วนทางด้านการประมูลขึ้นอยู่กับกรรมการคัดเลือก มาตรา 36 ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ให้ติดตาม 9 พ.ย.63 ที่จะมีการเปิดยื่นข้อเสนอ แต่เบื้องต้นตามข่าวคือ เปิดยื่นปกติ
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!