WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-3-2021May

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

รอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways แนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,585 จุด เน้นสะสมหุ้นเด่นในช่วง 2Q64 โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “BBL, IRPC, MAJOR, PLANB, SPALI”

MAJOR

คาดแนวโน้มกำไรจะค่อยๆปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับโอกาสในการเปิดประเทศ และมี Pent-Up demand ผสานกับหนังที่จะเข้าฉายน่าสนใจมากขึ้น เช่น Fast 9, Black Widow, Mortal Combat และเรื่อง Godzilla vs. Kong ที่พึ่งเข้าฉายวานนี้ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.5 บาท

SPALI

คาดกำไรปี 64 คาดเติบโต 38%ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยรายได้/กำไรรายไตรมาสจะขยายตัวดีต่อเนื่องจาก Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่ในระดับสูง ผสาน Upside risk จากการขายสำนักงานให้กับกองทรัสต์ SPALIRT ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และมาตราการอสังหาฯใหม่จากรัฐบาล

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.5 บาท

INVESTMENT THEME

รอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม

-การกระจายวัคซีนทั่วโลกยังคงทำได้ดี : ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังแกว่งตัวขึ้นขานรับ การกระจายวัคซีน COVID-19 ที่ทำได้รวดเร็วขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันที่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นแรงส่งให้ตัวเลขภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯยังคงเร่งตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ผสานกับปัจจัยเฉพาะตัว ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ ปรับขึ้น FED เผยว่าจะยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืน ส่วนกลุ่มพลังงาน ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ท่ามกลางเรือขนส่งขนาดใหญ่ที่ยังกีดขวางการเดินทางของเรือส่งอื่นๆ  

-จับตาการกระตุ้นเศรษฐกิจ US เพิ่มเติม : จากโครงการ American Rescue Plan 1.9 ล้านล้านเหรียญที่ช่วยเยียวยาสถานการณ์ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าสหรัฐฯจะเดินหน้าการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์นี้จับตาการแถลงของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม “Build back better” ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณที่สูงถึง 3-4 ล้านล้านเหรียญ โดยจะเน้นในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน, พลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมในอนาคต แต่อย่างไรก็ดีมาตรการเหล่านี้คาดจะนำเงินจากการเก็บภาษีคนรวย และบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วงถัดไป ดังนั้นถือเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,574.86   +3.82

สรุปมูลค่าการซื้อขาย 26 มี.ค. 64

นักลงทุน                 สุทธิ

สถาบัน                 855.92

บัญชี บล.             410.06

ต่างชาติ             -799.45

ในประเทศ         -466.53

MARKET SUMMARY

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่ง sideways โดยมีแรงเก็งหุ้นท่องเที่ยวขานรับ พัฒนาการเชิงบวกในการเปิดประเทศ โดย SET ปิดที่ 1,574.86 (+3.82) มูลค่าการซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.4 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 799 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 856 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,315 สัญญา)

EYES ON

30 มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคUS,Eurozone (มี.ค.)

31 มี.ค. ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย US (ก.พ.), ดัชนี CPI ของ Eurozone (มี.ค.), PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน (มี.ค.)

1 เม.ย. การประชุม OPEC+, ดัชนีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, PMI ภาคการผลิตของ US, ไทย, Eurozone (มี.ค.), ISM ภาคการผลิตของ US (มี.ค.), ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตของจีน (มี.ค.)

Major Cineplex Group (MAJOR)

ได้เวลาหนังเข้าฉาย

BUY

Share Price THB 21.80

12m Price Target THB 24.50 (+12%)

Previous Pruce Target THB 21.00

ประเด็นการลงทุน

เราปรับคำแนะนำจาก Trading buy เป็น ซื้อ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (SOTP) จาก 21 บาท เป็น 24.50 บาท จากการปรับลด WACC และทิศทางการฟื้นตัวของผลประกอบการจากสัญญาณตอบรับที่ดีจากการกลับมาฉายของหนังฮอลิวูดตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. และจะมีหนังเข้าฉายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงคาดว่างบ MAJOR จะต่ำสุดของปีใน 1Q64 ก่อนจะพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ 2Q64 และเติบโตดียิ่งขึ้นใน 3Q64

ประกอบการต่ำสุดของปีใน 1Q64 ก่อนจะฟื้นตัวชัดเจนใน 2Q64

คาดว่าผลประกอบการ 1Q64 จะขาดทุนค่อนข้างมาก จากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ และแทบไม่มีหนังใหม่เข้าฉาย อย่างไรก็ดี เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากหนัง Godzilla vs Kong เข้าฉาย 25 มี.ค. ได้รับการตอบรับดีมาก ทำรายได้ไปแล้วกว่า 150 ล้านบาท (เฉพาะเครือ MAJOR) เราคาดว่า MAJOR จะพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ 2Q64 เป็นต้นไป โดยมีหนังเข้าฉายมากขึ้น เช่น Fast & Furious 9, Mortal Combat, A Quiet Place 2 และหนังไทยหลายเรื่องเข้าฉาย อีกทั้งมีการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ปีก่อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและค่าเช่า

Demand ฟื้น + Supply หนังฮอลิวูดเพิ่มแม้สหรัฐฯ ยังปิดโรงหนังส่วนใหญ่

จากการฉีดวัคซีนโควิดและผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น ทำให้ Demand การดูหนังในโรงหนังเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับ Supply (ปริมาณหนัง) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแม้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักของอุตสาหกรรมโรงหนัง ยังมีการระบาดของโควิดอยู่มาก ทำให้โรงหนังในสหรัฐฯ เปิดเพียง 25-50% โดยบางรัฐต้องฉายหนังทาง Streaming หรือ Video On Demand แทนการฉายในโรง แต่เราเชื่อว่าหนังฮอลิวูดจะเข้าฉายมากขึ้น เนื่องจากตลาดเอเชียโดยเฉพาะจีนมีความสำคัญมากขึ้น รายได้จากการขายตั๋วหนังในจีนเพิ่มขึ้นจาก 2.7 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2555 เป็น 9.2 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2562 (CAGR 19%) ซึ่งน้อยกว่ารายได้ในสหรัฐฯ 20% เทียบกับปี 2555 ที่น้อยกว่าถึง 300% อย่างไรก็ดี หนังบางเรื่องทำรายได้ในจีนมากกว่ารายได้ในสหรัฐฯ โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั่วโลก เช่น Godzilla: King of the Monsters ในปี 2562

หนังเข้าฉายมากยิ่งขึ้นใน 3Q64-4Q64

คาดว่าผลประกอบการจะดียิ่งขึ้นใน 3Q64 จากหนังฮอลิวูดเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น Black Widow, Top Gun 2, The Suicide Squad 2, Jungle Cruise และ Venom ส่วนใน 4Q64 ก็มีหนังฉายจำนวนมาก ได้แก่ The Eternals, Spider-Man 3, MI 7, No Time to Die, The Matrix 4 และ The King’s Man อีกทั้งหนังไทยเข้าฉายใน 2H64 อีก 25-30 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังของ GDH 3 เรื่อง เช่น บุพเพสันนิวาส 2

ความเสี่ยง: โควิด-19 ระบาดมากขึ้น หนังฟอร์มใหญ่เลื่อนฉาย เหตุการณ์ไม่สงบ

Suttatip Peerasub

suttatip.p@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1430

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!