WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-4-2021May

INVESTMENT STRATEGY

ย่อสร้างฐาน :

COVID-19 รุนแรงขึ้น

วันนี้คาด SET ย่อตัว แนวรับ 1,565 จุด และแนวต้าน 1,585 จุด เน้นหุ้นที่คาดกำไร 1Q64 เด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SCCC, SONIC”

SCCC

คาดกำไร 1Q64 จะเติบโตได้ดี 1,050 ล้านบาท (+13%QoQ, +27%YoY) ผลต่อเนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพ และ ต้นทุน รวมถึงความต้องการปูนซีเมนต์ในไทย และ ต่างประเทศฟื้นตัว กระแสเงินสดสูง ปัจจุบันเทรดเพียง PE 12.6 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนต่อปีถึง 5.5%-6%

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 180 บาท

SONIC

คาดกำไรไตรมาส 1/64 ที่ 36 ลบ. เติบโต +28.0% QoQ และ +172.4% YoY ทำสถิติใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 โดยได้ประโยชน์จากขนาด และ volume ส่งออกที่หนาแน่น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสต่อการปรับประมาณการขึ้นในช่วงถัดไป ผสานค่าเงินบาทอ่อนค่า 4.6%YTD เป็นบวกต่อผู้ส่งออก

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.42 บาท

INVESTMENT THEME

COVID-19 รุนแรงขึ้น

-COVID-19 ในประเทศทวีความรุนแรงขึ้น : สถานการณ์ความรุนแรงของ COVID-19 ในไทยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยพบการแพร่กระจายของเชื้อใน Cluster ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานบันเทิงในกทม. ซึ่งการระบาดรอบนี้เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นสาธารณสุข ได้เสนอ ศบค. ปรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) มีทั้งสิ้น 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม โดยมีการเพิ่มมาตรการควบคุมร้านอาหาร ผับ-บาร์ ห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ และเปิดได้ไม่เกิม 21:00 น. ซึ่งคาดการแพร่ระบาดรอบนี้ อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานของหลายอุตสาหกรรม รวมถึงหากยังคุมไม่ได้ อาจทำให้ภาครวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด และคาดจะส่งผลให้ SET วันนี้ย่อตัว

-แต่สัญญาณภาคบริการ US ยังเติบโตแกร่ง : จากการรายงานดัชนี ISM ภาคบริการของ US ประจำเดือนมีนาคม พบว่าปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 63.7 จุด จากเดือนก่อนที่ 55.3 และดีกว่าคาดที่ 59.0 จุด สะท้อนภาพเศรษฐกิจของ US ยังคงขยายตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง

-และ IMF เพิ่มคาด GDP โลกปีนี้ขยายตัว 6% : วานนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับประมาณการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 6% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมในช่วงเดือนมกราคมที่ 5.5% ขานรับการกระจายวัคซีนในหลายจุดทั่วโลกที่ทำได้รวดเร็วกว่าคาด และยังปรับการเติบโตปี 65 ขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากคาดเดิมที่ 4.2% ส่วน GDP ไทยปีนี้ถูกปรับลดลงเป็น 2.6% จาก 2.7% แต่ปี 65 ปรับขึ้นเป็น 5.6% จาก 4.6%

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,579.66   -16.61

สรุปมูลค่าการซื้อขาย 5 เม.ย. 64

นักลงทุน                           สุทธิ

สถาบัน                       -2,315.00

บัญชี บล.                       -291.17

ต่างชาติ                       -1,447.08

ในประเทศ                    4,053.25

MARKET SUMMARY

วันจันทร์ที่ผ่านมา SET ย่อตัวตอบรับความกังวลการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่รุนแรงขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,579.66 (-16.61) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.7 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,447 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,315 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 12,545 สัญญา)

EYES ON

6 เม.ย. ดัชนี Caixin China PMI ภาคบริการ

7 เม.ย. รายงานการประชุม FOMC รอบล่าสุด, PMI ภาคบริการ ยูโรโซน

8 เม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ไทย, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

9 เม.ย. ดัชนี CPI และ PPI จีน, ดัชนี PPI US

Sonic Interfreight (SONIC)

คาดกำไรจะทำสถิติใหม่อีกไตรมาส

BUY

Share Price             THB 3.22

12m Price Target       THB 3.15

Previous Price Target   THB 3.15

ประมาณการกำไรมีแนวโน้มต่ำไป 20-30% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/64 ของ SONIC จะยังคงสดใส ทำสถิติใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 โดยคาดกำไรสุทธิที่ 36 ลบ. เติบโต +28.0% QoQ และ +172.4% YoY ได้ประโยชน์จากขนาด และ volume ส่งออกที่หนาแน่น ซึ่งทิศทางนี้สอดคล้องกับมุมมองเชิงบวกของ ธปท. ล่าสุดต่อภาคการส่งออกไทย โดยหากกำไรออกมาได้ตามคาดนี้ จะทำให้ประมาณการกำไรปี 2564 ของเราจะต่ำไป 20-30% ซึ่งจะเปิดโอกาสในการปรับประมาณการกำไร และราคาเหมาะสมขึ้นอีกครั้ง จากคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ที่ 93 ลบ. +54.7% YoY และ ราคาเหมาะสมก่อนปรับประมาณการที่ 3.15 บาท/ หุ้น

คาดกำไรสุทธิจะทำสถิติใหม่อีกครั้ง +172.4% YoY

เราคาดว่า SONIC จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 36 ลบ. เติบโต +28.0% QoQ จากไตรมาส 4/63 และ +172.4% YoY ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดกัน สัญญาณที่เราได้รับคือ ยอดรายได้จะยังขยายตัวได้ต่อระดับ +10% QoQ จากไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็น High season ของบริษัท ส่วนไตรมาส 1/64 แม้จะเป็น Low season ของทุกปี แต่ทว่าปีนี้ประเทศไทยกลับได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่เริ่มคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้ดีขึ้น ผนวกกับค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการขาดแคลนตู้ รวมๆแล้วจึงทำให้ทิศทางรายได้ยังคงสดใส สอดรับกับ ธปท. รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว +7% YoY และยังปรับเป้าส่งออกปี 2564 เพิ่มจาก +5.7% เป็น +10.0% YoY อีกด้วย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เราคาดจะทรงตัวที่ 18.7% จากไตรมาสก่อนเพราะต้องช่วยเหลือดูแลลูกค้าผู้ส่งออกในภาวะค่าระวางแพง แต่อย่างไรก็ดี SONIC ได้ประโยชน์จาก Volume ที่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ และ การได้ประโยชน์จากขนาดเข้ามาชดเชย (Economies of scale) เราคาดอัตรากำไรสุทธิ (NPM) จะทำได้สูง 7.2% เป็นสถิติใหม่ของบริษัทเช่นกัน

ประมาณการกำไรก่อนหน้าของเรา อาจต่ำไป(อีกแล้ว)ราวๆ 20-30%

หาก SONIC ทำได้ดีตามคาด จะทำให้กำไรไตรมาส 1/64 นั้นจะคิดเป็น 38.9% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของเราที่ 93 ลบ. +54.7% YoY และมีโอกาสสูงในการปรับประมาณการขึ้นอีก เนื่องจากสถานการณ์ส่งออกของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี อีกทั้งการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4.6% YTD ยิ่งทำให้เกิดจูงใจต่อการผลิตเพื่อส่งออก และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกอีกด้วย ซึ่งล้วนดีต่อธุรกิจของ SONIC

ความเสี่ยง

ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานการณ์ของค่าเงินบาท จะส่งผลต่อปริมาณกิจกรรมการส่งออกของผู้ประกอบการไทย

Jaroonpan Wattanawong

jaroonpan.w@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1404

Siam City Cement (SCCC)

คาดผลประกอบการ 1Q64 จะเติบโต

BUY

Share Price                     THB 164.00

12m Price Target           THB 180.00 (+10%)

Previous Price Target   THB 180.00

ประเด็นการลงทุน

าดกำไร 1Q64 จะเติบโตได้ดี 1,050 ล้านบาท (+13%QoQ, +27%YoY) ผลต่อเนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพ และ ลดต้นทุน รวมถึงความต้องการปูนซีเมนต์ในไทย และ ต่างประเทศ คาดจะเติบโตได้เล็กน้อย แนวโน้มปี 2564 สถานการณ์ตลาดรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศคาดจะดีขึ้น ทำให้ผลประกอบการปีนี้จะเติบโต SCCC มีกระแสเงินสดสูง หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี คงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 180 บาท

คาดผลประกอบการ 1Q64 เติบโตได้ดี 1,050 ล้านบาท (+27%YoY)

จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ความต้องการปูนซีเมนต์ เดือน ม.ค. เติบโต 1.6% และ เดือน ก.พ. เติบโต 0.9% ส่วนข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ความต้องการปูนซีเมนต์ เดือน ม.ค. - ก.พ. 2564 เติบโต 5.7% สำหรับประมาณการของเราประเมิน ยอดขายของ SCCC ใน 1Q64 จะเติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย 11,181 ล้านบาท (+7%QoQ, +2%YoY) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะชะลอตัวลงเหลือ 34.5% จาก 35.7% ในไตรมาสก่อนจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 32.5% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน รวมแล้วคาดกำไร 1Q64 จะเติบโตได้ดี 1,050 ล้านบาท (+13%QoQ, +27%YoY)      

แนวโน้มปี 2564 คาดจะเติบโตต่อ ประมาณการมีอัพไซด์

ผลประกอบการปี 2563 ที่ผ่านมา กำไรเติบโตได้ดี 3,680 ล้านบาท (+17%YoY) แม้ว่ายอดขายจะปรับลดลงเหลือ 42,000 ล้านบาท (-12%YoY) แรงหนุนจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และ ลดค่าใช้จ่าย แนวโน้มปี 2564 สถานการณ์ตลาดรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศคาดจะดีขึ้น ตลาดในประเทศคาดจะยังได้แรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนตลาดต่างประเทศ ในเวียดนามจะมีการลงทุนโครสร้างพื้นฐานมากขึ้น ศรีลังกากลับมาเติบโตได้ดีหลังเลือกตั้ง เราประเมินยอดขายปี 2564 เท่ากับ 42,420 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 1%YoY และ คาดจะมีกำไรสุทธิ 3,871 ล้านบาท เติบโตได้ 5% ซึ่งประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์

กระแสเงินสดสูง หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี

SCCC มีกระแสเงินสดต่อปี สูงถึง 9 พันล้านบาท คาดปีนี้จ่ายปันผลประมาณ 9-10 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.5%-6% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ต่ำ 12.6 เท่า EV/EBITDA 7.9 เท่า และ P/BV 1.4 เท่า เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมาย 180 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E - 1SD = 13.8x

Surachai Pramualcharoenkit

surachai.p@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1470

Banpu Power (BPP TB)

หมดแรงวิ่งแล้ว

SELL

Share Price             THB 20.00

12m Price Target       THB 17.50 (-13%)

Previous Price Target   THB 15.30

ลดน้ำหนักเป็นขาย

ราคาหุ้น BPP พุ่งขึ้น 31% YTD วิ่งแรงกว่าคู่แข่ง จากปีที่แล้วที่ราคา laggard ซึ่งน่าจะเกิดจากตลาดหันไปหาหุ้นที่คนมองข้าม โดยในปี 2564-65 BPP จะลงทุนในโครงการพลังงานลมในเวียดนาม 40 เมกะวัตต์และพลังงานแสงอาทิตย์ 66 เมกะวัตต์ในญี่ปุ่น ซึ่งจะเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียนเป็น 15% จาก 13% ในปี 2563 เรามีมุมมองบวกต่อทิศทางดังกล่าว และปรับลด discount จากธุรกิจถ่านหิน (จาก 3% เหลือ 2%) ทำให้ต้นทุนของเราลดลงเหลือ 14.9% อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า BPP จะเผชิญความท้าทายในการเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากกังวลในประเด็นขนาดของโครงการพลังงานหมุนเวียน โดยที่สัดส่วนถ่านหินจะยังมากกว่า 80% ในระยะสั้นนี้ โดย BPP ตั้งเป้า 5.3GW ภายในปี 2568 นำโดยโครงการThermal เราปรับเพิ่ม LTG เป็น 2% จาก 1% โดยเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 17.50 บาท (WACC 13.6%, LTG 2%) แต่ลดคำแนะนำเป็น ขาย เนื่องจากราคาหมดแรงวิ่งแล้ว

การลงทุนใหม่ในโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น

BPP ได้เข้าถือหุ้น 33.5% (2.5 พันล้านบาท) ใน Nakoso IGC Management Co. ซึ่งถือหุ้น 40% ในโรงไฟฟ้า Nakoso IGC ขนาด 543 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle: IGCC) โรงไฟฟ้าดังกล่าว ปล่อยมลพิษน้อยกว่าโรงงานถ่านหิน SLG ในจีน 25% แต่ยังสูงกว่าโครงการที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยอัตรา EIRR ของโครงการอยู่ที่ 9-10% และต้นทุน / เมกะวัตต์เท่ากับ 29 ล้านบาทซึ่งสมเหตุสมผล ผู้บริหารประเมินว่าโครงการจะเพิ่มกำไร 5% หรือ 200-250 ล้านบาทให้กับ BPP แต่รายละเอียดทั้งหมดอยู่ระหว่างดำเนินการ  

ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจะกดดันกำไรของ CHP

CHP ของจีน (22% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) จะยังคงเห็นความต้องการพลังงานที่มั่นคงในปี 2564 เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนกำลังดำเนินไป เราเห็น downside ต่อกำไรของ CHP เนื่องจากราคาถ่านหินเกรดความร้อนในจีนสูงขึ้นเป็น 750 หยวน / ตัน (36% YoY) หลังจากการห้ามนำเข้าถ่านหินของออสเตรเลีย สมมติฐานปี 2564 ของเราคือ 650 หยวน / ตัน ทุก 10 หยวน /ตัน ที่เพิ่มขึ้นจะลด NPAT ปี 64 ลง 30 ล้านบาทหรือ 1.2% ขณะที่ BLCP และ Hongsa (โรงไฟฟ้าถ่านหิน) ไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากลักษณะของ PPA และเหมืองถ่านหิน โดย BPP รวมระบบจัดซื้อถ่านหินแบบรวมศูนย์ (ดำเนินการในปี 2563) สามารถบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นลงของราคาได้บ้าง

โรงไฟฟ้าถ่านหินของจีนที่ล่าช้าน่าจะกลับมา

จีนให้คำมั่นว่าจะปล่อยสุทธิคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2603 อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าถ่านหินจะยังคงมีความสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของจีน โดยจีนมีปริมาณสำรองถ่านหินอยู่ที่ 149,818 mmt มากเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งจีนจะ 1) เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน 2) ปรับปรุงโรงไฟฟ้าถ่านหินรุ่นเก่า 3) โรงไฟฟ้าถ่านหินรุ่นใหม่จะใช้เทคโนโลยี HELE (ก่อมลพิษน้อยกว่า) จีนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าถ่านหิน 38.4GW ในปี 2563 สุทธิ 29.8GW ของที่ปลดระวาง จีนอนุมัติกำลังการผลิตถ่านหินเพิ่มอีก 36.9GW ในปี 2563 ซึ่งเป็น 3 เท่าของปี 2562 โดยเพิ่มกำลังการผลิตทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็น 88.1GW โดยโรงงานเหล่านี้ทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยีใหม่ตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดของจีน BPP ยืนยันว่ายังคงเปิดกว้างสำหรับการดำเนินโครงการถ่านหินในจีนซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส

Kaushal Ladha, CFA

Kaushal.l@maybank-ke.co.th

(66) 2658 5000 ext 1392  

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!