WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาดกรอบลงมีสิทธิไม่รุนแรงและยังจำกัด ก่อนลุ้นรอบขึ้นครั้งใหม่...
     กลยุทธ์ : คาดว่ากรอบการปรับลงของ SET จะยังจำกัด และมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับไปฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะถ้าเริ่มมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจเกิดขึ้น ซึ่งเราคาดว่าไม่น่าจะนานมากนัก ดังนั้นเราจึงยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อช่วงลบได้เช่นเดิม แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบขึ้นครั้งใหม่ต่อไป


หุ้นเด่นทางเทคนิค : IFEC, LIT, BLA(buy back)
      แนวโน้ม : แม้ว่าเมื่อคืนนี้จะไม่มีตลาดหุ้นสหรัฐชี้นำ เพราะปิดทำการเนื่องในวันเมมโมเรียล เดย์ แต่ตลาดหุ้นยุโรปก็ยังคงปิดบวกได้ดี จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลี จากข่าวที่ว่าพรรคของนายกฯ อิตาลีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังสามารถกลับมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้อีก อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดหุ้นบ้านเรายังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการต่อต้านการทำรัฐประหารจากกลุ่มต่างๆ รวมทั้งวิตกว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังคงขายสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทยด้วย นอกจากนี้การแถลงข่าวของหัวหน้า คสช. ช่วงสายวานนี้ที่ยังไม่ได้มีกำหนดการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ และยังไม่มีกรอบเวลาที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงทำให้ SET ยังแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องอยู่ แต่ FSS คาดว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงจากการเผชิญหน้าระหว่างทหาร กับกลุ่มต่อต้านเสียก่อน กรอบการปรับลงของ SET ก็น่าจะไม่รุนแรงนัก เพราะนักลงทุนยังมีความหวังเชิงบวกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจในเร็วๆ นี้ ซึ่งมีสิทธิช่วยหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้บ้าง ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อในช่วงตลาดเป็นลบ


แนวรับ 1385-1380 , 1375-1370 จุด แนวต้าน 1393-1398 , 1400-1403 จุด
       Fund Flow วานนี้ไหลออกตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$103.2 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$17.1 ล้าน ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$37.2 ล้าน เกาหลีใต้ US$22.2 ล้าน อินโดนีเซีย US$5.4 ล้าน และเวียดนาม US$1.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ

 

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) ปรับ GDP ปีหน้าขึ้นเป็น 4.6% จาก 3.6% เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจหลังการรัฐประหารเพราะอย่างน้อยก็ทำให้การชุมนุมที่มีมา 6 เดือน ยุติลง แม้จะยังเห็นการต่อต้านอยู่บ้างแต่หวังว่าเป็นช่วงสั้นและผ่านไปได้โดยสงบ เมื่อการเมืองนิ่งและมีสเถียรภาพ ภาคเอกชนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เอง เราปรับประมาณการ GDP ปี 2015 ขึ้นเป็น 4.6% จากเดิม 3.6% โดยปรับเพิ่มการบริโภคในประเทศ (เป็น 3.4% จาก 2.8%) และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน (เป็น 7.5% จาก 6%) การเร่งจ่ายหนี้ค่าข้าวให้ชาวนา และเร่งเบิกจ่ายงบฯที่ค้างท่อจะช่วยให้มีเงินออกไปสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น ดีต่อ SINGER, SAWAD, CPALL, TK, GL, DCON, FORTH, MC เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เรายังคง GDP ปีนี้ที่ 2% และไม่ได้คาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากนัก แต่ระยะยาว ยังชอบธุรกิจโรงแรม สนามบิน โรงพยาบาล ค้าปลีก สื่อสาร อาหาร และแบงก์
  (-) กลุ่มนิคมฯ ยอดขอส่งเสริมการลงทุน 4 เดือนแรกลดลง 45% Y-Y เหลือเพียง 2.7 แสนล้านบาท BOI จึงปรับลดเป้าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนปีนี้ลงจากเดิมที่ 9 แสนล้านบาทเป็น 7 แสนล้านบาท ลดลง 37% จากปีก่อน เราคาดว่าแนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกหลังคสช.มีนโยบายจัดตั้งบอร์ด BOI ชุดใหม่เพื่อเร่งพิจารณาโครงการที่ค้างท่ออยู่ 6.6 แสนล้านบาท เรายังคงน้ำหนัก Neutral กลุ่มนิคมฯ เพราะแนวโน้มการขายที่ดินในปีนี้ยังมีแนวโน้มชะลอ คาดกำไรสุทธิของกลุ่มลดลง 13% Y-Y อย่างไรก็ตาม Top pick ยังเป็น HEMRAJ (ราคาเป้าหมาย 4 บาท)
  (+) MC แม้ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะไม่เอื้ออำนวย แต่เรายังคงคาดการณ์กำไรปกติปีนี้เติบโต 22% Y-Y จากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งปีละ 100 สาขาในช่วง 3 ปีข้างหน้า และได้แรงหนุนจากการควบรวมกิจการ Time Deco รวมถึงการรุกตลาดเพื่อนบ้านในพม่า ลาว และเวียดนามในระยะยาว นอกจานี้ MC ยังเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะได้ประโยชน์จากการที่ชาวนาจะได้รับเงินค่าจำนำข้าว เพราะผู้บริโภคในต่างจังหวัดเป็นฐานลูกค้าหลักของ MC เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
  (-) ICHI จากการเข้าพบผู้บริหารวานนี้ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในช่วง 1-3 ปีนี้ จากการเติบโตในธุรกิจชาเขียวและเย็นเย็น อาศัยโปรโมชั่นและการขยายกำลังการผลิตรองรับการผลิตสินค้าใหม่คือไบเล่ ที่จะเริ่มรุกตลาดใน 4Q14 เรายังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2014-15 เติบโตปีละ 26% ซึ่งใช้สมมติฐานที่ค่อนข้าง aggressive ตามเป้าของผู้บริหารแล้ว ราคาเป้าหมายที่ได้ยังอยู่ที่ 17 บาทในปีนี้และ 21 บาทในปีหน้า ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนการเติบโตในปีหน้าไปแล้ว จึงยังคงแนะนำขาย
   (0) การเปลี่ยนแปลงหุ้นที่คำนวณใน MSCI มีผลศุกร์นี้ การปรับเปลี่ยนหุ้นที่คำนวณในดัชนี MSCI ที่จะใช้ในรอบ 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.-ส.ค.) หุ้น Big cap มีเพิ่ม 1 ตัวคือ BH ไม่มีหุ้นเอาออก ส่วนหุ้น Small Cap เพิ่ม 4 ตัว (BJCHI, MEGA, NYT, TTCL) เอาออก 6 ตัว (BH, GSTEL, GRAMMY, SITHAI, TUF, UMI) มีผล 30 พ.ค. 2014

 

  ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทำการเนื่องในวันเมโมเรียล เดย์
  ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีหลังพรรคของนายกฯมัตเตโอ เรนซีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภายุโรป
   ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้จากประเด็นความหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB
  ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกทางข้าง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.60 บาท/ดอลลาร์
  น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันเมโมเรียล เดย์
  ทองคำในตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันเมโมเรียล เดย์
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!