บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-6-2021

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Wednesday, 23 June 2021 13:53; Hits: 1117

อย่าลืม!...กดไลน์-แชร์กันด้วยนะครับ

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-6-2021

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y R E P O R T / 23 มิถุนายน 2564

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

คาดส่งออกไทยโตแรง

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรขยายตัวดี โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “RBF

RBF

ปรับกำไรปี 65-66 ขึ้น 42-51% จาก Upside ธุรกิจกัญชงที่มากกว่าคาด คือ 1) พื้นที่ปลูกต่อ Crop เพิ่มเป็น 400-500 ไร่ จากคาดเดิมที่ 300 ไร่ และ 2) ราคา Isolate-CBD ยืนระดับสูงที่ 2.5 แสนบาทต่อกก. ส่วนระยะยาวคาดโตจาก Megatrend ธีมพืชเศรษฐกิจ และการรักสุขภาพ

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.6 บาท

คาดกำไร 2q64 ขยายเด่น YoY และมีแนวโน้มการเร่งเปิดโครงการในช่วงครึ่งปีหลังกว่า 4 หมื่นล้านบาท (3Q64 คาด 16 โครงการ และ 4Q64 คาด 12 โครงการ) ช่วยเสริม Backlog มากขึ้น ผสานราคาหุ้นปัจจุบันเทรดเพียง PE 6 เท่า และมีปันผลเด่นราว 5.5% เพิ่มความน่าสนใจ

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.8 บาท

INVESTMENT THEME

คาดส่งออกไทยโตแรง

โพเวลยังมองเงินเฟ้อปรับขึ้นเพียงชั่วคราว : ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ วานนี้ยังคงยืนยันถึงภาพการเร่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นเพียงการเร่งขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากราคาสินค้าที่เร่งขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลของการกลับมาเปิดเมืองของสหรัฐฯ โดยจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยก่อนเวลาอันสมควร และคงต้องพิจารณาในด้านปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เพื่อเป็นส่วนในการตัดสินใจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงถัดไป

คาดส่งออกไทยโตแรง : เศรษฐกิจคู่ค้าหลักของไทย ทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน มีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น หลังตัวเลขการติดเชื้อ COVID-19 มีแนวโน้มที่ลดต่ำลง เป็นแรงหนุนให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวโดดเด่นในปีนี้ โดยเดือนเมษายน ส่งออกไทยโตสูงถึง 13.09% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี และตลาดคาดว่ายอดเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะมีการรายงานในวันนี้ จะเติบโตสูงถึง +33.5%YoY ซึ่งมาจากทั้งฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และการฟื้นตัวของภาคส่งออกอย่างจริงจัง คาดจะช่วยเพิ่มจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกมากยิ่งขึ้น

กนง. จะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ : วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ที่ 0.5% ต่อไป โดยแนะติดตามมุมมองเศรษฐกิจไทย และการใช้นโยบายต่างๆ เพื่อเยียวยา

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET เปิดโดดแต่ค่อยๆย่อตัว โดยยังมีแรงขายลดเสี่ยงก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟด โดย SET ปิดที่ 1,599.23 (-1.90) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.3 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,318 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 277 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 16,128 สัญญา)

EYES ON

23 มิ.ย. การประชุม กนง., ยอดส่งออกไทย, PMI ภาคการผลิตและบริการสหรัฐฯและยูโรโซน, ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ

24 มิ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน สหรัฐฯ, US GDP, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ

25 มิ.ย. PCE Core Deflator, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ

K.W. Metal Work (KWM)

ธุรกิจด้านการเกษตรปีนี้ ดีมาก

BUY

Share Price THB 6.00

12 m Price Target THB 7.15 (+19%)

Previous Price Target THB NA

ประเด็นการลงทุน

เรามีมุมมอง “บวก” กับธุรกิจหลักของ KWM เนื่องจากสิ่งแวดล้อมในการทำธุรกิจ เช่น ราคาพืชผลระดับสูง พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ตลาดแรงงานที่เพียงพอ ยังคงสนับสนุนยอดขายอุปกรณ์ต่อพ่วงเครื่องจักรกลการเกษตรอย่าง ใบผาล โครงผาล และ ใบเกลียว ได้อย่างดี ผู้บริหารส่งสัญญาณถึงออร์เดอร์ที่หนาแน่นไปอย่างน้อยไตรมาส 3/64 ขณะที่ธุรกิจใหม่เครื่องสกัดกัญชง ก็กำลังค่อยๆดำเนินไปตามแผนธุรกิจ ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะโดดเด่นมากในปี 2565 เราให้เป็นคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อเนื่องมาจาก Stock note เมื่อ 28 พ.ค. 2564 โดยใช้กรอบบนของ P/E เฉลี่ย +0.5 SD ที่ 31 เท่าเป็นจุดอ้างอิงได้ราคาเหมาะสม 7.15 บาท/ หุ้น ราคาปิดวานนี้สะท้อนเป็นเพียง PEG 0.2x

ธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วงการเกษตร ยังไปได้ดี

กิจกรรมการเกษตรพืชไร่ของไทย ยังเดินหน้าได้ดี ในไตรมาส 1/64 ขยายตัว +3.6% YoY สูงกว่าภาพรวมของการเกษตรไทยที่ +1.4% YoY โดยแนวโน้มปี 2564 เชื่อว่ายังไปได้ดีเนื่องจาก ความอุดมสมบูรณ์ของน้ำในปีนี้ โดยปัจจุบันมีน้ำในอ่างพร้อมใช้กว่า 13,405 ล้าน ลบ.ม., ราคาพืชผลการเกษตรที่อยู่ในระดับสูงขยายตัว YoY มาแล้ว 10 เดือนติดต่อกัน, ความพร้อมของตลาดแรงงานที่กลับเข้าสู่อุตสาหกรรมเกษตรมากขึ้นหลังประสบปัญหา COVID-19 ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึง ธุรกิจ SMEs การเกษตรที่กำลังเฟื่องฟู ทำให้พื้นที่เพาะปลูก ข้าวนาปรัง +7.2% YoY มันสำปะหลัง +2.7% YoY ส่วนข้าวนาปียังอยู่ระดับสูงสุด 61.4 ล้านไร่ ส่งผลให้ผู้ประกอบรถแทร็กเตอร์อันดับ 1 ของประเทศ (ลูกค้าหลักของ KWM) จึงแสดงยอดขายรถแทร็กเตอร์เติบโตถึง +50% YoY ในไตรมาส 1/64 และได้ส่งสัญญาณถึงออร์เดอร์มายัง KWM ที่หนาแน่นเต็มไตรมาส 3/64 ดังนั้นเราเชื่อว่า ทิศทางผลกำไรของ KWM จะขยายตัวสอดคล้องกันตลอด 3 ไตรมาสที่เหลือปีนี้ เราคงประมาณการกำไรสุทธิ 98 ลบ. +126.2% YoY

เครื่องสกัดกัญชง ตั้งเป้า 10 เครื่องปีนี้ 20 ปีหน้า และ 30 ปีถัดไป

หลังส่งมอบเครื่องแรกให้กับลูกค้า ผู้บริหารเผยจะลงทุน 50 ลบ. ปีนี้เพื่อขยายสายการผลิตเครื่องสกัดกัญชงนี้ และเพื่อพัฒนาใน version ถัดๆไป โดยในเบื้องต้นจากอุปสงค์จำนวนมากที่เข้ามา ผู้บริหารคาดปีนี้จะจัดส่งมอบทั้งหมด 10 เครื่อง โดยใช้โมเดลธุรกิจแบบเช่าเครื่องสกัดที่คิดค่าเช่าต่อรอบการสกัด เพื่อให้เครื่องสกัดนี้สามารถสร้างกระแสรายได้แบบ Recurring ในระยะยาว (สัญญายาว 3 ปี) ขณะที่ KWM ก็จะมีรายได้เสริมจากค่าบริการบำรุงรักษารายเดือนอีกด้วย โดยโมเดลนี้ยังทำให้ลูกค้าลงทุนด้วยเม็ดเงินที่ต่ำสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ เราประเมินเบื้องต้นว่า 1 เครื่องสกัด จะให้มูลค่าเพิ่มจากราคาเหมาะสมประมาณ +0.24 บาท/ หุ้น

ความเสี่ยง

ต้นทุนเหล็กผันผวน แต่ทว่า KWM สามารถขอปรับราคาขายได้ทุกไตรมาส, น้ำท่วม-ภัยแล้ง จะส่งผลต่อกิจกรรมการเกษตร และยอดขายอุปกรณ์ต่อพ่วงของบริษัท

Jaroonpan Wattanawong

jaroonpan.w@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1404

R&B Food Supply (RBF)

รับเต็มๆ ธีมพืชเศรษฐกิจ

BUY

Share Price THB 20.60

12 m Price Target THB 22.60 (+10%)

Previous Price Target THB 16.50

ประเด็นการลงทุน

จากวานนี้วันที่ 22 มิ.ย.ทาง อ.ย.ได้มีการอนุมัติ license สำหรับการสกัดน้ำมันในเมล็ดกัญชงอย่างเป็นทางการครั้งแรก ทำให้คาด RBF ที่เป็นผู้ยื่นขอใบอนุญาตในล็อตแรกจะได้รับการอนุมัติในเร็วๆนี้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเห็นรายได้จากธุรกิจกัญชงได้อย่างไวในปีนี้ และช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้ลูกค้าติดต่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มี Upside บนประมาณการกำไรเดิมของเรา อีกทั้งยังเล็งเห็น Upside risk เพิ่มเติม ในพืชเศรษฐกิจตัวใหม่อย่าง “กระท่อม” ที่คาดมีโอกาสเป็นอีก S-curve ของกำไรได้ไม่ต่างจากกัญชง ทำให้เราปรับกำไรปี 65-66 เพิ่มขึ้น 42-51% และปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ปี 65 ที่ 22.6 บาท ตามวิธี DCF (WACC 8%, G.3%)

คาดใกล้ได้ใบอนุญาตกัญชง และ มีลูกค้าเพิ่มตลอดทาง

เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังเริ่มเห็น อ.ย. ปลดล็อก license โรงสกัดน้ำมันเมล็ดกัญชง และคาดจะเห็นการทยอยปลดล็อก license การปลูก-โรงสกัด CBD ในเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเห็น Upside ในธุรกิจกัญชงจากประมาณการเดิมของเราจาก (1)พื้นที่การปลูกต่อ Crop มีโอกาสมากกว่าประมาณการเดิมที่ 300 ไร่ คาดเพิ่มเป็น 400-500 ไร่ หรือคือระดับที่ได้ทำ Contract กับเกษตรกรไว้แล้ว จากช่วงที่ผ่านมา RBF ได้รับการติดต่อจากลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ (2)ราคาตลาด Isolate-CBD ยืนระดับสูงได้ใกล้เคียงคาดที่ 2.5 แสนบาท/กก.

กระท่อม อีกพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เปิด Upside 1-2 ปีข้างหน้า

โดยพืชกระท่อมได้ถูกปลดล็อกจากการเป็นสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ช่วงปลายส.ค. ซึ่งคาดมีโอกาสสูงที่กระท่อมจะมาต่อยอด S-curve ของกำไรได้ไม่ต่างจากกัญชง ในปี 65-66 เป็นต้นไป จากสรรพคุณ (1)ช่วยเรื่องความกระฉับกระเฉงซึ่งตรงกับ Target group ของลูกค้าหลัก Energy drink (30%ในพอร์ต) (2)รักษาโรคเบาหวานเข้าธีม Functional drink และกระบวนการสกัดใกล้เคียงกับกัญชง ทำให้คาด RBF จะเป็น 1 ในผู้ได้ประโยชน์สูงสุดคล้ายกับตอนกัญชง จากการมีลูกค้าในมือ, มี Contract กับเกษตรกรและมีโรงสกัดของตนเอง

Valuation

ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ปี 65 ที่ 22.6 บาท ตามวิธี DCF โดยเราปรับลดกำไรปี 64 ลง 13% เพื่อสะท้อนผลกระทบโควิด-19 ระลอกที่ 3 และปรับกำไรปี 65-66 ขึ้น 42-51% จาก Upside ธุรกิจกัญชงที่มากกว่าคาด โดย Valuation ดังกล่าวมีความเหมาะสมกับ PEG ใกล้เคียง 1 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตเฉลี่ยปี 65-66 ที่ 41% และระยะยาวมีโอกาสโตได้ต่อกับ Megatrend ธีมพืชเศรษฐกิจ และธีมรักสุขภาพ