WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ช่วงนี้ SET ยังมีสิทธิผันผวนและกรอบขึ้นจำกัด ดังนั้นรอซื้อลบดีกว่า
 กลยุทธ์ : เราคาดว่าช่วงนี้ SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนและย้อนลงได้ ขณะที่กรอบการบวกขึ้นยังค่อนข้างจำกัด ดังนั้นในจังหวะบวกจึงยังต้องตามระวังแรงขายกดกลับไว้ด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์การเมืองที่เริ่มนิ่งและโอกาสที่จะมีการประกาศรัฐบาลเฉพาะกิจในเร็วๆ นี้ น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดในช่วงถัดไปได้ จึงแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อในช่วงลบเช่นเดิม
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : GUNKUL, BKD, BEC(buy back)
  แนวโน้ม : ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้เปิดทำการปกติด้วยการบวกขึ้นเกือบ 70 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาในเชิงบวก ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังขยับบวกต่อเนื่องได้ ขณะที่เมื่อวานนี้ SET เริ่มกลับมามีแรงซื้อหนุนอีกครั้ง หลังนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นเนื่องจากยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจากการต่อต้านการทำรัฐประหารเกิดขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้ดัชนีวันนี้ยังมีลุ้นบวกต่อได้อีก โดยเฉพาะหลังจาก คสช. ประกาศลดหย่อนกรอบเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานเป็นช่วงเที่ยงคืนถึงตีสี่แทน ก็น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ รวมถึงกรอบเวลาที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ทำให้นักลงทุนต่างประเทศอาจจะยังมียอดขายสุทธิต่อเนื่องกดดันตลาดให้ยังมีกรอบการขึ้นจำกัด และมีแนวโน้มที่ SET จะยังแกว่งพักตัวลงต่อได้อีก ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเพื่อทยอยเข้าซื้อในช่วงตลาดเป็นลบไว้ก่อนเช่นเดิมดีกว่า
  แนวรับ 1388-1385 , 1380-1375 จุด แนวต้าน 1395-1398 , 1400-1403 จุด
  Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก โดยส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$83.9 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$4.3 ล้าน แต่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไต้หวัน US$47.5 ล้าน เกาหลีใต้ US$8 ล้าน และเวียดนาม US$1.6 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังเบาบาง

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) ‘ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์’ ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ปัญหาทุกมิติ แม้จะยังมีคำถามว่าจะมีรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเงื่อนไขนักลงทุนต่างชาติที่จะพิจารณาซื้อหุ้นไทย แต่การขับเคลื่อนงานโดยข้าราชการที่มีขั้นตอนน้อยลงอาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า วันนี้ก.คลังจะเสนองบประมาณปี 2558 ต่อคสช. ผลักดันการลงทุนรถไฟรางคู่-รถไฟฟ้ากทม. (เราคาดว่าน่าจะเป็นโครงการเดิมที่ค้างท่อ เช่นรถไฟฟ้าสายสีเขียว สุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งเป็นประเด็นให้เก็งกำไรกลุ่มรับเหมาต่อ) อย่างไรก็ตาม มุมมองของนักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่ดี หุ้น Big cap เช่นกลุ่มธนาคารและสื่อสาร อาจเป็นเป้ามนการขายต่อ
  (+) CPALL การลดเวลาเคอร์ฟิวจากเดิม 22.00 – 5.00 น. เป็น 0.01 – 4.00 น. เป็บลบต่อ CPALL น้อยลงจากเดิมที่ได้รับผลกระทบจำกัดอยู่แล้ว โดยรายได้ในช่วงเวลา 22.00 – 5.00 น.คิดเป็นเพียง 5% ของรายได้รวม ขณะที่รายได้ในช่วงเวลา 0.01 – 4.00 น.คิดเป็นเพียง 2% ของรายได้รวม ทุกๆ 1% ของรายได้ที่ลดลง จะกระทบกำไรเพียง 0.6% และกระทบราคาเป้าหมาย 0.30 บาท/หุ้น ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ เรายังคงแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 55 บาทและยังคงเป็น Top pick ของกลุ่มค้าปลีก
  (0) BH เน้นเพิ่มความสามารถในการรักษาโรคให้มากขึ้นเพื่อให้อัตราค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยต่อหัวของผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มจำนวนเตียงทั้งผู้ป่วยในและเตียง ICU ประมาณ 16% ส่วน 2nd Campus อยู่ระหว่างการขออนุมติ EIA โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2017 ส่วนโรงพยาบาลอูลานบาตอร์ในมองโกเลียที่ BH เข้าไปลงทุน 40.8% เมื่อปลาย มี.ค. ที่ผ่านมานั้น จะใช้เป็นจุดส่งต่อผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของ BH ในระยะยาว เราคงประมาณการกำไรปกติปีนี้เติบโต 11% Y-Y แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 2015-18 ขึ้น 2-4% ทำให้ราคาเป้าหมายที่อิง DCF เพิ่มขึ้นเป็น 120 บาทจาก 107 บาท แต่ยังคงแนะนำถือ เพราะราคาหุ้นสะท้อนข่าวบวกมากแล้วจนใกล้เต็มมูลค่า
  (-) WORK เราปรับประมาณการกำไรลงอีกครั้งจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดอย่างน่าผิดหวังใน 1Q14 (ขาดทุน 1 ล้านบาท) โดยปรับกำไรสุทธิปี 2014-15 ลงปีละ 23% เหลือ 205 ล้านบาทในปี 2014 ลดลง 20% Y-Y หดตัวที่มากที่สุดในกลุ่ม และเหลือ 250 ล้านบาทในปี 2015 (เพิ่มขึ้น 22% Y-Y) โดยธุรกิจทีวีดิจิตอลจะให้ขาดทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ ยังคงแนะนำขาย ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 18 บาทจาก 23 บาท
  (0) การเปลี่ยนแปลงหุ้นที่คำนวณใน MSCI มีผลศุกร์นี้ การปรับเปลี่ยนหุ้นที่คำนวณในดัชนี MSCI ที่จะใช้ในรอบ 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.-ส.ค.) หุ้น Big cap มีเพิ่ม 1 ตัวคือ BH ไม่มีหุ้นเอาออก ส่วนหุ้น Small Cap เพิ่ม 4 ตัว (BJCHI, MEGA, NYT, TTCL) เอาออก 6 ตัว (BH, GSTEL, GRAMMY, SITHAI, TUF, UMI) มีผล 30 พ.ค. 2014
  (0) รายชื่อหุ้นที่จะนำเข้า-เอาออก SET50 และ SET100 เริ่มใช้ 2 ก.ค. - 31 ธ.ค. 2014 สำหรับ SET50 คาดว่าจะนำเข้ามาคำนวณใหม่ ได้แก่ KKP และ M ส่วนหุ้นเอาออกได้แก่ CK และ THAI สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะนำเข้ามาคำนวณใหม่ ได้แก่ BJCHI , M , MC , MEGA , NOK , NYT , PSL , THREL และ UMI ส่วนหุ้นเอาออกได้แก่ CHG , DCC , JMART , MBK , N-PARK , SC , SF , SSI และ THRE ทั้งนี้ ตลาดฯจะใช้ราคาปิดวันที่ 30 พ.ค. ในการคำนวณ และประกาศรายชื่อกลางเดือน มิ.ย.
  ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ต่ออีก 69.23 จุดหลังจากปิดทำการในวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่รายงานออกมาเมื่อคืนดีกว่าที่คาดซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังค่อยๆฟื้นตัวอย่างแท้จริง
  ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องอีกเล็กน้อยโดยได้แรงหนุนจากดัชนี FTSE ที่ปรับตัวขึ้นหลังจากปิดทำการในวันก่อนหน้า นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนยังคงเป็นบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาน่าพอใจ
  ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้เช่นกันตามตลาดหุ้นสหรัฐจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด
  ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากเงินทุนที่ยังไหลออก คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.54-32.65 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ขยับตัวลงเล็กน้อย 0.24 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 104.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาปรับตัวลงจำกัดเนื่องจากแรงหนุนจากความตึงเครียดในยูเครนและลิเบีย
  ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงแรง 26.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,265.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวออกมาค่อนข้างดี

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 พ.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เม.ย.), กสทช.จัดประชาพิจารณ์ประมูล 4G
29 พ.ค. - อินโดนีเซีย: ตลาดการเงินปิดทำการวัน Ascension Day
- ฟิลิปปินส์: 1Q14 GDP
- สหรัฐ: 1Q14 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2)
30 พ.ค. - MSCI Index Review
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน เม.ย.
- อินเดีย: 1Q14 GDP (ตลาดคาดเพิ่ม 4.7% Y-Y)
1 มิ.ย. - จีน: Manufacturing PMI (พ.ค.)
2 มิ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค.
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ค.)
3 มิ.ย. - จีน: Non-manufacturing PMI (พ.ค.)
- อินเดีย: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: Factory order (เม.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept.   Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!