WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

เก็งกำไรหุ้นกลาง-เล็ก ได้ผลบวกจากนโยบายกระตุ้นของคสช.
Highlight
     ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดคละหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีต่อเนื่องหนุน S&P ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ฉุดทอง ร่วงแรงสุดรอบปี
    ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ : EU Economic confidence พ.ค. คาด 102(V101.9) Thai ส่งออก เม.ย. คาด +0.5%y-y(Vs -3.12%) ดุลการค้า ขาดดุล 600 ล้านดอลล์ (VS เกินดุล +1.46 พันล้านดอลล์) ผลผลิตภาคอุตฯ เม.ย. -6.4%y-y (Vs -10.4%)
-วันทำการล่าสุด นักลงทุนต่างชาติขายต่อ -2.73 พันลบ. (ขายสะสม 6 วัน รวม -2.61 หมื่นลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อ +31 ลบ. (ซื้อสะสม 11 วัน จาก 12 วันทำการ รวม +1.49 หมื่นลบ.)
+/-การเมือง คสช. ตั้ง "ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์" สลายสีเสื้อ เดินหน้าปฏิรูป ตั้งทีมที่ปรึกษา ดูแลทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม และต่างประเทศ วันนี้กระทรวงการคลังเสนองบปี 58
คาดดัชนีฯ วันนี้ ปิดสูงขึ้น แนวต้าน 1400/1405 จุด แนวรับ 1388/1380 จุดแรงซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหนุนตลาด รวมถึงสถานะการณ์การเมืองเริ่มผ่อนคลาย อิงการเปลี่ยนเวลาเคอร์ฟิวเป็น 00.01-04.00น. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

     กลยุทธ์: แนะนำ Trading Buy กลุ่ม Laggard Play อาทิ รับเหมาฯ พาณิชย์ นิคมฯ และกลุ่มขายสินค้าให้กับกลุ่มรากหญ้า ลุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ อาทิ CPALL ITD CK STEC TTCL UNIQ SYNTEC SINGER TK MIDA MC SAWAD HMPRO AMATA HEMRAJ

 

หุ้นในกระแส:
      หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 6.0%) ได้แก่ TPOLY NWR TGPRO UNIQ LIT ITD UMI SEAFCO TPIPL CNT SCP หุ้นที่ลงกว่า 2.5% EVER SUPER UTP GCAP BMCL PSL
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ BBL+287 KBANK+153 CPF+97 ด้านขาย INTUCH -104 ADVANC-92
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ PTT 144 ADVANC 79 BTS 68

 

Market Outlook
      คาดดัชนีฯ ปรับขึ้น แนวต้าน 1400/1405 จุด แนวรับ 1388/1380 จุด หลังคสช. ตั้งทีมที่ปรึกษา และเตรียมแถลงนโยบายเร่งด่วนเร่ง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น แนะนำ เก็งกำไร กลุ่มรับเหมาฯ และกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐฯ อาทิ กลุมรับเหมารายใหญ่ (ITD STEC CK) รายเล็ก-กลาง (BJCHI SYNTEC UNIQ NWR) กลุ่มอิงรากหญ้า (SINGER TK MIDA MC SAWAD HMPRO) กลุ่มนิคมฯ (AMATA HEMRAJ เร่งอนุมัติ BOI, ตั้งโรงงาน)
      คาดดัชนีฯ วันนี้ ปรับสูงขึ้น แนวต้าน 1400/1405 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1388/1380 จุด แรงขายต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยถ่วงตลาด แต่คาดว่าแรงขายเริ่มเบาบาง หลังกลุ่มธนาคารฟื้นตัวจากแรงเก็งกำไรการปล่อยกู้โครงการต่างๆ ภาครัฐ และแนวโน้มการลงทุนในประเทศที่คาดฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่มีเก็งกำไรรายตัว โดยเฉพาะกลุ่มอุตฯ รับเหมา วัสดุฯ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของคสช. ความกังวลเรื่องของการต่อต้านรัฐประหารยังเป็นแรงกดดัน แต่การที่ผ่อนคลายเวลาเคอร์ฟิวช่วยเพิ่มบรรยากาศเชิงบวก การตั้งทีมที่ปรึกษาของคสช. ช่วยหนุนแนวทางการทำงานชัดเจนขึ้น และคลายความกังวลเรื่องถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

      กลยุทธ์: เราคงคำแนะนำระยะ 3-6 เดือน เลือกลงทุนกลุ่ม High Dividend Play (BTS INTUCH) และเลือกสะสมกลุ่มส่งออก อาหาร (CPF GFPT TUF) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ (HANA KCE) กลุ่มพาณิชย์ (CPALL) ส่วนรับเหมาฯ (ITD CK TTCL STEC) let profit run
       ส่วนระยะสัปดาห์ แนะนำ เก็งกำไร กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ศสช. อาทิ รับเหมาฯ สินเชื่อรากหญ้า KBANK SCB STEC ITD CK TTCL BJCHI SYNTEC UNIQ NWR SINGER TK MIDA M SAWAD HMPRO กลุ่มนิคมฯ AMATA HEMRAJ และหุ้นท่องเที่ยวที่ดิ่งลงแรง AOT


      ปัจจัยในประเทศ – มีการประกาศรายชื่อทีมที่ปรึกษาของคสช. โดยมีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังดูแลด้านเศรษฐกิจ เพิ่มความคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวันนี้จะมีการเสนองบประมาณประจำปี 58 โดยบรรจุโครงการรถไฟรางคู่และรถไฟฟ้ากทม. ปริมณฑลไว้ด้วย ส่งผลตลาดกลับมาเร่งเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ ทั้งธนาคาร รับเหมาฯ วัสดุฯ ที่ปรับขึ้นมาแรงวันนี้ เราคาดอาจมีการสลับมาเก็งกำไรกลุ่มนิคมฯ หลังทีมที่ปรึกษาที่ตั้งขึ้นเห็นว่าเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ 2 เรื่องสำคัญ คือ อนุมัติคำขอ ส่งเสริมการลงทุน ที่ค้างอยู่ ราว 7 แสนล้านบาท และ การออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ที่ค้างอยู่ ประมาณ 870 แห่ง


     ปัจจัยต่างประเทศ – ยังเป็นบวกหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสดใส โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาด 0.8% ในเดือน เม.ย. หนุนดัชนี S&P500 ทำนิวไฮต่อเนื่อง และยังมีความคาดหวังต่อมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของยุโรป ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการลดดอกเบี้ยลง ส่งผลค่าเงินยูโรและทองคำ ร่วงลงในระยะนี้
       ทางเทคนิค เริ่มทรงได้ สะท้อนตลาดยังคงมีโอกาสปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านของ Fibonanci กรอบ 1370-1460 จุด แนวต้านต่อไปอยู่ที่ 1405 จุด 1416 จุด 1426 จุด 1439 จุด และ 1460 จุดตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1370 จุด ขณะที่ โอกาสขึ้นหรือลง ยังคงมีความเป็นไปได้เท่ากัน อิงการเข้าเขตระดับ Neutral ของเครื่องชี้นำ Slow Stochastic, RSI

 

ประเด็นจับตา
-1. ประเด็นการเมือง: จับตานโยบายเศรษฐกิจหลังรับโปรดเกล้าฯ
ประเด็นการเมือง (Update):
      "พล.อ.ประวิตร"นั่งประธานที่ปรึกษาคสช.,"พล.อ.อนุพงษ์-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร"รองประธาน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง คณะที่ปรึกษาคสช. รวม 10 ตำแหน่ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม เป็น ประธาน ส่วนรองประธาน ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นอกจากนี้ ยังมีอดีตรัฐมนตรีและผู้เชี่ยวชาญทางด้าน เศรษฐกิจ,กฎหมาย และอดีตนายทหารระดับสูง ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ , นายณรงค์ชัย อัครเศรณี, นายวิษณุ เครืองาม, นายยงยุทธ ยุทธวงศ์, พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ และ พล.อ.นพดล อินทปัญญา ร่วมเป็นคณะที่ปรึกษา โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นที่ปรึกษาและเลขานุการ
      เปลี่ยนแล้ว! เวลาเคอร์ฟิวเป็นเที่ยงคืน-ตี4 คสช. ได้ประกาศแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว จากเดิม 22.00-05.00 น. เป็น 00.01-04.00 น. เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนเริ่ม 28 พ.ค. 2557
มติป.ป.ช. สอบ 'นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง' พร้อม 4 บิ๊กขรก. ปปช. เปิดเผยกรณีจำนำข้าวว่า การปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ของกระทรวงการคลัง ในครั้งที่ 3 มีผลขาดทุนเป็นจำนวนสูงถึง 3.3 แสนล้านบาท และยังมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณข้าวจำนวน 2.98 ล้านตัน ที่ไม่สามารถนำเข้ามาสู่กระบวนการปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีดังกล่าวได้ เนื่องจากยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำนวนข้าวดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่
       คสช. เปิดโรดแมพเศรษฐกิจสัปดาห์หน้า ดูแล "ศก.รากหญ้า-เอสเอ็มอี" พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผย ว่า ทีมเศรษฐกิจของคสช.ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจกับทีมผู้บริหารกระทรวงการคลังทั้งหมด เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และกำหนดเป็นโรดแมปในการดูแลเศรษฐกิจเพื่อนำเสนอให้คสช.ได้พิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้าสำหรับระยะเวลาของโรดแมพในการดูแลเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถระบุได้ จะต้องรอให้ทุกฝ่ายร่วมหารือกำหนดออกมาเป็นแผนก่อน สิ่งที่สำคัญในการดูแลเศรษฐกิจขณะนี้ คือ การดูแลเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าและธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อให้เศรษฐกิจได้ขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว
       สถิติจากการรัฐประหารในปี 2549 หากอิงสถิติในการทำรัฐประหารปี 2549 ดัชนีฯ ปรับลงในวันทำการแรก -1.4% และปรับลง -1.4% และ -2.1% ใน 1 และ 2 สัปดาห์หลังรัฐประหาร ดัชนีฯ ปรับขึ้น +2.6% และ+3.4% ในช่วง 1 และ 2 เดือนหลังรัฐประหาร เนื่องจากไม่มีเหตุรุนแรงหลังการรัฐประหาร ความเชื่อมั่นและการบริโภคในประเทศฟื้นตัว เราคาดเหตุการณ์ในปัจจุบันส่วนใหญ่ใกล้เคียงในอดีตจึงมีความเป็นได้สูงที่ตลาดหุ้นจะตอบรับในทิศทางใกล้เคียงเดิม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้นได้ดีในช่วง 1 เดือนหลังรัฐประหารปี 49 ได้แก่ ยานยนต์ อาหาร ค้าปลีก และธนาคาร และกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ดีในช่วง 3 เดือนแรก ได้แก่ โรงพยาบาล ค้าปลีก และอาหาร

      3.รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ : วันอังคาร US Durable goods orders คาดเติบโตลดลง วันพฤหัสฯ 1Q57F GDP USA ครั้งที่สอง คาดแย่ลง และวันศุกร์ Japan Core CPI เม.ย. คาดพุ่งขึ้นแรง
วันพุธ: EU Economic confidence พ.ค. คาด 102 (Vs 101.9) Thai ส่งออก เม.ย. คาด -0.4%y-y (Vs -3.12%) ดุลการค้า ขาดดุล 600 ล้านดอลล์ (VS เกินดุล +1.46 พันล้านดอลล์) ผลผลิตภาคอุตฯ เม.ย. -4.8% y-y (Vs -10.4%)
วันพฤหัสฯ: USA 1Q57F GDP ครั้งที่สอง เติบโต -0.6%q-q (Vs ครั้งแรก +0.1%) Pending Home Sales เม.ย. คาด +1%m-m (Vs 3.4%) Philippines 1Q57F GDP คาด +2%q-q (Vs 1.5%)
ศุกร์ : Japan Core CPI เม.ย. +3%y-y (Vs 1.3%) USA: U of Michigan Confidence พ.ค. คาด 82.8 (Vs 81.8) Thailand: ดุลบัญชีเดินสะพัด เม.ย. คาด +110 ล้านดอลล์ (Vs 2.89bn.) และจีน วันเสาร์ PMI Mfg พ.ค. คาด 50.7 (Vs 50.4)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
      ดัชนี เชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุด 4 ปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั่วไปพุ่งขึ้นสู่ 106.3 ในเดือน พ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2010 และปรับขึ้นจาก 105.5 ในเดือน เม.ย. (ตัวเลขเดือน เม.ย.ได้รับการปรับทบทวนให้สูงขึ้นจากรายงานขั้นต้นที่ 105.4)
      สหรัฐ เผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน เม.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาด 0.8% ในเดือน เม.ย. นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะลดลง 0.5% ในเดือน เม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือน มี.ค.
S&P เผยราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยราคาบ้านใน 20 เขต เมืองเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือน มี.ค. และเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบเป็น รายปี นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจ โดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน ก.พ. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น 11.8% ในเดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 12.9% ในเดือน ก.พ.

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดขึ้นเป็นวันที่สาม แต่ S&P ทำ New High เป็นวันที่ 2
       วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น โดยดัชนี DJIA ปิดบวก 69.23 จุดหรือ 0.42% สู่ระดับ 16,675.50 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 11.38 จุดหรือ 0.6% สู่ระดับ 1,911.91 จุด และ Nasdaq ปิดสูงขึ้น 51.26 จุด หรือ 1.22% สู่ระดับ 4,237.07 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมการควบรวมกิจการและการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งกระตุ้นความต้องการซื้อหุ้นของนักลงทุนการ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน เม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. ซึ่งสนับสนุนมุมมองของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

+ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ลุ้นอีซีบี ลดดอกเบี้ย
       วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก FTSE ปิดบวก 29.19 จุด หรือ 0.43% สู่ 6,844.94 จุด ดัชนี CAC40 ปิดเพิ่ม 2.82 จุด หรือ 0.06% สู่ 4,529.75 จุด และ DAX ปิดบวก 48 จุด หรือ 0.49% สู่ 9,940.82 จุด นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อีซีบีต้องจับตาเป็นพิเศษ สำหรับแนวโน้มราคาที่ติดลบในยูโรโซน ซึ่งความเห็นของเขาได้เพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์หน้าเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อต่ำ และการปล่อยกู้ที่อ่อนแอในยูโรโซน ขณะที่มีทางเลือกในการเข้าซื้อทรัพย์สินด้วย

-ราคาน้ำมันดิบ ร่วงลงจากแรงขายทำกำไร
      วันทำการที่ผ่านมา Brent ส่งมอบกค. ย่อลง 0.30 ดอลลาร์ สู่ 110.02ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Nymex ส่งมอบ ก.ค. ลดลง 0.24 ดอลลาร์ มาปิด ตลาดที่ 104.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร ในขณะที่ เทรดเดอร์เทขายทำกำไร หลังจากผ่านพ้นช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดยาว แต่ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์รุนแรงในยูเครน ทหารพลร่มและเครื่องบินของยูเครนสังหารกลุ่มกบฏกว่า 50 คนในการโจมตีเมืองโดเนทส์กทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยการโจมตีดำเนินไปเป็นวันที่สอง หลังจากประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนประกาศว่า จะจัดการกับกลุ่มกบฏในภาคตะวันออก และจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมาอาจปรับลดลง โดยเมืองคุชชิง ถือเป็นจุดส่งมอบน้ำมันตามสัญญาในตลาด NYMEX

-ราคาทองคำ ปิดร่วงแรงสุดนับตั้งแต่ ธ.ค.13
      วันทำการที่ผานมา ราคาสัญญาทองเดือนมิถุนายน ปิดตลาด ลดลง 26.20 ดอลล์ หรือ -2.03% สู่ 1 , 2 6 5 . 5 0 ด อ ล ล า ร์ ต่ อ อ อ น ซ์ ร า ค า ท อ ง ส ป อ ต ที่ ต ล า ด ส ห รั ฐ ดิ่ งลง 29.35 ดอลลาร์ หรือ 2.27 % สู่ 1,263.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2013 ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,912.28 ในระหว่างวัน และการคาดการณ์เศรษฐกิจในทางบวกกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองออกมาเป็นจำนวนมาก

+ ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index ปิดเพิ่มขึ้นวันแรก หลังลดลง 4 วัน
      วันทำการที่ผานมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดเพิ่มขึ้น 9 จุด หรือ0.93% เป็น 973 จุด หลังจาก ปี 56 เพิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก (แนะนำ เก็งกำไร PSL TP Consensus 22.84-27.25 บาท TTA TP Consensus 22.83-27.25 บาท)

ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501
Thanomsaks@ktzmico.com
02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564
Tidaratp@ktzmico.com
02-624-6270

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!