WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-11-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 1 พฤศจิกายน 2564

MARKET SUMMARY

Sideways :

เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นอิงกลุ่มการเปิดประเทศ โดย ATO Picks แนะนำ “AOT, ASK”

AOT

การเดินหน้าเปิดประเทศ 1 พ.ย. (วันนี้) และให้นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ ไม่ต้องกักตัว (เพิ่มจากเดิม 46 ประเทศ) คาดจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการมาเที่ยวไทย เป็นบวกต่อภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว และบวกโดยตรงต่อหุ้นสนามบิน

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท

ASK

คาดกำไร 3Q64 ที่ 301 ล้านบาท (+30%YoY, +12%QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งสามารถชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นได้ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต QoQ ทุกไตรมาสถึง 4Q65 ในขณะที่ PEปี65 เทรดเพียง 13 เท่า

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท

INVESTMENT THEME

เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว

เศรษฐกิจไทย กย. ฟื้นตัว : จากการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยจากธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนกันยายน พบว่า ภาพรวมเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น หลังมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัว รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เติบโต อีกทั้งปัญหา Supply disruption จากการปิดโรงงานในไทยก็เริ่มคลี่คลาย ส่วนแนวโน้มเดือนตุลาคมพบว่าสัญญาณเศรษฐกิจยังฟื้นได้ต่อเนื่องตามการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด แต่อย่างไรก็ดีในช่วงต้นและกลางไตรมาส 3 เศรษฐกิจไทยเผชิญกับการระบาดที่รุนแรง ดังนั้นเราจึงคาด 3Q64 GDP ของไทยจะหดตัว -3.4%YoY จาก 2Q64 ที่ +7.5% แต่คาดจะกลับมาเป็นบวกได้ใน 4Q64 จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น, การผ่อนคลายมาตรการ และการเปิดประเทศ 1 พ.ย. ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มจำนวนประเทศที่เข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวเป็น 63 ประเทศ จากประกาศเดิมที่ 46 ประเทศ ถือเป็นจิตวิทยาบวกเพิ่มเติม

ตลาดหุ้นยังคงแกว่งสร้างฐาน : คาดตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1610 – 1650 จุด โดยจับตาผลประชุม FED (2-3 พย.) , ประชุม OPEC (4 พ.ย.) และการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน แนะจังหวะย่อเป็นโอกาสสะสม โดยเน้นหุ้นที่คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 3Q64 และคาดกำไรจะฟื้นตัวกลับมาใน 4Q64

MARKET SUMMARY

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งกรอบแคบ โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ และรอผลการประชุม FED ต้นเดือน พย. โดย SET ปิดที่ 1,623.43 (-0.88 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.4 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,004 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 535 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 15,405 สัญญา)

EYES ON

1 พ.ย. PMI ภาคการผลิต US, ISM ภาคการผลิตของ US& ไทย , Caixin China PMI ภาคผลิต

2 พ.ย. PMI ภาคการผลิตยูโรโซน

3 พ.ย. ประชุม FED, การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ จาก ADP, PMI ภาคบริการ US, ISM ภาคบริการของ US, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ, Caixin China PMI ภาคบริการ

BJC Heavy Industries (BJCHI)

F/X ช่วยหนุนกำไร 3Q64 เด่น

HOLD Share Price               THB 2.18

12m Price Target       THB 2.30 (+6%)

Previous Price Target THB 2.00

ประเด็นการลงทุน

คาด 3Q64 จะมีกำไรเด่น 120 ล้านบาท แรงหนุนจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 84 ล้านบาท งานที่จะรับรู้ใน 4Q64 จะทรงตัว คาดจะมีกำไรปกติทรงตัว แต่ไม่เด่นประมาณ 30-40 ล้านบาท มีงานกำลังประมูลร่วม 3 หมื่นล้านบาท มี 2 โครงการรวม 700 ล้านบาท จะทราบผลในปลายปีนี้ BJCHI มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ ในขณะที่มีเงินสดในมือ 1.1 พันล้านบาท ประเมินราคาเป้าหมาย 2.3 บาท สูงกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเล็กน้อย เพิ่มจาก 2 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น คงแนะนำ ถือ    

คาด 3Q64 จะมีกำไรเด่น 120 ล้านบาท จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน

เราคาดผลประกอบการ 3Q64 จะมีกำไรที่เด่น 120 ล้านบาท โตจากไตรมาสก่อน 111%QoQ และ ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 119 ล้านบาท แรงหนุนสำคัญจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 84 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาดจะอยู่ในระดับต่ำ 36 ล้านบาท ลดลง 40% จากไตรมาสก่อน แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 146 ล้านบาท การรับรู้รายได้ 3Q64 คาดจะลดลงเหลือ 280 ล้านบาท (-39%QoQ, -33%YoY) แต่รับรู้โครงการที่มีกำไรดี คือ SANTOS #3 และ CIMTAS รวมถึงได้เงินชดเชยจากโครงการปิโตรเคมีที่หยุดก่อสร้างชั่วคราวเข้ามาช่วย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 20.0% จาก 18.8% ในไตรมาสก่อน และ ปีก่อนที่ติดลบ -27.6% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสามารถควบคุมได้ดีคาดจะปรับลดลงเหลือ 27 ล้านบาท (-21%QoQ, -30%YoY)

ไตรมาส 4Q64 คาดจะมีกำไรปกติต่อ แม้ไม่เด่น ปรับประมาณการขึ้น

BJCHI เหลืองานในมือปัจจุบันประมาณ 1.9 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการปิโตรเคมีซึ่งยังล่าช้า แต่จะยังคงได้เงินชดเชยเข้ามาเป็นค่าเก็บวัสดุอุปกรณ์ และ รับรู้โครงการ Koodaideri งวดสุดท้าย รวมแล้วยอดรับรู้รายได้ไตรมาส 4Q64 คาดจะใกล้ไตรมาส 3Q64 ประมาณ 280 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติคาดจะประมาณ 30-40 ล้านบาท เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น แรงหนุนสำคัญจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ปี 2564 จะมีกำไรเท่ากับ 296 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปี 2563 ที่ขาดทุน 194 ล้านบาท ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้คาดจะลดลงเหลือ 1,475 ล้านบาท (-25%YoY)

มีงานกำลังประมูลหลายโครงการร่วม 3 หมื่นล้านบาท

BJCHI มีงานกำลังประมูลหลายโครงการร่วม3หมื่นล้านบาท เช่น พลังงานสะอาด ก๊าซ โครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โดยเป็น High Potential 4 โครงการประมาณ 4,500 ล้านบาท มีโครงการจากลูกค้ารายเดิม 2 โครงการเป็นโครงการเกี่ยวกับก๊าซในต่างประเทศ มูลค่ารวมกัน 22 ล้านเหรียญ หรือ ประมาณ 700 ล้านบาท อีก 2 โครงการเป็นโครงการพลังงานสะอาด มูลค่าโครงการ 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 59 ล้านยูโร ตามลำดับ นอกจากนี้โครงการปิโตรเคมีใน Backlog ปัจจุบัน มีแนวโน้มจะกลับมาก่อสร้างต่อหลังสถานการณ์ Covid-19 ผ่อนคลาย รวมถึงมีการเพิ่มมูลค่าโครงการอีกจำนวนมาก

Surachai Pramualcharoenkit

surachai.p@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1470

Siam Global House (GLOBAL)

กำไร 3Q64 เติบโตดีตามคาด

BUY

Share Price                 THB 20.40

12m Price Target       THB 27.00 (+32%)

Previous Price Target THB 27.00

ผลประกอบการ 3Q64

กำไรสุทธิเท่ากับ 659 ล้านบาทใกล้เคียงกับที่คาด แม้กำไรลดลง 32% QoQ เนื่องจากเข้าสู่โลว์ซีซั่นในหน้าฝน และการล็อกดาวน์มีผลกระทบเล็กน้อย แต่กำไรยังเติบโต 45% YoY จากการที่ SSSG เป็นบวก 12.6% (เทียบกับ -5.7% ใน 3Q63 และ +35% ใน 2Q64) โดยยอดขายสินค้าแทบทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น และราคาเหล็กเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อีกทั้งมีสาขาเพิ่มขึ้น 6 สาขา YoY เป็น 74 สาขา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 19% YoY แม้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 88bps YoY แต่บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีและได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเป็น 15.5% จาก 16.8% ใน 3Q63 นอกจากนั้น รายได้อื่นเพิมขึ้น 80% YoY จากรายได้ส่งเสริมการขายและการให้บริการ

แนวโน้มผลประกอบการ

คาดว่ากำไร 4Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและเติบโตได้มากกว่า 30% YoY เนื่องจากยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ SSSG เดือน ต.ค. เป็นบวกเกิน 10% รวมทั้งอาจได้อานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมบ้านหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง อีกทั้งอาจมีการเปิดสาขาใหม่อีก 1-2 แห่ง อัตรากำไรขั้นต้นยังมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนจากการปรับกลยุทธ์สินค้า House brand ทำให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น

คำแนะนำการลงทุน

กำไรสุทธิ 9M64 คิดเป็น 83% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ เรายังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโต 54% เป็น 3,136 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า 8% เป็น 3,382 ล้านบาท GLOBAL ได้แจ้งการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจเริ่มมีการขยายสาขาในปี 2566 สนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 27 บาท

ความเสี่ยง

การล็อกดาวน์ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาเหล็กลดลงอย่างมีนัยยะ

Suttatip Peerasub

suttatip.p@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1430

Thai Stanley El. (STANLY)

กำไร 2Q64/65 ลดลง ต่ำกว่าคาด

BUY

Share Price                 THB 176.50

12m Price Target        THB 212.00 (+20%)

Previous Price Target THB 212.00

ผลประกอบการ 2Q64/65

STANLY ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2Q64/65 (งวด ก.ค.-ก.ย. 2564) มีกำไรลดลงจากไตรมาสก่อน 30%QoQ เหลือ 267 ล้านบาท ในขณะที่ดีขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 5%YoY ต่ำกว่าเราคาดจะมีกำไรเท่ากับ 360 ล้านบาท ผลประกอบการถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั้งในบริษัท และ ค่ายรถยนต์ รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปของค่ายรถยนต์บางค่าย ยอดขายไตรมาสนี้ชะลอตัวเหลือ 3,018 ล้านบาท (-6%QoQ, +19%YoY) เทียบกับยอดผลิตรถยนต์รวม 367,034 คัน (-3%QoQ, +3%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นชะลอตัวลงเหลือ 16% จาก 19.3% ในไตรมาสก่อน จากยอดผลิตที่ลดลง แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 11.9% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 246 ล้านบาท (+2%QoQ, +40%YoY) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลงหนักเหลือ 41 ล้านบาท (-43%QoQ, -33%YoY) รวม 6 เดือนแรก STANLY มียอดขาย 6,236 ล้านบาท (+47%YoY) และ มีกำไร 651 ล้านบาท (+828%YoY)      

แนวโน้มผลประกอบการ

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3Q64/65 (ต.ค. – ธ.ค. 2564) คาดจะฟื้นตัว หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ผ่อนคลายลง และ การขาดแคลนชิปก็เริ่มดีขึ้น แนวโน้มปี 2564 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน โต 9%-12% แรงหนุนจากยอดส่งออกที่เติบโต ในขณะที่เราประเมินยอดผลิตรถยนต์ 1.7 ล้านคัน เติบโต 19% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model เราคาดยอดขาย STANLY ปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) จะฟื้นตัวตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ 13,700 ล้านบาท โต 18% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% โดยผลประกอบการของ STANLY ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มียอดขาย 15,150 ล้านบาท และ มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท

คำแนะนำการลงทุน

STANLY มีเงินสดในมือ เงินลงทุนระยะสั้น และตราสารทุนสูงถึง 5.3 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 5 พันกว่าล้านบาท รองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยเฉพาะ Global Model ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 244 บาท ซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำ 8.7 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.5% เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 212 บาท ผลประกอบการที่น่าผิดหวังจะกดดันราคาหุ้น แนะนำ ซื้อ ในช่วงอ่อนตัว

ความเสี่ยง

การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลก / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน / ปัญหาชิ้นส่วนบางรายการขาดแคลน

Surachai Pramualcharoenkit

surachai.p@maybank-ke.co.th

(66) 2658 6300 ext 1470

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!