WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“หวังอุปสงค์ภายในฟื้นใน 2H57”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     • ภาพตลาดวันก่อน : SET Index ปรับขึ้น 10.06 จุด มาปิดที่ 1402.79 มูลค่าซื้อขายประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการตอบรับในเชิงบวกต่อทีมเศรษฐกิจ (คือ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล) และต่างประเทศ (คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ของคสช. ซึ่งถือว่ามีความรู้ความสามารถในระดับต้นๆ ของประเทศและเป็นที่ยอมรับ โดยส่วนนี้ทำให้ตลาดมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ใน 2H57 และปี 58 แม้ว่าจะยังไม่มีการเลือกตั้งใหม่ในเร็วๆนี้ก็ตาม อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ 2.7 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายทำกำไรสุทธิ 3.44 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 พันล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 890 ล้านบาท
     • ปัจจัยและกลยุทธ์ : ในประเทศยังคงติดตามความก้าวหน้าของการกระตุ้นเศรษฐกิจของคสช. โดยในหลายเรื่องสำคัญจะเดินหน้าได้ในเร็วๆนี้ เช่นการออกใบรง.4 (กำลังพิจารณาร่นระยะเวลาการพิจารณาให้เร็วขึ้นบนเนื้อหาเท่าเดิม), การเร่งตั้งบอร์ด BOI เพื่อพิจารณาการขอรับใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนที่มีอยู่ราว 7 แสนล้านบาท, การจัดทำงบประมาณปี 58, การกระตุ้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัด, การช่วยเหลือ Micro SME & SME รายกลาง-เล็ก เป็นต้น ซึ่งการเร่งดำเนินการดังกล่าวทำให้มีความหวังว่าอุปสงค์ในประเทศจะดีขึ้นในช่วง 2H57 โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและลงทุนภายใน คือ ธนาคารพาณิชย์, พาณิชย์, เช่าซื้อ, สื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์, รับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น

      อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายก็ยังไม่แน่ใจว่าปัญหาการเมืองจะยุติลงได้ทั้งหมดหรือไม่ เนื่องจากยังมีการประท้วงในหลายๆ จุด ดังนั้นจึงอาจมีแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ตลาดก็ยังแกว่งขึ้นได้ในระยะสั้น ในทางปัจจัยพื้นฐาน จึงคงคำแนะนำทยอยซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในจังหวะราคาอ่อนตัว สำหรับการลงทุนตามรอบโดยใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคมีกลยุทธ์ คือ โดยหลักเป็นการซื้อตามค่าบวก กลยุทธ์รองคือซื้ออ่อนตัว โดยSET มีพื้นที่แนวรับ 1370-1360, 1340-1330 จุด และแนวต้านระยะสั้น 1410-1420, 1440-1450 จุด สำหรับหุ้นพื้นฐานที่น่าสนใจวันนี้ เป็น BBL

 

Fundamental Pick
BBL แนะนำซื้อปิด 186.50 บาท ราคาพื้นฐาน 228 บาท
      • แม้ว่าสินเชื่อเดือนเม.ย.57 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และ BBL จะทรงตัว ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจซบเซาและปัญหาการเมืองกดดัน รวมถึงเดือนเม.ย.มีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ด้วย แต่เมื่อปัญหาการเมืองคลี่คลายลง คาดว่าการลงทุนและการบริโภคก็จะฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าการลงทุนของกลุ่ม Corporate จะฟื้นตัวเร็ว เพราะหลายโครงการรอที่จะเบิกสินเชื่อเพื่อการลงทุนอยู่แล้ว เพียงแต่รอให้การเมืองชัดเจนก่อน ดังนั้นจึงคาดว่า BBL จะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการลงทุนซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นใน 2H57 เนื่องจากมีสัดส่วนของสินเชื่อ Corporate สูง

    • BBL เป็นธนาคารที่มีความมั่นคงสูง งบดุลแข็งแกร่งมาก มีสำรองค่าเผื่อฯ สะสมต่อ NPL ราว2 เท่า นอกจากนั้น Valuation ยังจูงใจ โดยซื้อขายที่ P/E และ P/BV ปี 57 ต่ำที่ 9 เท่า และ 1.1เท่า ขณะที่เฉลี่ยของอุตสาหกรรมเท่ากับ 10.5 เท่า และ 1.5 เท่า ตามลำดับ ราคาหุ้นที่ลดลงจากระดับสูงสุดของรอบนี้มาแล้วกว่า 2% สะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมาก ขณะที่คาดว่าแนวโน้ม2H57 จะกระเตื้องขึ้น จึงแนะนำซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน 228 บาท

 

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
    • ยูโรโซน : ECB เตือนนักลงทุนระวังความเสี่ยงจากเก็งกำไร...ยูโรโซนยังมีความเสี่ยงจากหนี้สินสาธารณะของประเทศสมาชิกที่สูงเป็นประวัติการณ์
     • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนนักลงทุนใช้ความระวังความเสี่ยงในการเก็งกำไรที่อาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ด้านราคา หลังตลาดการเงินโหนกระแสการทำกำไรในระยะสั้น วิกฤตการเงินและความวิตกเกี่ยวกับการล่มสลายของยูโรโซนได้จางหายไป รัฐบาลของหลายประเทศที่เคยประสบปัญหาหนี้สาธารณะนับตั้งแต่อิตาลีไปจนถึงไอร์แลนด์ต่างก็สามารถหาแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลง ตลาดหุ้นยุโรปได้ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยตลาดหุ้นเยอรมนีได้พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแม้แต่รัฐบาลกรีซซึ่งเคยผิดนัดชำระหนี้เป็นจำนวนมหาศาลเมื่อ 2 ปีก่อน ก็เริ่มกู้เงินจากนักลงทุนได้อีกครั้ง แต่ ECB ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของภาครัฐบาล ซึ่งอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในทั้ง 18 ประเทศสมาชิกของยูโรโซน

• สหรัฐ : รายได้ภาคธนาคาร 1Q57 ลดลง7.6%YoY
      • บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เผยภาคธนาคารของสหรัฐมีรายได้ลดลง 7.6%YoY มาที่ 3.72 หมื่นล้านดอลลาร์ใน 1Q57 เป็นผลจากการหดตัวของรายได้จากการอนุมัติสินเชื่อจำนองและรายได้จากการการลงทุน & ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อ สาเหตุหลัก คือ การปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเหนี่ยวรั้งการทำรีไฟแนนซ์สินเชื่อจำนองของผู้บริโภค
      • ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลงจากแรงขายทำกำไรหลังดัชนี S&P 500 ทำ Record High ในวันก่อนหน้า...จับตาประมาณการ GDP 1Q57ครั้งที่ 2 ของสหรัฐ
      • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,633.18 จุด ลดลง 42.32 จุด หรือ -0.25% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,225.07 จุด ลดลง 12.00 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,909.78 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.11% ทั้งนี้ นักลงทุนขายทำกำไรหลังดัชนี S&P ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขานรับข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
      • ปัจจัยที่จับตา คือ การเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำ 1Q57 (ประมาณการครั้งแรกระบุว่า GDP ไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.1% ต่ำสุดนับตั้งแต่ 4Q55 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ)

- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง ... มีข่าวว่าลิเบียเริ่มส่งออกน้ำมัน
      - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.72 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 21 เซนต์ ปิดที่ 109.81ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ในยูเครนคลี่คลายลง และมีข่าวว่าลิเบียเริ่มส่งออกน้ำมันจากท่าเรือบางแห่งตั้งแต่เม.ย.57 (ก่อนหน้านี้ถูกกลุ่มกบฎยึดท่าเรือ)

- สัญญาทองคำร่วงลงต่อ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 6.2ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1259.3 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาความขัดแย้งในยูเครนคลี่คลายลงเมื่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับประธานาธิบดียูเครนที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายเปโตร โปโรเชนโก ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนด้วยคะแนนเสียง 55%

 

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
    - ส่งออกเดือนเม.ย.57 ลดลง 0.87%YoY แย่กว่าคาด และ 4M57 หดตัว 0.97%YoY...เลือกซื้อลงทุน หุ้นเด่น คือ DELTA และGFPT
     - มูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.57 ต่ำสุดรอบ 2 ปีและแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยอยู่ที่ 17,249ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.87% และ 4M57 มูลค่าส่งออกหดตัว 0.97%YoY เป็น 73,460 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้มูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.57 ถูกกดดันจากการลดลงของการส่งออกสินค้าเกษตร & อุตสาหกรรมเกษตร (โดยหลักเป็นอาหารทะเลแช่แข็ง กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ยางพาราและน้ำตาล) ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิ่งทอเครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก

     • ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราประเมินว่าการส่งออกใน 2Q57 จะยังไม่กระเตื้องมากนัก เนื่องจากการส่งออกของหลายอุตสาหกรรมยังผันผวนหรือซบเซา โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป ส่วนหนึ่งมาจากตลาดโลกที่ยังเติบโตไม่มาก& โครงสร้างการบริโภคไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งอุปทานที่สูงขณะที่อุปสงค์เติบโตไม่มาก

      อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรแปรรูปบางรายการเติบโตได้แข็งแกร่ง เช่น ไก่ส่งออก เนื่องจากไทยสามารถส่งออกไก่แช่แข็งไปญีปุ่นได้แล้วและเริ่มส่งออกตั้งแต่ 1Q57 โดยคาดว่าปริมาณส่งออกไก่ของไทยในปีนี้จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.1-6.3 แสนตัน เติบโต 15-19%YoY ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวได้ดีกว่า เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่น ผู้ผลิตและผู้บริโภคนำอิเลคทรอนิกส์เข้าไปติดตั้งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นทั้งในครัวเรือนและรถยนต์ ทำให้ฐานของลูกค้ากว้างขวางมากขึ้น เป็นต้น หุ้นในกลุ่มส่งออกที่เราชอบ คือ DELTA (แนะนำซื้อ), KCE (แนะนำซื้ออ่อนตัว), GFPT (แนะนำซื้อ)

     + เร่งกระตุ้นการลงทุน – กรอ.หาแนวทางลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตโรงงาน & เร่งตั้งบอร์ด BOI & ช่วยเหลือ Micro SME
      • กรอ.เร่งหาแนวทางลดขั้นตอนออกใบอนุญาตโรงงานจาก 90 วันเหลือ 30 วัน พร้อมดึงบุคคลที่ 3 เป็นคนกลางเข้ามาตรวจสอบเอกสารและเดินเรื่องแทนคาดเลือกได้วันที่ 15 มิ.ย.นี้
• เร่งตั้งบอร์ด BOI หวังไฟเขียวโครงการลงทุนค้างท่อกว่า 700 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงิน 7.5แสนล้านบาท
• บยส.ชงมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ Micro SME และ OTOP เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 7 หมื่นรายใน 2H57 โดยมียอดค้ำประกัน 7 หมื่นล้านบาท โดยเสนอของบอุดหนุนค่าธรรมเนียมปีแรกเพื่อลดภาระ SME กว่า 3.7 พันล้านบาท

    + กลุ่มค้าปลีก : รับทำเคมเปญส่งเสริมการขาย หลังกำลังซื้อมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น...เลือกซื้อ หุ้นกำไรโตเด่นปีนี้ & P/E หรือPEG ต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม คือ CPALL และMC
      + กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกต่างๆ เช่น BIGC, LOTUS, CPALL, HMPRO, GLOBAL, MCฯลฯ ต่างเร่งเข็นเคมเปญส่งเสริมการตลาดออกมา หลังคสช.มีนโยบายเร่งจ่ายเงินให้กับชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว, เร่งการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ, จัดทำงบประมาณปี 58 ให้ทันตามกำหนดใช้ และให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหาและออกมาตรการกระตุ้น รวมทั้งการปรับเวลาเคอร์ฟิวใหม่เป็น 0.01-04.00 น. ซึ่งส่วนนี้ทำให้มีความหวังว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกำลังซื้อประชาชนจะดีขึ้นในระยะต่อไป

      • ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : สำหรับหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSVคาดการณ์ว่าจะมี EPS Growth ปี 57 เติบโตเป็นเลขสองหลัก และ P/E หรือ PEG ต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม ประกอบด้วย CPALL (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 48 บาท) และ MC (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 20.36 บาท) ซึ่งการเติบโตโดยหลักมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น, การปรับ ProductMixed ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และการควบคุมค่าใช้จ่ายในดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ – ดูข้อมูลเพิ่มเติมในตารางด้านล่าง

Price T arget % EPS EPS P/E P/BV Div idend ROE
(Bt ) Price Upside Rcmd (Bt ) Gwth (x) (x) Yield(%) (%)
(Bt ) 14F 14F 14F 14F 14F 14F
BIGC 184.50 215.00 17% Buy 8.96 5.9 20.6 3.6 1.5 18.6
CPALL 45.00 48.00 7% Buy 1.58 35.0 28.5 11.6 2.5 44.6
HMPRO 9.10 9.50 4% Hold 0.37 15.6 24.6 5.8 1.2 25.2
GLOBAL 13.60 15.10 11% Buy 0.33 -4.0 41.2 3.5 0.7 9.3
MC 18.30 20.36 11% Buy 1.02 10.9 17.9 3.6 3.3 21.3 Source : DBS Vickers
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!