WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือเหนือ 1460'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      • ภาพตลาดวันก่อน : SET Index เมื่อวานนี้แกว่งในกรอบ 1468-1477 จุด ปิดตลาดทรงตัวที่ 1471.02 มูลค่าซื้อขายประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาทแม้ว่าจะมีแรงขายในกลุ่มสื่อสารเพราะข่าวการเลื่อนเปิดประมูล 4G และการแจกคูปองทีวีดิจิตอลออกไปก่อน แต่ก็มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มอื่นๆ เข้ามาช่วยพยุงตลาดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพลังงาน คือ TOP และ IRPC นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิ รายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.ซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน


• ปัจจัยและกลยุทธ์ : การที่ดัชนีปรับขึ้นทำ New High ในรอบ 7 เดือนกว่า และสะท้อนความหวังเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปแล้วพอสมควร ทำให้การลงทุนใหม่ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ลักษณะของการลงทุนใหม่เปลี่ยนไปจากการทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี เป็นการซื้อขายตามรอบมากขึ้นมีการ Switch เปลี่ยนกลุ่มไปมา & เจาะหาหุ้นขนาดเล็กที่มี Story หรือแนวโน้มกำไรดีเพิ่มขึ้น ซึ่งในสภาวะแบบนี้ ถ้าไม่มีข่าวดีใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามาหนุน ตลาดก็มีสิทธิเข้าสู่โหมด Sideway หรือพักฐาน สำหรับระยะสั้นมากปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น คือ การประชุมบอร์ด BOI นัดแรกวันนี้ (18 มิ.ย.) เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการค้างท่อ ซึ่งคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีการอนุมัติโครงการได้ราว 1 แสนล้านบาท และในวันที่ 19 มิ.ย.กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งแนวโน้มการลงทุนที่ดีขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มนิคมฯ, รับเหมา, วัสดุก่อสร้าง และธนาคารพาณิชย์ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CK ปัจจัยที่จับตา คือ ผลประชุมกนง. (คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่2%), ผลประชุม FOMC (คาดลด QE3 อีก 1 หมื่นล้านUS$) และสถานการณ์ในอิรัก กลยุทธ์การลงทุน : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก มีหุ้นอยู่แล้วให้ถือต่อถ้า SET ยังยืนเหนือ 1460 จุดได้ แนวต้านระยะสั้น 1480, 1500 จุด

 

Fundamental Pick
CK แนะนำซื้อปิด 22.30 บาท ราคาพื้นฐาน 25 บาท**(SAA Consensus ที่ Update เดือนมิ.ย.57)
      • แนวโน้มธุรกิจสดใส เนื่องจากมีงานก่อสร้างในมือสูงกว่า 1 แสนล้านบาท และการลงนามในสัญญาก่อสร้างใหม่ๆที่จะลงนามเพิ่มใน 2H57 อีก 2.2 หมื่นล้านบาท (โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางปะอิน มูลค่า 5 พันล้านบาทใน 3Q57 และโครงการพลังงานน้ำ น้ำบากในสปป.ลาว มูลค่า 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทใน 4Q57 ส่วนนี้เป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สัญญาเงินกู้ และสัญญาสัมปทานอายุ 30 ปีในคราวเดียวกัน) ส่วนการเปิดประมูลงานใหม่ๆของภาครัฐและภาคเอกชนในระยะต่อไปเป็นโอกาสของบริษัท ซึ่งทาง CK ประเมินว่าน่าจะได้งานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างขั้นพื้นฐานเร่งด่วนเข้ามาไม่น้อยกว่า 3-4 หมื่นล้านบาทจากมูลค่ารวมของโครงการทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท รวมทั้งบริษัทเองได้ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ทำกำไรได้มากขึ้น (ในไตรมาส 1/57 มีอัตรากำไรขั้นต้นเป็นเลขสองหลักที่ 11.4%) แนะนำซื้อลงทุนระยะยาว

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
    •/- สหรัฐ : อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ส่วนตัวเลขภาคก่อสร้างเดือนพ.ค.ลดลง
    •/- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4%MoM ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตรารวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.56 และเมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 2.1%YoY เป็นอัตราที่มากสุดนับตั้งแต่ต.ค.55 สำหรับดัชนี CPI พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.3%MoM มากสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.54โดยราคาที่อยู่อาศัย รถยนต์ ตั๋วเครื่องบิน บริการทางการแพทย์ และยาตามใบสั่งแพทย์ปรับตัวสูงขึ้น ดัชนีเมื่อเทียบปีก่อนสูงขึ้น 2.0%YoY มากที่สุดนับตั้งแต่ก.พ.56 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นแรงอาจส่งผลกับกรอบระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค.56 ลดลง 6.5% มาอยู่ที่ 1 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาดการณ์ที่1.02 ล้านยูนิต เนื่องจากการสร้างบ้านเดี่ยวและอาคารพักอาศัยรวมลดลง ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 6.4% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 991,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยหลักๆมาจากโครงการก่อสร้างอาคารที่พักแบบรวมหรืออาคารชุด เช่น คอนโดและอพาร์ทเมนท์ ที่ร่วงลง

• อิรัก : รัฐบาลกำลังพยายามเอาดินแดนที่ถูก ISIL ยึดครองกลับคืนมา
• นายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลีกี ของอิรักกำลังพยายามหาทางยึดดินแดนที่ถูกกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและเลอแวนท์ (ISIL) ยึดครองไปกลับคืนมา ขณะที่กองกำลังชาวเคิร์ดได้เคลื่อนกำลังพลออกนอกเขตปกครองตนเองทางตอนเหนือของประเทศ และกำลังช่วยกันปกป้องเมืองเคอร์คุก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันใหญ่อันดับ 4 ของอิรักจากกลุ่มติดอาวุธ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นต่อ
+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,808.49 จุด เพิ่มขึ้น 27.48 จุด หรือ +0.16% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,337.23 จุด เพิ่มขึ้น 16.12 จุด หรือ +0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,941.99จุด เพิ่มขึ้น 4.21 จุด หรือ +0.22% ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าคณะกรรมการ FOMC จะลดQE3 ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเกี่ยวกับภาวะและทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจบ่งชี้เรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งตัว รอดูสถานการณ์ในอิรัก
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 54 เซนต์ ปิดที่ 106.36 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 113.45 ดอลลาร์/บาร์เรล นักวิเคราะห์มองว่าราคาน้ำมันดิบได้ซึมซับปัจจัยเกี่ยวกับสถานการณ์อิรักไปแล้ว และราคาอาจกำลังพุ่งขึ้นสูงเกินไป จึงมีการขายทำกำไรออกมา

- สัญญาทองคำ COMEX อ่อนลงจากแรงขายทำกำไร
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.3ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,272 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหลักเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากราคาได้ปรับขึ้นมารับข่าวเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำและเรื่องอิรักไปแล้ว ปัจจัยที่จับตา คือ ผลประชุมเฟดวันที่ 17-18 มิ.ย.นี้

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
    + วันนี้ (18 มิ.ย.) นัดประชุมบอร์ด BOI นัดแรกเพื่อตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการค้างท่อให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
      + วันนี้ (18 มิ.ย.57) จะมีการประชุมบอร์ด BOI นัดแรก โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคสช. เป็นประธานบอร์ด BOI คาดว่าจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการลงทุนที่มีขนาดการลงทุน 200-750 ล้านบาท/โครงการ และกลั่นกรองโครงการที่มีมูลค่าลงทุนเกิน 750 ล้านบาท/โครงการ เพื่อเสนอบอร์ด BOI พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการเร่งพิจารณาอนุมัติโครงการที่ยื่นขอมาก่อนหน้านี้ โดยโครงการที่ประเมินว่าจะได้รับการอนุมัติมีมูลค่าลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท

     • ความเห็น Retail Research : แนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่มีทิศทางชัดเจนขึ้นเป็นปัจจัยที่ช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ แม้ว่าจะยังไม่กลับมาได้ทั้งหมด แต่ก็ดีขึ้นกว่าในช่วง5-6 เดือนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อมีการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ก็จะช่วยกระตุ้นให้ภาคลงทุนในประเทศดีขึ้นต่อ ซึ่งการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดี เป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง และธนาคารพาณิชย์

 

     ทั้งนี้ราคาหุ้นในกลุ่มที่ได้อานิสงค์ทางบวกจากการฟื้นตัวของภาคลงทุนดังกล่าวข้างต้นได้ปรับขึ้นรับความหวังในทางบวกไปบ้างแล้ว ดังนั้นการเข้าลงทุนใหม่จึงต้องหาจังหวะและใช้ความระมัดระวังมากขึ้น สำหรับหุ้นเด่นในต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นดังนี้
     # กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : ให้ ROJNA เป็น Top pick จากการที่มี Backlog รอรับรู้รายได้สูงถึง 3.1 พันไร่ และรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาเต็มที่ในปีนี้ รองลงมาเป็น HEMRAJ และAMATA
     # กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ในระยะสั้นมากเห็นว่าราคาหุ้น CK ยัง Laggard จากกลุ่มผู้รับเหมาขนาดใหญ่ด้วยกัน (STEC, ITD) ปัจจุบันบริษัทมี Backlog สูงถึง 1.04 แสนล้านบาท และมีงานรอเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 2 โครงการใน 3Q57-4Q57 คือ โรงไฟฟ้าบางปะอิน 5พันล้านบาทและโครงการพลังงานน้ำ น้ำบากในสปป.ลาว 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแรก รองลงมาเป็น STEC
    # กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : เราชอบ SCC เนื่องจากมีการกระจายรายได้ที่ดี โดยมีทั้งซีเมนต์ &วัสดุก่อสร้าง และปิโตรเคมี ทำให้เติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว ส่วนในระยะสั้น-กลางคาดว่าธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น หลังการค้าการลงทุนฟื้นตัว รองลงมาเป็น SCCC และ TASCO
     # กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : เห็นว่าหุ้น BBL ยัง Laggard กลุ่มแบงค์ใหญ่อยู่มาก และเป็นธนาคารที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวมาก เนื่องจากมีฐานลูกค้าCorporate ที่ใหญ่ ด้าน Valuation ก็จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/BV ปี 2557 ต่ำเพียง 1.1 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.7 เท่า รองลงมาเป็น KBANK และ KTB

+ คมนาคมจะเสนอแผนลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐาน 2.4 ล้านลบ. 19 มิ.ย.นี้…เป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง และแบงค์ใหญ่
• กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานต่อทีมเศรษฐกิจคสช.วันที่ 19มิ.ย.นี้ ซึ่งในเบื้องต้นมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ระยะเวลาลงทุน 8 ปี (ตัดโครงการรถไฟความเร็วสูงออกไปก่อน) สำหรับเงินลงทุนจะมาจาก 1.งบประมาณรายจ่ายประจำปี, 2.เงินกู้ โดยสบน.เป็นผู้จัดหา และ 3.การให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีจะถูกนำมาใช้ในขั้นตอนแรกของโครงการ เช่น การจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ การเวนคืนที่ดิน หรือ การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนเงินกู้ จะถูกนำมาใช้สำหรับขั้นตอนของการลงทุนก่อสร้างทั้งหมด
• ความเห็น Retail Research : คาดว่าความคืบหน้าของแผนลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานจะกระตุ้นให้มีการเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น SCC, SCCC, TASCO) อีกรอบ ส่วนธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะได้รับผลดีจากการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ก็น่าสนใจลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยธนาคารขนาดใหญ่ จะได้รับผลดีในเรื่องนี้มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก (หุ้นเด่น คือ BBL, KBANK, KTB)

 

• คสช.ให้กสทช.ชะลอ 4 โครงการไปก่อน(ซึ่งรวมถึงเปิดประมูล 4G และแจกคูปองทีวีดิจิตอล) ... ผู้ประกอบการเห็นว่าถ้าเลื่อนไปไม่เกิน 5-6 เดือนก็ไม่กระทบ
• คสช.สั่งให้กสทช.ชะลอ 4 โครงการ คือ 1) โครงการประมูลใบอนุญาต 4G บนคลื่น 1800เมกะเฮิรตซ์ 2 ใบอนุญาต มูลค่า 2.32 หมื่นล้านบาท, 2) โครงการประมูลใบอนุญาต บนคลื่น900 เมกะเฮิรตซ์ 2 ใบอนุญาต มูลค่า 1.97 หมื่นล้านบาท, 3) โครงการแจกคูปองทีวีดิจิตอล 25ล้านครัวเรือน มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท, 4) โครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการเท่ากับ 8.79 หมื่นล้านบาท

 

• ADVANC & DTAC ประเมินว่าการชะลอโครงการประมูลใบอนุญาต 4G ดังกล่าวข้างต้นจะไม่กระทบมากนักถ้าไม่นานเกิน 5-6 เดือน เนื่องจากบริษัทคลื่นความถี่ที่ใช้อยู่ยังเพียงพอที่จะรองรับบริการลูกค้า แต่ถ้านานกว่านั้นผู้บริโภคก็อาจจะถูกกระทบ
• สำหรับการแจงคูปองทีวีดิจิตอล ต้องติดตามดูว่าถ้าจะแจกจะเป็นมูลค่าเท่าไร หรือทางกสทช.จะซื้อ Set top box มาแจกให้กับภาคครัวเรือนเอง ซึ่งบริษัทในตลาดที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายSet top box คือ SAMART และอีกหลายบริษัทนอกตลาดฯ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเลื่อนแจกคูปองกจะกระทบผลดำเนินงานบริษัทไม่มาก เนื่องจากเป็นสัดส่วนรายได้ที่น้อย ขณะเดียวกันยอดขาย Set top box ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ เพราะจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มสื่อสารพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วปริมาณการใช้ Set top box ต่อครัวเรือนของไทยจะอยู่ที่ 1.8-2.0 เครื่องต่อครัวเรือน

 

• วันนี้ (18 มิ.ย.) ประชุมกนง. คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00%
• วันนี้ (18 มิ.ย.57) คณะกรรมการนโยบายการเงินมีประชุม คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย R/P 1 วันไว้ที่ 2.00% ก่อน เนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบันยังเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
• คาดว่าธปท.จะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยใน 2H57 ดีขึ้น หลังจากคสช.เร่งดำเนินโครงการเร่งด่วนหลายโครงการ เช่น การจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว, อนุมัติงบประมาณของปี 2557ช่วยเหลือชาวสวนยาง 6.6 พันล้านบาทและจ่ายชดเชยให้เกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ 5.4พันล้านบาท, ให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องทางการเงินกับ SME ขนาดเล็ก, การเร่งทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558, การแต่งตั้งบอร์ดบีโอไอเพื่อพิจารณาโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนที่คงค้างอยู่, การพิจารณาแผนลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!