WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

คาด SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวนและย้อนลบ ดังนั้นรอทยอยซื้อลบได้!!
      กลยุทธ์ : ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แม้ว่า SET จะบวกไต่ระดับขึ้นมาได้ดี แต่ก็มีแรงขายกดดันให้แกว่งผันผวนในระหว่างวันบ่อยครั้งมากขึ้นด้วย ทำให้ระยะสั้น FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสปรับพักฐานลงหาแนวรับทางเทคนิคก่อนได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มจึงแนะนำให้รอซื้อช่วงลบดีกว่า อย่างไรก็ตามหลังการปรับพักฐานแล้ว เรายังคาดหมายว่าตลาดจะสามารถแกว่งไต่ระดับขึ้นถึง 1500-1520 จุดได้ในที่สุด ส่วนถือลงทุนจึงยังแนะนำถือต่อเนื่องไว้ก่อน


หุ้นเด่นทางเทคนิค : TSR, SPVI, THCOM(buy back)
      แนวโน้ม : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะเดิมๆ คือขยับบวกขึ้นก่อนในช่วงเปิดทำการ แต่หลังจากนั้นตลอดทั้งวันก็เป็นเพียงการแกว่งตัวบวกแคบๆ ในกรอบจำกัด แสดงถึงแรงขายทำกำไรที่ยังกดดันตลาดอยู่พอควร ดังนั้นแม้ว่าเช้านี้บรรยากาศการลงทุนยังสดใส เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด แต่ดัชนีดาวโจนส์ที่บวกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดเป็นบวกไม่มากนักและมีบางแห่งเริ่มย้อนลบด้วย น่าจะทำให้ SET ยังมีลักษณะแกว่งผันผวนและอาจจะมีจังหวะปรับย้อนลงไปเคลื่อนไหวด้านลบได้เช่นกัน โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนคงต้องการรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันนี้อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในคืนวันศุกร์เนื่องในวัน Independence day ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวน่าจะเหมาะสมกว่า
แนวรับ 1487-1485 , 1482-1478 จุด แนวต้าน 1493-1495 , 1498-1502 จุด
     Fund Flow วานนี้เม็ดเงินยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในทุกตลาดในปริมาณที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$306 ล้าน ไต้หวัน US$298.5 ล้าน อินโดนีเซีย US$23.1 ล้าน ไทย US$19.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$9.2 ล้าน และเวียดนาม US$0.5 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ

 

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) คสช.ให้คงอัตราภาษี VAT ที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปีถึงวันที่ 30 ก.ย. 2558 จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย. นี้ รวมทั้งคงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คิดเป็น 7 ขั้น และภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% ออกไปอีก 1 ปี เป็นบวกต่อการบริโภค ลดภาระค่าครองชีพ และช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยไม่กระทบต่อเป้าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
  (+) ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารกำลังจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q14 จากสินเชื่อที่เราคาดว่าน่าจะทรงตัว Q-Q และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยน่าจะชะลอตามการทำธุรกรรมที่ซบเซา แต่ผลการดำเนินงานของกลุ่มแบงก์กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q14 และเริ่มฟื้นตัวใน 2H14 โดย SCB น่าจะมีกำไรสุทธิดีที่สุดในกลุ่มและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q14 จากกำไรขายเงินลงทุนใน SCSMG ทำให้กำไรสุทธิของ SCB +14% Q-Q, +19% Y-Y เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 228 บาท คงคำแนะนำซื้อ ในระยะสั้น SCB ดูน่าสนใจกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มเพราะนอกจากกำไรที่โดดเด่นแล้ว ราคาหุ้น laggard กว่ากลุ่มและสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติลดลงเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา
   (+) กำไรกลุ่มธนาคารเช่าซื้อจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q14 แต่ฟื้นช้ากว่าแบงก์ใหญ่ เราคาดกำไรสุทธิ 2Q14 ของธนาคารในกลุ่มเช่าซื้อ (TISCO, TCAP, KKP) ฟื้นตัว 10% Q-Q เพราะการตั้งสำรองลดลง แต่ยังลดลง 12% Y-Y (ไม่รวมกำไรจากเงินลงทุนใน T-Life ของ TCAP) แต่แนวโน้มสินเชื่อจะค่อยๆฟื้นใน 2H14 ตามยอดขายรถยนต์ ซึ่งจะทำให้คุณภาพหนี้ดีขึ้น เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 และแนะนำซื้อทั้ง TISCO (ราคาเป้าหมาย 57 บาท), TCAP (เป้าหมาย 49 บาท), KKP (เป้าหมาย 51บาท) เพราะ 2015 PE เฉลี่ย 7.7 เท่าและ 2015 PBV 1.0 เท่า ถูกกว่าแบงก์ใหญ่ที่มี 2015 PE 10.4 เท่าและ 2015 PBV 1.4 เท่า Top pick คือ TISCO เพราะราคา laggard และ Dividend yield สูง
  (+) SAMART จะซื้อหุ้น SIM คืนจาก Axiata (เดิมคือ Telekom Malaysia - เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 รองจาก SAMART) ทั้งหมด 1,053 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 2.73 บาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ส.ค. โดยจะทำผ่านตลาดฯ แม้ว่าราคาที่ซื้อขายจะต่ำกว่าราคาตลาดของ SIM ซึ่งอาจเป็น sentiment เชิงลบกับ SIM แต่ไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เรายังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 3.78 บาท ส่วน SAMART จะถือ SIM เพิ่มเป็น 74.11% ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 4% ต่อปี ส่วนราคาเป้าหมายปีนี้ของ SAMART จะเพิ่มขึ้น 0.18 บาทจาก 25.50 บาทเพราะคิดบนฐาน 5 เดือน SAMART น่าสนใจกว่าเพราะ PE ต่ำกว่า (12 เท่า vs SIM 14 เท่า) และมี Dividend yield สูงกว่า (4.5% vs SIM 3.8%)
   IPO ล่าสุด PDG ‘บมจ.พรอดดิจิ’ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติก PET ที่มีประสบการณ์นานกว่า 22 ปี สามารถผลิตขวดขนาดตั้งแต่ 60 มิลลิลิตร ถึง 6,000 มิลลิลิตร ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 50 ล้านขวดต่อเดือน และจะขยายเป็น 60 ล้านขวดต่อเดือนซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2015 บริษัทมีลูกค้ารายใหญ่คือน้ำมันพืชตราองุ่น (TVO) และน้ำมันพืชตราคิง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วย จึงมีความมั่นคงในแง่ของตลาด แม้ว่าตลาดขวด PET จะแข่งขันสูงแต่ตลาดยังเติบโตได้อีกมาก เราคาดกำไรสุทธิปี 2014 โต 14% Y-Y อิง PE ของกลุ่มที่ 13 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ PDG)

  ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนยังขยับเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยและยังทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องก่อนหน้าการประกาศตัวเลขการจ้างงานและอัตราว่างงานในคืนวันนี้ซึ่งหากออกมาดีจะเป็นตัวบ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
  ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องเช่นกัน โดยตลาดจับตาดู ECB เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสำคัญของสหรัฐ
   ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยของ ECB
   ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกทางข้างหลังจากแข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนหน้า โดยล่าสุดแกว่งอยู่ในกรอบ 32.31-32.43 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.86 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 104.48 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนคลายความกังวลมากขึ้นในเรื่องของ Supply หลังท่าขนส่งน้ำมันของลิเบียสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
  ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้น 4.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,330.90 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐรวมถึงอัตราดอกเบี้ยของ ECB ที่จะประกาศในวันนี้

Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!