WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวา+นนี้พักฐานตามคาด ปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ 4.70 จุด มาอยู่ที่ 1,524.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,401 ล้านบาท
     ด้านเงินทุนต่างชาติชะลอต่อเนื่อง แม้คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,592 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 13 มากถึง 10,824 ล้านบาท แต่กลับคงการ Short สุทธิใน SET50 IndexFutures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,026 สัญญา สะท้อนภาพหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย เริ่มมี upside gain ที่จำกัด ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ ทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 IndexFutures ต่อเนื่อง
      สำหรับทิศทาง SET INDEX วันนี้ MBKET ยังคงให้ภาพในลักษณะของการพักฐานอีกวัน กรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,520-1,530 จุด หุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร เข้าสู่โหมดการพักฐาน เพื่อรอดูผลการดำเนินงาน 2Q57 ที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้ง กองทุนภายในประเทศ เริ่มทยอยขายทำกำไร เพื่อ Lock-in Profit ในรอบนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการทยอยปิดกองทุนของ Trigger Funds ที่ใกล้แตะระดับเป้าหมาย
      ขณะที่การเข้าให้ข้อมูลต่อวุฒิสภาของประธานเฟด Yellen คืนวานนี้ พบว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นการจ้างงาน และเงินเฟ้อ ขณะที่ ณ ปัจจุบันยังไม่เห็นภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น, ตลาดตราสารหนี้ และ ตลาดอสังหาฯ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เน้น “Swing Trade” ในกรอบ 1,520-1,530 จุด โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง / หุ้น Laggard เป็นหลัก หุ้นหลัก ทยอยขายทำกำไร เมื่อราคาฟื้นตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” TRUEIF/ “ซื้อเก็งกำไร” KCE

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Accumulative Buy: TRUEIF
Speculative Buy: KCE

Technical View
แนวรับ 1515-1520 จุด แนวต้าน 1535 +/- จุด แกว่งตัวทดสอบเส้นเฉลี่ยระยะสั้น เพื่อไต่ระดับขึ้นต่อ

Action and Stock of the Day
SET INDEX พักฐานตามคาด แต่ยังไม่หลุด 1,520 จุด

ตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มปรับฐานลง แม้บรรยายกาศรอบเอเชียจะเป็นบวกก็ตาม
เป็นการปรับฐานช่วงสั้น เพื่อขึ้นต่อ คงเป้าหมาย 1,550 จุด เช่นเดิม

กลยุทธ์ ขายทำกำไรบางส่วน บริเวณ 1,530 จุด เพื่อรอซื้อกลับบริเวณ 1,520 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลัง DJIA ปิดทะลุ 17,000 จุดในคืนวันก่อนหน้า ขณะที่ปัจจัยในเอเชียไม่โดดเด่น
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,530-1,535 จุด แต่เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL / SCB / KBANK รวมถึง PTT / ADVANC แม้ว่าจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางเข้ามาบ้าง แต่กดดันให้ SET INDEX ปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ 4.70 จุด มาอยู่ที่ 1,524.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,401 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่ม Professional +2.67%, กลุ่มกระดาษ +1.80% และกลุ่มไฟแนนซ์ +1.33% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.73, กลุ่มพลังงาน -0.20% และกลุ่ม ICT -0.75%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก – ลบ สลับกัน เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน แม้ว่าค่าเงินเยนจะอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ตาม
MBKET ปรับลดมุมมอการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 2 พร้อมกับประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ในวันนี้ระหว่าง 1,520-1,530 จุด คล้ายกับวันก่อนหน้า เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นในช่วงสั้น ขณะที่ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ขึ้นมารอผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปมากแล้ว ทำให้ upside gain จากราคาเหมาะสม เริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ประเด็นที่ยังคงกดดัน Upside gain ของ SET INDEX ช่วงสั้นในมุมมองของ MBKET ได้แก่
•เป็นที่น่าสนใจว่า นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างต่อเนื่อง วานนี้ยังคง Short สุทธิเร่งขึ้นเป็น 2,026 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 3,628 สัญญา แม้ว่าจะคงการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง อาจเป็นการเลือกลงทุนรายตัว มากกว่า เน้นภาพของ SET50 Index
•กองทุน Trigger Funds จำนวน 3 กองทุน NAV รวม 1,214 ล้านบาท เริ่มเข้าใกล้ระดับ trigger มากขึ้น ขาดเพียง 1-4% ของผลตอบแทน หาก SET INDEX ขยับขึ้นอาจทำให้เกิดแรงขายเพื่อปิดกองทุน
•ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ ขยับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ราคา ณ ปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2557 เหลือจำกัดมากยิ่งขึ้น
แต่ Downside risk ของ SET INDEX ยังจำกัด เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่ส่งสัญญาณเชิงลบที่มีน้ำหนักมากเพียงพอต่อการกดดัน SET INDEX ทั้งนี้ MBKET ประเมินแนวรับบริเวณ 1,515-1,520 จุด ยังจะสามารถทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมคงเป้าหมาย SET INDEX รอบนี้ที่ 1,550 จุด เช่นเดิม
ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศ เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนอต่อหัวหน้า คสช. เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำกัด Downside Risk ของ SET INDEX เช่นกัน ซึ่งปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่
•รายละเอียดของงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท เท่ากับงบประมาณปี 2557 และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท
•ความชัดเจนของร่างรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คสช. ก่อนนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในลำดับต่อไป
•นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐบาลชั่วคราว ที่จะขึ้นมารับตำแหน่งบริหารประเทศ ในระยะที่ 2 ของแผนที่ คสช.กำหนด road map 3 ระยะ หัวหน้าคสช.ยืนยัน เดือนก.ย.จะเห็นภาพชัดเจน
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้นภาวะการลงทุนในช่วงสั้นนี้ MBKET คาดว่า SET INDEX กลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐานย่อ ระหว่าง 1,515/1,520 – 1,530/1,535 จุด แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังทยอยสะสมหุ้นไทย แต่สถาบันภายในประเทศ มีแนวโน้มจะทยอยขายทำกำไรเพื่อ Lock-in Profit ในรอบนี้ อีกทั้ภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุนในช่วงสั้นนี้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ MBKET แนะนำให้ใช้ “Swing Trade” อยู่ในกรอบที่กำหนด โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง หรือ หุ้น Laggard ทีผลการดำเนินงานใน 2Q57 เติบโตโดดเด่น qoq และ/หรือ yoy เป็นประเด็นเก็งกำไร

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง รธน. ฉบับชั่วคราว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตลาดคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
•รายละเอียดงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น
•แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เฟส 2-3 ซึ่งเป็น Roadmap ขนาดใหญ่
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดกรอบเบื้องต้นจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.
2.ความเห็นประธานเฟด ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป: นาง Yellen เข้าชี้แจงต่อวุฒิสภา รอบกลางปี โดยยังคงส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ด้านภาวะการลงทุน เฟดยังไม่เห็นภาวะฟองสบู่ ในตลาดหุ้น, ตลาดอสังหาฯ และตลาดตราสารหนี้ แต่เริ่มกังวลต่อหุ้นขนาดกลางและเล็ก
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ในส่วนของ Bloomberg consensus คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% กลางปีหน้า แต่นักลงทุนยังมีความจำเป็นติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง หากส่งสัญญาณเติบโตแข็งแกร่ง อาจกลายเป็นเงื่อนไขให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ได้เช่นกัน
3.เช้านี้ติดตาม ตัวเลข GDP ใน 2Q57 ของจีน: รายงานเวลา 9.00 น. ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg consensus คาด 7.4% yoy เท่ากับ 1Q57 หาก
•ออกมาดีกว่าคาด ตลาดหุ้นจีน – ฮ่องกง และเอเชีย จะส่งสัญญาณเชิงบวกในรอบเช้า และต่อเนื่องจนถึงตลาดหุ้นยุโรป และ สหรัฐฯ ในคืนนี้
•แต่หากออกมาต่ำกว่าคาด ตลาดหุ้นในเอเชียเช้าวันนี้ อาจถูกกดดันบางส่วน แต่ไม่มาก เพราะถือว่า ตลาดได้จำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นจีน – ฮ่องกง มาก่อนหน้านี้แล้ว

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 14.99 13.05 15.02 13.09
PSE 19.22 16.65 19.20 16.64
JSE 16.36 13.93 16.16 13.76
KOSPI 10.27 8.94 10.23 8.91
TAIEX 15.58 14.46 15.51 14.38
Straits Time 14.52 13.28 14.52 13.28
SHCOMP 8.21 7.25 8.19 7.23
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TRUEIF : ราคาปิด 10.40 บาท ราคาเหมาะสม 13.70 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวก และให้ TRUEIF เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มเงินปันผล เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากฐานะการเงินที่แกร่งขึ้นของ TRUE ซึ่งเป็นผู้เช่าหลัก โดยคาดว่าหลังเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนจะส่งผลให้ Net DE ของ TRUE ลดลงจาก 10.0 เท่า ใน 1Q57 เหลือเพียง 0.46 เท่า
b)ดังนั้น ความเสี่ยงของ TRUEIF ที่พึ่งพิงรายได้ค่าเช่าจาก TRUE จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าภายหลัง TRUE เสร็จสิ้นการเพิ่มทุน จะส่งผลให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับเพิ่ม Rating ขึ้นสู่ระดับ Investment Grade และเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติพิจารณาเข้าลงทุนใน TRUEIF ได้เพิ่มขึ้น
c)จุดเด่นของ TRUEIF อยู่ที่รายได้มีความมั่นคงสูง เนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะยาวกับ TRUE ล่วงหน้าถึง 14 ปี สำหรับเสาโทรคมนาคม และ 12 ปี สำหรับโครงข่าย Fiber Optic และกองทุนไม่มีวันหมดอายุ เนื่องจากเป็นกองทุนแบบ Freehold คือสินทรัพย์ทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของกองทุน
d)และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 0.88 บาท / หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 8.5% และไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.KCE : ราคาปิด 39.00 บาท ราคาเหมาะสม 47.70 บาท
a)MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 442 ล้านบาท +87% yoy และ +8% qoq จากค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่ลดลง 7% qoq และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นเป็น 31.6% ใน 2Q57 จาก 1Q57 ที่ 31.5% และ 2Q56 ที่ 24.9% จากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 97%
b)ทิศทางกำไร 3Q57 คาดมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อ และคาดว่าการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะอุตสาหกรรมอยู่ในภาวะ Supply ตึงตัว
c)ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557 ขึ้นจากเดิม 16% เป็น 1,808 ล้านบาท หรือเติบโตสูงถึง +65.6% yoy และคาดว่ากำไรปี 2558 จะขยายตัว +10.2% yoy เป็น 1,993 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ และโรงงานใหม่เฟสแรกจะเริ่มผลิตในปีหน้า
d)คาดราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกจากการจัด Analyst Meeting วานนี้ และมีโอกาสที่ Consensus จะปรับเพิ่มมุมมองเชิงบวก และประมาณการกำไรของ KCE ขึ้น
e)ผลจากการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 47.70 บาท จากเดิมที่ 39.70 บาท

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตฯ และผลผลิตภาคการผลิต

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิ US$438 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$16 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 94.3 -61.2 10,846.7 9,188.0
KOSPI 272.6 n.a 4,402.9 4,875.1
JSE 22.4 32.7 4,703.5 -1,806.4
PSE 3.2 1.9 1,065.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.6 -2.1 284.4 263.2
SET INDEX 49.6 12.8 -859.1 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,592 +411
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,026 -1,602
SSF (สัญญา) +1,196 -1,101
Metal Futures (สัญญา) -644 -1,667
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +10,824 +5,420

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เร่งขึ้นเป็น 1,592 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 9,762 ล้านบาท และกดให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเป็น 28,520 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,026 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 3,628 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 12,907 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง แม้ว่า S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.31 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 5.78 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 644 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 2,311 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short สุทธิต่อเนื่อง หลังราคาทองคำในตลาดโลกปรับฐานลงหลุดแนว US$1,320/ounce สู่แนว US$1,300+/-
ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 หนาแน่นถึง 10,824 ล้านบาท รวม 13 วันทำการซื้อสุทธิ 81,931 ล้านบาท โดยยังคงการทยอยสะสมพันธบัตรรัฐบาลไทย ระยะยาว อย่างอายุ 5 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 3.22bps ปิดที่ 3.141% ส่วนอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 2.47bps ปิดที่ 3.712%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 717 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 280 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
SCB 133.67 11.38% 185.03
KTB 79.55 6.91% 22.78
KBANK 62.76 5.78% 214.99
TMB 53.56 2.89% 2.62
PTT 51.11 6.02% 325.15

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 กลับมาสะสมพลังงานเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 อีก 1,265 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 995 ล้านบาท รวม 16 วัน ซื้อสุทธิ 23,510 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงานกลับถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 522 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 124 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 426 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 519 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 175 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 81 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 125 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 122 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 116 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มอาหาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 127 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 105 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 167 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTTEP 313.44 26.78 TRUE -184.08 9.42
AOT 202.46 16.20 CPF -148.59 14.70
BBL 144.79 32.23 LH -54.78 14.21
KBANK 131.60 41.31 HEMRAJ -34.91 12.79
PTTGC 126.60 22.03 CGD -28.99 11.70

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!