WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ช่วงนี้ซื้อลบเพื่อรอขายช่วงดีดกลับได้ แต่ถ้าซื้อจริงยังรอต่ำกว่านี้...
    กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่า SET จะเริ่มพักตัวในกรอบกว้างตามคาด แต่ก็มีโอกาสรีบาวด์สลับให้เห็นได้บ้าง ดังนั้นจึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้งตามรอบได้ในช่วงลบ เพื่อรอขายทำกำไรในจังหวะดีดกลับ โดยเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นไว้ก่อน เพราะโอกาสซื้อต่ำกว่านี้ยังเป็นไปได้
     หุ้นเด่นทางเทคนิค : JAS, THREL, SAMART(buy back)
     แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังปรับตัวลงต่อเนื่องอีก ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นต่างประเทศจะเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกได้บ้างก็ตาม โดยคาดว่าแรงขายหลักยังมาจากความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงจากสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน หลังนายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งศาลฯ เมื่อวันก่อน และตามมาด้วยการถูกชี้มูลความผิดจาก ปปช. ซึ่งต้องรอ สว.พิจารณาถอดถอนอีกครั้ง นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า ปปช. จะไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำไปสู่การส่งฟ้องศาลฎีกาฯ ต่อไปด้วย ขณะที่ ครม.ที่เหลือก็เตรียมที่จะเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 20 ก.ค.ตามกำหนดเดิม ทำให้การชุมนุมของทั้งฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนรัฐบาลมีโอกาสที่จะเผชิญหน้ากันได้ อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงมาค่อนข้างเร็วของ SET ก็มีสิทธิที่จะทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาหนุนได้ ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ยังค่อนข้างสดใส เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และยอดส่งออกของจีนที่ขยับสูงขึ้น รวมทั้งตอบรับถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ระบุว่าจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้า (ประชุมเดือน มิ.ย.) ดังนั้นจึงยังพอที่จะเลือกหุ้นเข้าซื้อในช่วง SET ปรับลง เพื่อลุ้นเทรดดิ้งตามรอบได้
      แนวรับ 1377-1375 , 1371-1369 จุด แนวต้าน 1383-1385 , 1388-1392 จุด
      Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยไหลออกจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$230.8 ล้าน อินโดนีเซีย US$11.5 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$4.2 ล้าน แต่ไหลเข้าตลาดหุ้นไต้หวัน US$55.3 ล้าน ไทย US$36.1 ล้าน และเวียดนาม US$11.5 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลออกต่อ

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
     (-) ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ให้ส่งวุฒิสภาถอดถอน ‘ยิ่งลักษณ์’ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 หรือมากกว่า 90 เสียง ก็จะส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ส่วนคดีอาญา ยังต้องไต่สวนต่อไป
     (0) ความสำคัญอยู่ที่การเลือกตั้ง แม้ว่ากกต.และฝ่ายรัฐบาลจะนัดถกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งวันที่ 12-14 พ.ค. เพื่อให้ทันกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 22 พ.ค. และเบื้องต้นยังกำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 20 ก.ค. แต่มีประเด็นถกเถียงว่านายนิวัฒน์ธำรงมีอำนาจในการทูลเกล้าหรือรับสนองพระบรมราชโองการกรณีเสนอร่างพ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นอำนาจของนายกฯ ได้หรือไม่ หากต้องให้ศาลฯตีความประเด็นนี้ การเลือกตั้งจะยิ่งล่าช้าออกไป
     (-) นักวิเคราะห์ในตลาดอาจปรับกำไรของตลาดลง จาก Bloomberg consensus พบว่า EPS growth ของตลาดในปีนี้ถูกปรับลง 8% จากสิ้นปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มปรับลงอีก ทำให้ Forward PE ของตลาดอยู่ที่ 13.5 เท่า แพงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 11 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราคาด EPS Growth ปีนี้โตเพียง 8% (ปรับลงจากเดิม 13%) เดือน พ.ค. มีความเสี่ยงทั้งในแง่การเมืองและสถิติในอดีตที่ปรับลงทุกปีเฉลี่ย 3.2% M-M เราจึงคาดว่า SET Index มี downside อีก 4-5%
    (+) HEMRAJ เราคาดกำไรปกติ 1Q14 เพิ่ม 70% Q-Q จากรายได้การโอนที่ดินทำสถิติสูงสุดใหม่ และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-One ผลิตได้ดีขึ้น แต่กำไรลดลง 10% Y-Y เพราะส่วนแบ่งกำไรจากบ.ร่วมลดลง กำไรดังกล่าวคิดเป็น 25% ของกำไรทั้งปีที่คาดโต 26% Y-Y ซึ่งมาจาก Gheco-One ที่รับรู้รายได้เต็มปี ชดเชยธุรกิจหลักที่ชะลอ ดีกว่าผู้ประกอบการนิคมฯรายอื่น HEMRAJ ยังเป็น Top Pick ของกลุ่ม เป้าหมาย 4 บาท
    (0) BANPU เราคาดกำไรสุทธิ 1Q14 เพิ่ม 178% Q-Q และ 94% Y-Y ส่วนกำไรปกติ คาดเพิ่ม 923% Q-Q และ 123% Y-Y แม้ราคาขายถ่านหินจะทรงถึงลง แต่การลดต้นทุนอย่างเข้มข้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น และโรงไฟฟ้า BLCP กลับมาเดินเครื่องหลังหยุดซ่อมบำรุงใน 4Q13 แต่เชื่อว่า 1Q14 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 14% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 26 บาทจาก 24 บาท แต่ยังแนะนำขาย
    (-) THAI เราคาดว่าจะยังขาดทุนสุทธิติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 อีก 2.5 พันล้านบาทใน 1Q14 ส่วนผลการดำเนินงานปกติ คาดขาดทุนถึง 3.3 พันล้านบาท แย่ลงทั้ง Q-Q และ Y-Y แนวโน้ม 2Q-3Q14 จะขาดทุนต่อ และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของการดำเนินงาน เราปรับลดประมาณการปีนี้เป็นขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 7 พันล้านบาท จากเดิมขาดทุน 3.8 พันล้านบาท ปรับเป้าหมายเหลือ 11.60 บาทจาก 12 บาท ยังแนะนำขาย
    (-) กลุ่ม Media จะมีกำไรที่แย่ใน 1Q14 เราคาดกำไรปกติของทั้งกลุ่มจะลดลง 9% Q-Q และ 7% Y-Y โดยทุกบริษัทมีกำไรลดลง Q-Q ยกเว้น MAJOR ที่คาดกำไรเพิ่ม 26% Q-Q หากเทียบ Y-Y คาดว่า RS มีกำไรเพิ่มขึ้นมากสุด 15% Y-Y กลุ่ม Media ยังไม่น่าสนใจเพราะ PE ที่แพง 20.5 เท่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกำไรปกติในปีนี้ที่คาดลดลง 1% Y-Y ฉุดโดยธุรกิจทีวีดิจิตอล เราแนะนำขายทั้งกลุ่ม BEC (ขาย, เป้าหมาย 52.50 บาท), MAJOR (ขาย, เป้าหมาย 18.80 บาท), VGI (ขาย, เป้าหมาย 9.30 บาท), MCOT (ขาย, เป้าหมาย 29 บาท), RS (ขาย, เป้าหมาย 8.30 บาท)
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 32.43 จุด หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดส่งออกจีนที่เพิ่มขึ้น
     ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาในแดนบวกได้เช่นกันขานรับถ้อยคำแถลงของประธาน ECB ที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในการประชุมครั้งหน้า
     ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบโดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อจีนในเช้าวันนี้
     ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.44-32.60 บาท/ดอลลาร์
     ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.51 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 100.26 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 วันก่อนหน้า แต่การปรับลงค่อนข้างจำกัดเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับลง 1.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,287.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังมีการเปิดเผยตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!