WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ปรับฐาน-การเมืองถ่วงตลาด
Highlight
     ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดคละ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงในช่วงท้ายตลาดจากแรงขายทำกำไร และโตโยต้าหั่นคาดการณ์
     ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ Germany ดุลการค้า มี.ค. คาดเกินดุล +17.5 Euro bn.(Vs +16.3bn.) S.Korea คาดธนาคารกลางคงดอกเบี้ยที่ 2.5% ฟิลิปปินส์ มี.ค. ส่งออก+10%y-y (Vs 24.4%)
     -วันทำการล่าสุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อ +1.17 พันลบ. (จากที่ขาย 2.02 พันลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศขายต่อ -1.32 พันลบ. (สะสม 2 วัน รวม -1.48 พันลบ.)
     -การเมือง จับตาการเลือกประธานวุฒิสภา วันนี้ รวมถึง ความเห็นเกี่ยวกับสถานะของรักษาการนายกฯ ก่อนหารือเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ค. ส่วนสุดสัปดาห์จับตาการการชุมนุม กปปส. ชุมนุมใหญ่วันนี้ และนปช.นัดชุมนุมวันเสาร์
    คาดดัชนีฯ วันนี้ อยู่ในช่วงของการปรับฐาน แนวรับ 1360/1350 จุด ได้รับแรงกดดันทางการเมือง จับตาการชุมนุมวิตกเหตุเผชิญหน้า รุนแรง ขณะที่ปัจจัยภายนอก วิตกสถานการณ์ยูเครน หลังหลายแคว้นยื่นขอแยกดินแดน
กลยุทธ์: รายเดือน แนะนำ ทยอยขายลดพอร์ต (ถือเงินสด 60%) ส่วนระยะสั้น แนะนำ รอซื้อเล่นรีบาวด์ บริเวณแนวรับ 1360 จุด เลือกหุ้นปันผลดี

 

หุ้นในกระแส:
    หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 2.0%) ได้แก่ PAF LIVE DELTA HANA NYTหุ้นที่ลงกว่า 5% WHA SITHAI VIBHA BWG MEGA AP
    NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ BBL+330 IVL+295 TRUE+229 ด้านขาย ADVANC-350 ICHI-95
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ BBL 201 ADVANC 163 KBANK 151
หลักทรัพย์ที่ขึ้นเครื่องหมาย XD วันศุกร์ A BWG DCC STA วันจันทร์ BLA DTAC PSL วันพุธ QHPF

Market Outlook
     คาดดัชนีฯ ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แนวรับ 1360/1350 จุด แนวต้าน 1390/1400 จุด การเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน จากความเสี่ยงทั้งจากการชุมนุม และประเด็นการเลือกตั้ง วันนี้ไม่มีปัจจัยบวกจากภายนอก
     คาดดัชนีฯ เข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน แนวรับ 1360/1350 จุด แนวต้าน 1390/1400 จุด แม้วันนี้อาจมีโอกาสของการดีดตัวได้บ้าง แต่คาดว่าการรีบาวด์จะมีจำกัด โดยปัจจัยด้านการเมืองยังเป็นแรงฉุดหลัก หลังวานนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ถูกป.ป.ช. ขี้มูลความผิดคดีจำนำข้าว ทำให้คาดการชุมนุมของกลุ่มต่างๆจะร้อนแรงขึ้น และมีความเสี่ยงเกิดเหตุรุนแรง ส่วนประเด็นการเลือกตั้ง ยังมีปัญหาว่าจะจัดได้หรือไม่ และเมื่อใด (กกต.นัดรัฐบาลหารือ 14 พ.ค.) ด้านปัจจัยต่างประเทศ มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่สามารถทำจุดสูงใหม่ได้ ด้านปัญหายูเครนยังตึงเครียดจะมีการโหวตแบ่งแยกดินแดนในวันอาทิตย์นี้ แนะนำ ขึ้นขาย-เพื่อรอซื้อคืนหรือเล่นเก็งกำไรบริเวณแนวรับ 1360 จุด เน้นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่มีปันผลดี (ตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1350 จุด)
     การเมืองในประเทศ ทวีความตึงเครียดเพิ่ม หลังวานนี้ ป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดนางสาวยิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว และให้แยกสำนวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความ ซึ่งประเมินเพิ่มความร้อนแรงของเวทีชุมนุมนปช. ในวันพรุ่งนี้ ส่วนประเด็นการเลือกตั้งยังมีปัญหา ในข้อกฎหมายว่ารักษาการนายกฯ คนใหม่ จะมีอำนาจหรือไม่ ประกอบกับวันเลือกตั้งที่เหมาะสมที่กกต. จะหารือรัฐบาลในวันที่ 14 พ.ค.
      ปัจจัยต่างประเทศ ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ หลังวานนี้ ECB และ BOE ตรึงดอกเบี้ยตามคาดและไม่มีมาตรการอื่นเพิ่มเติม โดยมีการคาดการณ์จากรอยเตอร์ว่า ECB จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเพื่อให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงก็ต่อเมื่อยูดรพุ่งขึ้นถึงระดับ 1.42 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ถูกแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาดหลัง ดัชนีฯ ไม่สามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ซื้อขายในระดับ PE ที่สูงถึง 34 เท่า เป็น 2 เท่าของ PE โดยรวมที่อยู่ที่ 17 เท่า ด้านปัญหายูเครนยังตึงเครียด โดยในวันอาทิตย์นี้จะมีการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระของจังหวัดลูฮันส์กและโดเนตส์กทางตะวันออกของยูเครน
     กลยุทธ์ลงทุน: ทยอยขายทำกำไร สำหรับการลงทุนระยะ 2 เดือน(ความเสี่ยงขาลงอยู่ที่ 1314/1300 จุด) ส่วนการลงทุนระยะสั้น แนะนำ ชะลอการเก็งกำไร หรือทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว แนวรับ 1350-1360 จุด และกำหนดจุดตัดขาดทุน ที่ 3%
*ระยะเดือน (ดูรายงาน Monthly เดือน พ.ค.) ถือเงินสด 60% ของพอร์ต เน้นเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง มีประเด็นบวก แนะนำลงทุน BTS INTUCH (Dividend Play) GFPT PSL BANPU IVL (Global play) STPI TTCL JAS RS (ประเด็นบวกระยะสั้น)
+ระยะสั้น แนะนำ ทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว แนวรับ 1350-1360 จุด หลักทรัพย์ที่ยัง laggard และปันผลสูง
1) หุ้น laggard (PBV< mean-0.5SD) PTTGC PTT PTTEP IRPC BANPU ANAN ESSO MONO ROJNA IVL
2) หุ้นที่มีปันผลสูง (Yield > 5%) MODERN BTS TICON TTW TVO INTUCH ADVANC SPALI KTB BECL PTTGC
ทางเทคนิค : เข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน
ภาพใหญ่ระยะ 2 ปี ของทิศทางดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใน Downtrend Channel กรอบ 1195-1445 จุด ส่วนระยะสั้น ดัชนีวานนี้ปิดต่ำกว่าระดับ 1400 จุด และต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (5, 10, 25 วัน) ส่งผลให้แนวโน้มของการเคลื่อนตัวในกรอบ uptrend ก่อนหน้านี้จบลง หากหลุดแนวรับ 1380 จุด จะมีโอกาสเป็นขาลงต่อเนื่องไปแนวรับถัดไปบริเวณ 1350-1360 จุด

 

ประเด็นจับตา
-1. ประเด็นการเมือง: วันนี้ประชุมวุฒิสภา เลือกประธาน
ประเด็นการเมือง (Update):
      คาด'สุรชัย'ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคว้าปธ.วุฒิฯ ที่ประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ วันนี้ คาดมีรายชื่อส.ว.ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานวุฒิสภา จำนวน 4 คน ได้แก่ 1.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา, 2. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา, 3.นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ว.มหาสารคาม และ4.นายจองชัย เที่ยงธรรม ส.ว.สุพรรณบุรี เบื้องต้นคาดว่านายสุรชัยจะได้รับการสนับสนุนสูงสุด อยู่ที่ 80 เสียง เนื่องจากได้คะแนนจากกลุ่ม 40 ส.ว. สรรหา ป.ป.ช. แถลงชี้มูล 'ยิ่งลักษณ์' กรณีจำนำข้าว วานนี้คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าพฤติการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นการส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ. ระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่งตาม รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 จึงให้แยกสำนวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความรัฐบาลขอนัดกกต. 12 พ.ค. หารือ พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง,"สมชัย"ย้ำ 14 พ.ค. เหมาะสม รัฐบาลได้ส่งหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้มีการหารือ อย่างช้าที่สุด ในวันที่ 12 พ.ค. ด้านกกต. ขอนัดรัฐบาล ในวันที่ 14 พ.ค. แทนวันที่ 9 พ.ค. ตามที่รัฐบาลขอนัดหมายไว้ เนื่องจากวันดังกล่าว เป็นวันหยุดราชการ ขณะที่ กรอบการเลือกตั้งที่ กำหนดในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

     2. การประกาศผลประกอบการ 1Q57F ของบจ. คาดว่าจะส่งผลต่อหลักทรัพย์รายบริษัทฯ ในสัปดาห์นี้
Thai-บจ. ที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้ (6 – 9 พ.ค.) เด่นๆ ได้แก่ TRUE TUF

Economic Calendar
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
      จีนเผยยอดส่งออก,นำเข้า,เกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนเม.ย. สำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า การส่งออกเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.8% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้า 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ตัวเลขดังกล่าวดีกว่าผลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดส่งออกจะลดลง 1.7%, ยอดนำเข้าจะลดลง 2.3% และยอดเกินดุลการค้าจะอยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. ลดลงเดือนที่ 13, วิตกการเมือง-ค่าครองชีพ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผย ความไม่แน่นอน ทางการเมือง ค่าครองชีพที่ทรงตัวในระดับสูง และเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนสูง ส่งผลให้ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย. อยู่ที่ 67.8 ลดลงจาก 68.8 ในเดือน มี.ค.ซึ่งเป็นการ ลดลง เป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน และยังต่ำสุดในรอบกว่า 12 ปี

 

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ตลาดหุ้น Nasdaq ร่วงต่อเป็นวันที่ 3
     วันพฤหัสฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ โดยดัชนี DJIA ปิดบวก 32.43 จุดหรือ 0.2% สู่ระดับ 16,550.97 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.58 จุดหรือ -0.14% สู่ระดับ 1,875.63 จุด และ Nasdaq ปิดลดลง 16.17 จุด หรือ -0.40% สู่ระดับ 4,051.50 จุด นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้วซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ดัชนี S&P 500 หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วง 1.2% และกลุ่มพลังงานร่วง 1.3%

+ ตลาดหุ้นยุโรป ปรับขึ้นหลังแถลงของประธานอีซีบี
     วันพฤหัสฯ ตลาดหุ้นยุโรปปิดสูงขึ้น FTSE ปิดเพิ่ม 42.81 จุด หรือ +0.63% สู่ 6,839.25จุด ดัชนี CAC40 ปิดปรับขึ้น 60.80 จุด หรือ 1.37 % สู่ 4,507.24 จุด และ DAX ปิดบวกขึ้น 86.10 จุด หรือ 0.90% สู่ 9,607.40 จุด เป็นผลจาก สุนทรพจน์ของปรธานอีซีบีที่เตรียมออกมาตรการการเงินพิ่มเติมในเดือนมิย.นี้โดยมาตรการจะมากหรือน้อยจะรอดูรายงานประเมินเศรษฐกิจยุโรปต้นเดือนมิย. ขณะที่ผลประชุมอีซีบีวานนี้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ตามคาด

-ราคาน้ำมันดิบ ปรับลดลง จากปัจจัยเทคนิค และการแข็งค่าของเงินดอลล์
    วันพุธ Brent ส่งมอบ มิ.ย. ปรับลดลงเล็กน้อย 0.9 ดอลลาร์ สู่ 108.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Nymex ส่งมอบ มิ.ย. ลดลง 0.51 ดอลลาร์ มาปิด ตลาดที่ 100.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจาก เผชิญกับแนวต้านที่ระดับสำคัญทางเทคนิค ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากยอดส่งออกน้ำมันที่ระดับต่ำของลิเบีย ในขณะที่กลุ่มกบฏปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของลิเบียในการเปิดท่าเรือสำคัญ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการที่จีนนำเข้าน้ำมันมากยิ่งขึ้นด้วย จีนรายงานว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ 6.78 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ย. หลังจากร่วงผ่านระดับ 6 ล้านบาร์เรลต่อวันลงไปในเดือน มี.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2013
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบไม่ได้รับแรงหนุนมากนักจากปัจจัยบวก เหล่านี้ ในขณะที่การแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์และการร่วงลงของราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐสามารถบดบังปัจจัยบวกเหล่านี้ได้

-ราคาทองคำ ปิดลง วิตกปัญหายูเครนและการแข็งค่าของดอลล์
      วันพุธ ราคาสัญญาทองเดือนมิถุนายน ปิดตลาดลดลง 1.20 ดอลล์ หรือ -0.09 % สู่ 1,287.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดไม่รีบร้อนที่จะ ปรับลดขนาดงบดุลของเฟด แต่ถ้าหากเฟดตัดสินใจว่าจะปรับลดขนาดงบดุลลงให้กลับสู่ระดับเดียวกับในช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงิน กระบวนการดังกล่าวก็อาจใช้เวลา 5-8 ปี และราคาทองได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางการเมือง ในขณะที่ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนปฏิเสธเสียงเรียกร้องของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียที่ต้องการให้เลื่อนการลงประชามติเรื่องการปกครองตนเองออกไป โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนประกาศว่าจะเดินหน้าจัดการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งอาจนำไปสู่สงคราม
    ราคาทองได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางเทคนิค และจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบี อาจจะดำเนินมาตรการสกัดกั้นการดิ่งลงของอัตราเงินเฟ้อในการประชุมเดือนมิ.ย.โดยถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ยูโรร่วงลง

- ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index ปิดลดลง
     วันทำการที่ผานมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดลดลง 14 จุด หรือ -1.37% เป็น 1,008 จุด หลังจาก ปี 56 เพิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก (แนะนำ เก็งกำไร PSL TP Consensus 22.84-27.25 บาท TTA TP Consensus 22.83-27.25 บาท)

ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501 Thanomsaks@ktzmico.com 02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564 Tidaratp@ktzmico.com 02-624-6270

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!