WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Kbank Banthoon 1บัณฑูร กาง 4 ยุทธศาสตร์ KBANK มุ่งปรับโครงสร้างองค์กร พัฒนาระบบไอที บริหารต้นทุน เดินหน้าลุยตปท. รับ AEC และอาเซียนบวก 3

        บิ๊ก KBANK กาง 4 ยุทธศาสตร์หนุนแบงก์เดินหน้า ทั้งปรับโครงสร้างองค์กร แย้มพร้อมส่งไม้ต่อคนรุ่นใหม่ทันทีที่พร้อม ขณะที่พัฒนาระบบไอที  ดึงสาระ ล่ำซำ นั่งบอร์ดแบงก์บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และเดินหน้าลุยต่างประเทศ ล่าสุดยื่นขอประกอบกิจการธนาคารท้องถิ่นในจีนแล้ว คาดจะได้คำตอบภายในปีนี้

      นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยถึง ยุทธศาสตร์ของธนาคารฯ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าธนาคารจะเน้นการปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมหนุนพัฒนาระบบไอที บริหารจัดการต้นทุน และการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

    โดยการปรับโครงสร้างองค์กรภายใน จะมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมา KBANK ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรมาโดยตลอด แต่การรีเอ็นจิเนียริ่งก็ยังต้องทำต่อไป โดยเฉพาะการนำคนรุ่นใหม่มาบริหารและรับมือกับความท้าทายในอนาคต  ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้บริหารในตำแหน่ง President  3 คน คือ นายปรีดี ดาวฉาย และนายธีรนันท์ ศรี หงษ์ และล่าสุดแต่งตั้งนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย เข้ามาทำงานร่วมด้วย ขณะที่ตนอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพียงคน เดียว

     "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเราต้องรีเอนจิเนียริ่งตลอดเวลา ต้องประเมินตัวเองตลอด โดยเฉพาะการเอาคนรุ่นใหม่ที่มองโจทย์ซึ่งคนรุ่นเก่าไม่

สามารถแก้ได้ CEO รุ่นเก่าที่ต้องประสบความสำเร็จ ก็ต้องถึงเวลาต้องหาคนมาแทน  แต่ยังไม่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ แต่เป็นโจทย์ใหญ่ของกรรมการบริหาร เพื่อมองหาคนรุ่นต่อไปของผู้บริหาร ที่จะรับมือกับความท้าทายในอนาคต เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความเจริญได้ นี่คือสาระของการจัดการของ KBANK" นายบัณฑูร กล่าว

      ทั้งนี้ ล่าสุด KBANK ได้แต่งตั้งนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต(MTI)เข้ามาเป็นกรรมการธนาคาร และ แต่งตั้งนายสมเกียรติ ศิริชาติไชย กรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ที่ไปรับตำแหน่งรองประธาน กรรมการและกรรมการ MTI ซึ่งเป็นการจัดทีมบริหารให้อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกันเพื่อให้การให้ บริการที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของลูกค้า

    ส่วนเรื่องของไอทีนั้น นายบัณฑูร กล่าวว่า ได้กำหนดเป้าหมายหลักในการพัฒนาระบบโครงสร้างด้าน IT ให้ยิ่งแน่นขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่ธุรกิจการเงินในการให้บริการกับ ลูกค้า โดยได้มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT เพื่อให้บริการกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแยกเป็นบริษัท KASIKORN Business-Technology Group มีนายธีรนันท์ ศรีหงส์ เป็นประธานบริษัท เพื่อให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย เอื้ออำนวยให้เกิดการค้าการลงทุน ซึ่งเป็น วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนธนาคารพาณิชย์ตามปกติ แต่ใช้กรรมการผู้จัดการไปกำกับดูแลโดยเฉพาะเพื่อให้ เห็นว่ามีความสำคัญในการ เตรียมพร้อมรับมือกับโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง

      "ผมขานรับนโยบายของ รมว.คลัง ที่ต้องมีระบบอีเพย์เมนท์ โดยใช้เงินสดให้น้อยลง ซึ่งเรื่องนี้ธนาคาพาณิชย์ ธนาคารรัฐ และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ต้องทำความเข้าใจและจัดระบบให้ได้ มีประสิทธิภาพ ให้ระบบมั่นคง ประชาชนใช้แล้วเงินไม่หายไปไหน ไม่สูญหาย ซึ่งต้องทำให้คนมั่นใจ  เป็นระบบที่ตอบได้ เพราะฉะนั้นเรื่องเทคโนโลยีทางการเงินต้องเป็นระบบที่ต้องพัฒนา เป็นระบบที่สำคัญของประเทศ " นายบัณฑูร กล่าว

     ขณะเดียวกัน เรื่องสำคัญอีก 1 เรื่อง คือการบริหารต้นทุน ซึ่งเรื่องของต้นทุนจะต้องระวัง และต้องมีการจัดการ โดยเฉพาะต้นทุนเรื่องคน ที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นการเพิ่มคน 1 คน แทนคนที่เกษียณออกไป ต้องคิดโจทย์ว่าจะทำอย่างไร การใช้เงินแต่ละบาทจะต้องคุ้มค่า

      ส่วนยุทธศาสตร์อีก 1 เรื่อง คือการขยายตลาดออกไปต่างประเทศ โดยปัจจุบันนี้ตลาดในเอเซียมีขนาดใหญ่ขึ้น และเกี่ยวเนื่องกับประเทศไทยโดยตรง โดยเฉพาะตลาดอาเซียนบวก 3 คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะฉะนั้นโครงสร้างของแบงก์จะต้องรองรับในส่วนนี้ โดย KBANK ต้องการเป็นผู้ให้บริการทางการ ทั้งด้านเงินทุน การค้าต่างๆในภูมิภาค ให้ลุกค้าสามารถประกอบอุตสาหรรมในหลายๆ ประเทศในภูมิภาคๆได้  ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้ยื่นขอประกอบกิจการธนาคารท้องถิ่นในจีน คาดว่าน่าจะได้คำตอบภายในปีนี้ นอกเหนือไปจากการเปิดสาขาในจีน และประเทศอื่น ๆ

     "ธรรมชาติของลูกค้าไทยส่วนมากไม่ค่อยจะยอมออกไปไหน เพราะฉะนั้นจึงต้องเรียนรู้ที่จะออกไปข้างนอกได้ โดยเราพร้อมจะเอื้ออำนวยธุรกิจต่างๆของประเทศไทย โดยหาคนรุ่นใหม่ๆ เข้าไปทำ เพื่อตอบโจทย์ใหม่ โดยเฉพาะ AEC+3 " นายบัณฑูร กล่าว 

     เขากล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์เป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศทื่จะต้องเข้า มาช่วย แก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการหมุนเวียนเงินออมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่มีปัญหา การปล่อยสินเชื่อเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากจะทำอย่างไรให้สินเชื่อที่ปล่อยลงไปมีความหมาย ไม่ใช่ปล่อยไปแบบเปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ รัฐบาลและเอกชนต้องร่วมมือกัน

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

บัณฑูร ชูธงนำ KBANK ปรับโครงสร้างองค์กร-พัฒนาระบบไอที-หยั่งรากลงลึกในตปท.

       นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ของ KBANK ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สานต่อปรับโครงสร้างองค์กรภายในอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายหลักในการพัฒนาระบบโครงสร้างด้าน IT ให้ยิ่งแน่นขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่ธุรกิจการเงินในการให้บริการกับลูกค้า ขณะที่การหยั่งรากของธนาคารในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) รวมทั้งอาเซียน + 3 จะต้องลึกมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้ยื่นขอประกอบกิจการธนาคารท้องถิ่นในจีน คาดว่าน่าจะได้คำตอบภายในปีนี้ นอกเหนือไปจากการเปิดสาขาในจีน และประเทศอื่น ๆ

      "ยุทธศาสตร์ต้องชัดเจน ต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา ต้องสื่อสารลงไปให้ทำงานได้อย่างถูกทางและไปในทางเดียวกัน งานใหญ่สุดของการบริหารคือการพูด เราต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจนที่สื่อสารกับคนในองค์กรเพื่อทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้คนเก่ง ๆ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว"นายบัณฑูร กล่าว

      ผู้บริหารสูงสุดของ KBANK กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมา KBANK ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรมาโดยตลอด แต่การรีเอ็นจิเนียริ่งก็ยังต้องทำต่อไป ร่วมกันการประเมินตัวเองตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์ของประเทศและโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งขณะนี้ KBANK มีผู้บริหารในตำแหน่ง President 3 คน โดยแต่งตั้งนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย เข้ามาทำงานร่วมกับนายปรีดี ดาวฉาย และนายธีรนันท์ ศรีหงษ์ ขณะที่ตนเองเป็นทั้งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพียงคนเดียว

        "กระบวนการต้องรีเอ็นจิเนียริ่งตลอดเวลา ต้องคิดค้นขึ้นมาใหม่ และประเมินผลเป็นครั้งคราว เพื่อปรับปรุงตัวตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดที่เลิกจ้างพนักงาน เพราะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด...ความเป็นจริงคือการเปลี่ยนรุ่นนั้นสิ่งที่อันตรายที่สุดคือ CEO รุ่นเก่าที่ประสบความสำเร็จจะต้องหาคนมาแทนให้ได้ เมื่อสานงานต่อแล้วต้องรุกให้ได้ เป็นโจทย์ใหญ่ของกรรมการที่จะต้องมองหาคนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะผู้บริหาร เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต"นายบัณฑูร กล่าว

    ล่าสุด KBANK ได้แต่งตั้งนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต(MTI)เข้ามาเป็นกรรมการธนาคาร และ แต่งตั้งนายสมเกียรติ ศิริชาติไชย กรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ที่ไปรับตำแหน่งรองประธานกรรมการและกรรมการ MTI ซึ่งเป็นการจัดทีมบริหารให้อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกันเพื่อให้การให้บริการที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของลูกค้า

                "ประกันชีวิต เป็นชีวิตทางการเงินของมนุษย์ เรารวมมาทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้มาอยู่ในยุทธศาสตร์เดียวกัน การที่แบงก์เข้าไปถือหุ้นเกินครึ่งทำให้สามารถผนวกยุทธศาสตร์เข้าด้วยกันได้ และการที่ถึงคุณสาระเข้ามาก็เพื่อช่วยงานด้านธุรกิจประกัน เพราะในแบงก์ไม่มีผู้ชำนาญการด้านนี้"นายบัณฑูร กล่าว

    อนึ่ง KBANK ถือหุ้นทางตรงในบจก. เมืองไทยกรุ๊ปโฮลดิ้ง ในสัดส่วน 51%

       นอกจากนั้น KBANK ยังปรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT เพื่อให้บริการกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแยกเป็นบริษัท KASIKORN Business-Technology Group ซึ่งมีนายธีรนันท์ ศรีหงส์ เป็นประธานบริษัท เพื่อให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย เอื้ออำนวยให้เกิดการค้าการลงทุน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนธนาคารพาณิชย์ตามปกติ แต่ใช้กรรมการผู้จัดการไปกำกับดูแลโดยเฉพาะเพื่อให้เห็นว่ามีความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือกับโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง

      "ธนาคารพาณิชย์เป็นจักรกลสำคัญให้ภาคธุรกิจเข้าถึงความสามารถในการค้าขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ รมว.คลังออกนโยบายให้ใช้เงินสดน้อยลง เน้นการใช้อีเพย์เมนท์ ก็ต้องจัดระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดการสูญหาย ให้คนใช้บริการไว้วางใจ ธนาคารต้องทำให้เกิดความมั่นคง เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยี IT เป็นระบบที่สำคัญของประเทศ เพื่อสนองตวามต้องการของตลาดการเงิน"นายบัณฑูร กล่าว

       ส่วนการขยายตลาดออกไปนอก โดยเฉพาะตลาดที่มีการพัฒนาขึ้นมาแล้วคือตลาดที่ใหญ่ขึ้นในเอเชีย คือ อาเซียน +3 ได้แก่ จีน ญีป่น เกาหลี โครงสร้างบริหารจัดการ ต้องคำนึงถึงภูมิศาสตร์ทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง สามารถให้บริการสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนให้กับลูกค้าสามารถออกไปทำธุรกิจในหลายประเทศได้ ธนาคารจึงมีโจทย์ที่จะต้องเตรียมบุคลากรรุ่นใหม่เข้ามารองรับงานด้านนี้โดยเฉพาะ

    "บริษัทไทยมีน้อยมากที่ออกไปนอกประเทศได้ ไม่รวมธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งต่อไปบริษัทที่ไม่ออกไปจะยืนไม่อยู่ในโครงสร้างการแข่งขันทางการค้าต้องเรียนรู้ความเป็นจริง ธนาคารต้องช่วยลูกค้าเพื่อช่วยภาคธุรกิจในประเทศไทยด้วย ต้องอาศัยคนรุ่นใหม่ ต้องศึกษาภาษาต่าง ๆ เป็นโจทย์ของการเตรียมคนรุ่นใหม่เพื่อไปเจอกับโจทย์ใหม่ ๆ นอกประเทศ ต้องปลุกระดมความคิด กำลังใจ เพื่อพัฒนาคนให้สามารถรองรับ world business"นายบัณฑูร กล่าว

     อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการต้นทุนก็เป็นสิ่งที่จะต้องให้ความระมัดระวัง เพราะมองว่าหากธุรกิจใดไม่ระวังก็อาจจะเกิดภาวะต้นทุนแซงรายได้ จึงเป็นเรื่องที่ละไว้ไม่ได้ ต้องลงไปในหลายมิติ โดยเฉพาะการใช้คนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งการเพิ่มบุคลากร การทดแทนบุคลากรเดิมที่ออกไป ต้องตีโจทย์ให้ได้ว่าพนักงานแต่ละคนต้องมีหน้าที่อย่างไร ใช้ประโยชน์อย่างไร

       นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า ธนาคารพาณิชย์เป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศทื่จะต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการหมุนเวียนเงินออมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยาก โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่มีปัญหา การปล่อยสินเชื่อเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก จะทำอย่างไรให้สินเชื่อที่ปล่อยลงไปมีความหมาย ไม่ใช่ปล่อยไปแบบเปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นความท้าทายที่รัฐบาลและเอกชนต้องร่วมมือกัน

       "เอกชนต้องขานรับมาตรการของภาครัฐอย่างจริงจัง ไม่ใช่ขานรับแค่เอาหน้า เพราะความเสี่ยงเกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นเรื่องการจัดการของผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐและเอกชนที่จะต้องจัดการเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เพราะขณะนี้โครงสร้างเศรษฐกิจมีปัญหาในหลายด้าน เป็นโจทย์สะท้อนในประเทศว่าคนไม่สามารถหากินได้อย่างเพียงพอ"นายบัณฑูร กล่าว

         อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!