WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Kbank ปรด ดาวฉายธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการปี 58 กำไร 39,474 ล้านบาท

   นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2558 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 39,474 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 14.47%

      ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2558 เปรียบเทียบปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 39,474 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 6,679 ล้านบาท หรือ 14.47% เนื่องจากในปีนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 12,134 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extraordinary expense) จากการตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำนวน 2,314 ล้านบาท เพื่อให้การบริหารจัดการต้นทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว โดยธนาคารยังคงสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในปีนี้อยู่ที่ระดับ 45.19% อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้จำนวน 80,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,622 ล้านบาท หรือ 4.69% เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,880 ล้านบาท หรือ 2.26% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 6,979 ล้านบาท หรือ 12.57% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนที่เพิ่มขึ้น

     ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 4 ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 5,477 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 4,640 ล้านบาท หรือ 45.87% เนื่องจากในไตรมาสนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extraordinary expense) จากการตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.66% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน

       ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 4 ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 5,477 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4,490 ล้านบาท หรือ 45.05%

     ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,555,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 166,168 ล้านบาท หรือ 6.96% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิและเงินให้สินเชื่อ โดยเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 2.70% ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.24% โดยในปีนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 129.96% ขณะที่สิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 141.38% นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 18.00% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 14.53%

KASIKORNBANK announces 2015 net profit of Baht 39,474 Million

     Mr.Predee Daochai, President of KASIKORNBANK, said KASIKORNBANK announced net profit for the year of 2015 of Baht 39,474 Million, a decrease of 14.47% over the previous year.

     Operating performance for the year of 2015 compared with 2014, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 39,474 Million, a decrease of Baht 6,679 Million or 14.47% over the previous year because KBank has set aside higher allowance for impairment loss on loans amounting to Baht 12,134 Million in this year, and there was an extraordinary expense due to setting the allowance for impairment on application software amounting to Baht 2,314 Million in order to manage cost of information technology system more efficiently in the long term. KBank still efficiently managed expenses as targeted, resulting to the cost to income ratio in this year stood at 45.19%. However, there was Baht 80,859 Million of operating profit before provision expense and income tax expense, an increase of Baht 3,622 Million or 4.69% over the previous year because net interest income increased by Baht 1,880 Million or 2.26%.  Non-interest income also increased by Baht 6,979 Million or 12.57% due to an increase in net fees and service income and revenue from money market and capital market products.

     Operating performance for the fourth quarter of 2015 compared with the third quarter of 2015, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 5,477 Million, a decrease of Baht 4,640 Million or 45.87% from the previous quarter because KBank had an extraordinary expense due to setting the allowance for impairment on application software and set aside higher allowance for impairment loss on loans.  However, net interest margin (NIM) stood at 3.66% increasing from the previous quarter.

      Operating performance for the fourth quarter of 2015 compared with the same quarter of 2014, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 5,477 Million, a decrease of Baht 4,490 Million or 45.05% over the same quarter of 2014.

     As of 31 December 2015, KBank and its subsidiaries’ total assets were Baht 2,555,305 Million, rising Baht 166,168 Million or 6.96% over the end of 2014. The majority came from an increase in interbank and money market items - net and loans.  NPL gross to total loans stood at 2.70% as of 31 December 2015, while at the end of 2014 this stood at 2.24%.  In this year, KBank has set aside higher allowance for impairment loss on loans to be served as economic slowdown.  Coverage ratio as of 31 December 2015 stood at 129.96%, while at the end of 2014 this stood at 141.38%.  In addition, as of 31 December 2015, KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE’s Capital Adequacy Ratio (CAR) according to the Basel III Accord was 18.00%, with a Tier-1 Capital ratio of 14.53%.

KBANK เผยกำไรปี 58 ลดลง 14.47% เหตุตั้งสำรองฯเพิ่ม-มีค่าใช้จ่ายพิเศษ

      นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ปี 58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 39,474 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 6,679 ล้านบาท หรือ 14.47% เนื่องจากในปีนี้ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 12,134 ล้านบาท

     และมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extraordinary expense) จากการตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำนวน 2,314 ล้านบาท เพื่อให้การบริหารจัดการต้นทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว โดยธนาคารยังคงสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในปีนี้อยู่ที่ระดับ 45.19%

    อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้จำนวน 80,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,622 ล้านบาท หรือ 4.69% เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,880 ล้านบาท หรือ 2.26% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 6,979 ล้านบาท หรือ 12.57% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนที่เพิ่มขึ้น

      ขณะที่ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 4/58 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 5,477 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 4,640 ล้านบาท หรือ 45.87% เนื่องจากในไตรมาสนี้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extraordinary expense) จากการตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.66% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน

      "ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 4 ปี 58 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 5,477 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4,490 ล้านบาท หรือ 45.05%"

   ณ วันที่ 31 ธันวาคม 58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,555,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 57 จำนวน 166,168 ล้านบาท หรือ 6.96% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิและเงินให้สินเชื่อ โดยเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 58 อยู่ที่ระดับ 2.70% ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.24%

    ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 58 อยู่ที่ระดับ 129.96% ขณะที่สิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 141.38% นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 58 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 18.00% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 14.53%

  อินโฟเควสท์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!