WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Kbankพชร สมะลาภา 559f0กสิกรไทย เดินหน้าเต็มสูบ มุ่งเป็น One Stop Financial Solution ลูกค้าธุรกิจ ตั้งเป้าสินเชื่อลูกค้าธุรกิจเพิ่ม 4-7%

   กสิกรไทยปี 59 เดินหน้าเน้น One Stop Financial Solution มุ่งให้บริการลูกค้าธุรกิจครบวงจร จัดหาเงินทุนด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และการสร้างเครือข่ายธุรกิจ ตั้งเป้ายอดสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่โต 6% และเอสเอ็มอีโต 7% ชี้ 3 แนวโน้มสำคัญปีนี้ มีการระดมทุนผ่านตลาดทุนเพิ่ม สภาพคล่องธุรกิจดีขึ้น และการขยายเครือข่ายสื่อสาร

   นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทที่ดูแลลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดย ณ สิ้นปี 2558 มียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 468,000 ล้านบาท เติบโต 4% และรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อนหน้า สำหรับในปี 2559 ตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อเติบโตที่ 4-6% และรายได้เติบโต 8-9%

     ส่วนสายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการหรือเอสเอ็มอี มีการเติบโตดีเช่นกัน โดย ณ สิ้นปี 2558 มียอดสินเชื่อรวมที่ 613,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7% มีรายได้รวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต 8% สำหรับปี 2559 ตั้งเป้ายอดสินเชื่อขยายตัว 5-7% และรายได้เติบโต 4-6%

     ในปีนี้ ธนาคารมุ่งเป็น One Stop Financial Solution ให้กับลูกค้าธุรกิจ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจรในทุกมิติ ทั้งเรื่องเงินทุนที่มีต้นทุนเหมาะสม การอำนวยความสะดวกในด้านธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าผ่านบริการดิจิทัล แบงกิ้ง รวมทั้งการสร้างเครือข่ายธุรกิจ เพื่อให้การทำธุรกิจของลูกค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด

     โดยธนาคารจะเน้นการสนับสนุนลูกค้าในทุกห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ได้รับเงินทุน ทั้งเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงการบริหารเงินทั้งขารับและขาจ่ายผ่านบริการดิจิทัล แบงกิ้ง ให้มีหลักฐานการเดินบัญชี แสดงความชัดเจนในการเคลื่อนย้ายเงินควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายสินค้า ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และยังช่วยตอบโจทย์รัฐบาลที่อยากให้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้เงินสดมาทำธุรกรรมผ่านอิเล็กทรอนิกส์

   สำหรับ ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารมีความสามารถในการระดมทุนสูง โดยดูจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งธนาคารก็พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้าในการระดมทุนผ่านตลาดทุน เช่น การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือมองหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศ โดยกว่า 90% จะลงทุนในกลุ่มประเทศ AEC+3

   นายพัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2558 เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มใหญ่ของหนี้ครัวเรือนคือบุคคลธรรมดาที่ทำการค้า เพราะรายได้ลดลงแต่ค่าใช้จ่ายไม่ลดลงตามไปด้วย โดยในปีที่ผ่านมาธนาคารได้ให้การช่วยเหลือด้านการเงิน ทั้งการพักชำระเงินต้น ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หรือเลือกผ่อนตามรายได้ให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งการช่วยเหลือของธนาคารจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้าและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ

   ส่วนในปี 2559 ธนาคารเห็นแนวโน้มที่สำคัญ 3 เรื่องด้วยกันคือ 1.การระดมทุนผ่านตลาดทุนที่เพิ่มมากขึ้น เพราะความต้องการในการกู้ยืมของลูกค้ามีมากกว่าความสามารถในการให้กู้ของธนาคาร ดังนั้นการพึ่งพาการระดมทุนจากตลาดทุนจึงมีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ 2.ปัญหาสินค้าคงคลังล้นสต็อกมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องของธุรกิจดีขึ้น และ 3.การก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลของประเทศไทย ต้องอาศัยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการขยายระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมให้ครอบคลุมถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

KBank on full throttle to provide 'One Stop Financial Solutions'for businesses Targeting 4-7% increase in business loans

    KBank aims to become the 'One Stop Financial Solutions' provider in 2016 to help customers mobilize funds at suitable costs and build business networks. Lending growth in large corporations and SMEs are targeted at 6 percent and 7 percent, respectively. Three major movements are expected this year—more fund raising through capital markets, improvement in business liquidity, and telecommunications network extension.

      According to Mr. Patchara Samalapa, KASIKORNBANK Executive Vice President, KBank's Corporate Business Division supervisor of large business customers performed well and met its target as total loans grew 4 percent to 468 billion Baht as of the end of 2015, while total revenues stood at 21 billion Baht, a growth of 10 percent YoY. In 2016, the division expects net loans to grow 4-6 percent and revenues to expand 8-9 percent.

        At the same time, SME Business Division also thrived. As of the end of 2015, the division's total loans increased 7 percent to 613 billion Baht, with a total revenue of 43 billion Baht, an 8-percent rise. This year's growth targets are 5-7 percent for loans and 4-6 percent for revenues.

    In 2016, KBank aims to become the "One Stop Financial Solutions" provider for businesses and to offer financial products to accommodate all customer's needs, including managing capital at suitable costs, facilitating financial transactions via digital banking, and building business network to enhance customers' efficiency.

     KBank plans to provide support, including long-term loans and working capital, to customers throughout the value chain, from upstream through to downstream, as well as assisting in their cash management—both incoming and outgoing transactions—through the digital banking service, with evidence for fund movements and goods transport. Small and medium enterprises will have greater chances to access funding sources. The plan also accommodates the government's policy to promote a shift from cash-based to online transactions.

      Meanwhile, KBank's large business customers are well capable of mobilizing funds, as is evident in their low debt-to-equity (D/E) ratio. The Bank is well prepared to offer financial consultancy for customers seeking to raise funds through capital markets, such as in stock markets through the initial public offering (IPO) and real estate investment trust (REIT), or to explore foreign investment opportunities—more than 90 percent of funds will be invested in the AEC+3 bloc.

     Mr. Patchara added that Thailand's economy slowed in 2015, causing household debt to GDP to rise. The  majority of Thai households consists of persons in the trade business; their revenues dropped but expenses did not follow suit. KBank offered financial support to customers throughout last year, e.g., grace period on principal, extension on installment payment, or installment plans that match customers' income. Support from KBank was also aimed at increasing liquidity for customers and helping to decrease national household debt.

    In 2016, KBank foresees three significant movements. Firstly, fund mobilization through capital markets will be more intensive as customers' demand for loans is greater than banks' lending ability. Therefore, relying on funds from capital markets is extremely vital for business growth. Secondly, excess inventory will likely decline from last year, which will help increase liquidity for businesses. Finally, as a sophisticated infrastructure is crucial for Thailand's entry into an era of digital society, the extension of telecommunications network system to provide full coverage across the country is very important for driving the economy.

KBANK ตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ ปี 59 โต 6% สินเชื่อเอสเอ็มอีโต 7%

    KBANK ตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ ปี 59 โต 6% จากสิ้นปี 58 ยอดสินเชื่อรายใหญ่คงค้างอยู่ที่ 4.68 แสนล้านบาท และสินเชื่อเอสเอ็มอีคาดว่าจะโต 7% จากสิ้นปี 58 มีพอร์ตคงค้างอยู่ที่ 6.13 แสนลบ.  

   นายพัชร สมะลาภา  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่ในปีนี้เติบโต 6% และรายได้เติบโต 8-9% โดยปี 2558 ธนาคารมียอดสินเชื่อรายใหญ่คงค้างรวมอยู่ที่ 468,000 ล้านบาท เติบโต 4% และรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาทเติบโต 10% จากปีก่อนหน้า โดยลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารมีความสามารถในการระดมทุนสูง โดยดูจากอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยธนาคารพร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้าในการระดมทุนผ่านตลาดทุน เช่น การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ โดยกว่า 90% จะลงทุนในกลุ่มประเทศเออีซี +3

    สำหรับ สินเชื่อเอสเอ็มอีปี 2559 ธนาคารตั้งเป้าเติบโต 5-7% และรายได้เติบโต 4-6% โดย ณ สิ้นปี 2558 มีสินเชื่อเอสเอ็มอี มียอดคงค้างรวมอยู่ที่ 613,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7% และมีรายได้รวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งธนาคารจะเน้นการสนับสนุนลูกค้าในทุกห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้ได้รับเงินทุน  ทั้งเงินกู้ระยะยาว และเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งการบริหารเงินทั้งขารับและขาจ่ายผ่านบริการดิจิทัลแบงก์กิ้ง ให้มีหลักฐานการเดินบัญชี ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน และยังช่วยตอบโจทย์รัฐบาลที่อยากให้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้เงินสดผ่านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์

 "ปี 58 เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทางด้านการเงิน ทั้งการพักชำระเงินต้น ขยายระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อให้ลูกค้ามีสภาพคล่อง ส่วนปีนี้ธนาคารเห็นแนวโน้มที่สำคัญ 3 เรื่อง 1.การระดมทุนผ่านตลาดทุนเพิ่มขึ้่น 2. ปัญหาสินค้าคงคลังล้นสต็อกมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องของธุรกิจดีขึ้น และ 3. การก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลของไทย ต้องอาศัยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการขยายระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมให้ครอบคลุมถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ"นายพัชร กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!