WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

LH Bank Sasitorn LH BANK เผยกลยุทธ์ปี 59 ปรับโฉมใหญ่ด้านไอที ชูกลยุทธ์รับสังคมดิจิตอล

    LH BANK เผยกลยุทธ์ปี 59 ปรับโฉมใหญ่ด้านไอที ชูกลยุทธ์รับสังคมดิจิตอล ปูฐานธุรกรรมรายย่อยเน้นความหลากหลายของธุรกิจ ผ่านกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ผลการดำเนินงานปี 58 กำไรเติบโต 37% หรือ 1,652 ล้านบาท สินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำเพียง 1.89%

      นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) แถลงผลการดำเนินงานปี 2558 ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง ร้อยละ 2.8 จากปีก่อน แต่ผลการดำเนินงานของธนาคารยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

     ผลการดำเนินงานปี 2558 บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHBANK) มีกำไรสุทธิ 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 37.5 และผลการดำเนินงานของธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ1,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 35.5 หลักๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเงินลงทุน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income Ratio) ลดลงจากร้อยละ 47.0 ในปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 41.5 รวมถึงการมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 1.89 ของเงินให้สินเชื่อรวม และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 180.4 เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเงินสำรองและเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ

     สินทรัพย์รวม 198,039 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 20.2 เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งขยายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยสินเชื่อ Corporate ของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56 ณ สิ้นปี 2557 ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 62 ขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ร้อยละ 21 และสินเชื่อ SMEs อยู่ที่ร้อยละ 17 ของเงินให้สินเชื่อรวม

       ธนาคารมีสาขาทั้งสิ้น 126 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 9 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ 45 สาขา และสาขาในภูมิภาค 81 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 36% และ 64% ตามลำดับ

       จากเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ที่เรียกว่า Liquidity Coverage Ratio (LCR) ซึ่งกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำที่ระดับ 60% ในปี 2559 และทยอยเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนครบ 100% ในปี 2563 ซึ่งธนาคารสามารถดำรงเกณฑ์ LCR อยู่ที่ระดับเกิน 100% ตั้งแต่ปีแรก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง ที่ระดับ A- แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Stable" หรือ "คงที่" แสดงถึงสถานะของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

      นางศศิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2559 ที่มาจากการลงทุนของภาครัฐจะเริ่มประคองตัวได้ จึงมีแผนปรับโฉมไอทีเพื่อรองรับการทำธุรกรรมด้วยระบบดิจิตอล การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า การสร้างแบรนด์ LH Bank ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น LINE Facebook YouTube รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มอีก 8 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2559 ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 134สาขา ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และธนาคารยังคงร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HomePro) ในการขยายสาขาไปในทุกจังหวัดที่ HomePro ตั้งอยู่ รวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า

     นายธานี ผลาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีแผนปรับระบบเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเป็นธนาคารดิจิตอล (Digital Banking) และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน อาทิ

     การให้บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ที่เรียกว่า LH Bank M Choice Application ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว สามารถเช็คยอดเงิน โอนเงิน เติมเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการ ดูกองทุน รวมไปถึงการค้นหาสาขาและตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ซึ่งสามารถใช้บริการได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา โดยธนาคารมีแผนเปิดให้บริการประมาณเดือนพฤษภาคมนี้

     การออกบัตรเดบิตร่วมกับ UnionPay International (UPI) ด้วยเห็นว่าปัจจุบันมีฐานผู้ถือบัตรเดบิต UnionPay อยู่ทั่วโลก และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ธนาคารจึงมีแผนออกบัตรเดบิต LH Bank UnionPay ที่ช่วย ตอบโจทย์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในการเบิกถอนเงินสดหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการประมาณไตรมาส 2 ปี 2559

      การปรับระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้แก่ บัตรATM และบัตร Debit จากเดิมเป็นบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็ก ซึ่งมีการโจรกรรมเงินโดยการใช้เทคนิค Skimmer คัดลอกบัตรบ่อยครั้ง ธนาคารจึงปรับมาตรฐานความปลอดภัยโดยการเปลี่ยนมาเป็นบัตรแบบ "ชิปการ์ด" (Chip Card) ที่มีความปลอดภัยสูง ป้องกันการปลอมแปลงจากภัย Skimmer โดยธนาคารจะให้บริการบัตร ATM และ บัตร Debit ในรูปแบบบัตรชิปการ์ดประมาณเดือนพฤษภาคม 2559

    ด้านนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund เผยตัวเลขภาพรวมธุรกิจกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่ามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 49,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 11 ของอุตสาหกรรม และด้วยความชำนาญในการบริหารกองทุนรวม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถสร้างผลงานบริหารกองทุนได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างกองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (LHTPROP) ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากจนทำให้ต้องเพิ่มขนาดกองทุนและออกกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายคลึงกันอีก 1 กองทุน ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.95 ร้อยละ 5.26 และ ร้อยละ 13.98 ตามลำดับ

        ขณะที่ดัชนีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF&REIT) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.98 ร้อยละ 0.36 และร้อยละ 5.64 ตามลำดับ

      นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่าใน 2559 บลจ.จะเดินหน้าขยายขนาดกองทุน โดยตั้งเป้า AUM ให้ได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยเน้นบริหารกองทุนในเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนพร้อมผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนภายในประเทศ โดยมีปัจจัยที่เกื้อหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศและผลตอบแทนจากการลงทุนในประเทศที่กำลังมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีแผนออกกองทุนประเภท Feeder Fund เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการเพิ่มช่องทางการลงทุนที่หลากหลายและรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยจะจับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมรวมทั้งคัดเลือกกองทุนต่างประเทศหรือหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงหรือกองทุนที่มีประวัติผลการดำเนินงานที่ดีและมีความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ บลจ. ยังมีความโดดเด่นในด้านการกำหนดความเสี่ยงของประเภททรัพย์สินในแต่ละกองทุนอย่างชัดเจนและให้ความสำคัญต่อการให้คำแนะนำเรื่องการกระจายความเสี่ยง ด้วยการจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) ให้ลูกค้าเป็นรายบุคคล

     ด้านนายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2558 มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากถึง -14% จากดัชนีที่ระดับ 1,497.67 จุด ณ สิ้นปี 2557 มาปิดที่ระดับ 1,288.02 จุด ณ สิ้นปี 2558 และมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างบางตา

      ปี 2558 บริษัทมีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ดีพอควร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 93.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการทำการตลาดที่มากขึ้น จากการสร้างทีมวิทยากรแนะนำกลยุทธ์การลงทุน (Equity and TFEX Product Specialist)ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ประกอบกับความร่วมมือจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในการขยายฐานไปยังลูกค้าของธนาคาร โดยมีจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่ที่เปิดผ่านสาขากว่า 600 บัญชี และมียอดรวมบัญชีลูกค้าถึง3,400 บัญชี ณ สิ้นปี 2558 ในส่วนของธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทได้รับรางวัล TFEX Top IC Awards by Company จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่อง 3 ไตรมาส และเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทได้รับรางวัล TFEX IC Star of the Month

       กลยุทธ์ปี 2559 บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิม เสริมความแข็งแกร่งของบุคลากรทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ การขยายสาขาอีก 8 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งปัจจุบันมี Campaign'อัดแจกกันแบบไม่ยั้งกับ LHS Loyalty Program' เป็นการสะสมแต้มจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ยิ่งเทรดมากยิ่งได้มาก การจัดอบรมให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จในการลงทุนของลูกค้า และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทต้องการทำให้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในเกือบทุกฟังก์ชั่นของการทำงาน การทำการตลาดร่วมกับธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ผ่านระบบออนไลน์ LH Bank SPEEDYได้ และระบบการชำระเงินแบบ Bill Payment ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เป็นต้น

     นางศศิธร กล่าวเสริมว่า นอกจากกลยุทธ์การดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงานในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยึดมั่นในการประกอบธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีควบคู่ไปกับการยึดมั่นในจรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การร่วมพัฒนาชุมชนและสังคม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาซึ่งการที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากสถาบันไทยพัฒน์

LHBANK คงเป้าสินเชื่อปี59 โต 10-15% คุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% ส่วนเรื่องพันธมิตรยังไม่คืบ

     กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้แถลงผลการดำเนินงานปี 2558 และแผนกลยุทธ์ปี 2559โดยมีนางศศิธรพงศธร  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  หรือ LHBANK  และทีมผู้บริหารในกลุ่มร่วมให้ข้อมูล  สรุปสาระสำคัญ ดังนี้  

     ธนาคาร LH Bank  ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปี59 เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 58 หรือโตมากกว่าจีดีพี 3 เท่า พร้อมคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% 

     ธนาคารตั้งเป้าขยายเพิ่ม 8 สาขา  ส่งผลสิ้นปี59 มีทั้งหมด 134 สาขา โดยธนาคารจะร่วมมือกับ HMPRO ในการขยายสาขาไปยังทุกจังหวัดที่โฮมโปรตั้งอยู่ รวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า

    ธนาคารมีแผนปรับระบบเทคโนโลยี รองรับการเป็นธนาคารดิจิทัล (Digital Banking) และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพบริการให้มีศักยภาพ  เช่น บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ชื่อว่า " LH Bank M Choice Application"เพื่อให้การทำธุรกรรมการเงินได้สะดวกมากขึ้น

     ธนาคารมีแผนเพิ่มทุนระดับหลักพันล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเติบโตและการขยายสินเชื่อในอนาคต ซึ่งธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% ในช่วง 3 ปีจากนี้ โดยการเพิ่มทุนส่วนหนึ่งเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ในส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 ให้อยู่ที่ระดับ 10.11% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับดังกล่าว ซึ่งถือว่าสูงกว่าขั้นต่ำที่แบงก์ชาติกำหนดไว้คือ 8.5%  และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรกรรมซึ่งมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ 10.5%

   ความคืบหน้าของพันธมิตรยังเดินหน้าเจรจาต่อเนื่อง แต่ไม่รีบเร่ง ยอมรับมีพันธมิตรเข้ามาเจรจาต่อเนื่อง บางครั้งก็เงียบหายไป  แต่ธนาคารก็ยังเปิดโอกาสให้พันธมิตรรายอื่นๆ เข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารในการเติบโตในอนาคต  และคาดหวังพันธมิตรจะเข้ามาเสริมด้านเงินทุน อย่างไรก็ตาม  ระหว่างนี้ธนาคารก็จะเดินหน้ายกระดับความแข็งแกร่งของธนาคาร ทั้งการควบคุมเอ็นพีแอล  การสร้างกำไรให้ดีขึ้น ก่อนจะมีพันธมิตรรายใหม่เข้ามาร่วมทุน

   "ไม่ใช่ว่าเราจะขายกิจการ แต่เป็นการหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพ เพื่อวิน วินทั้งสองฝ่าย "นางศศิธรกล่าว

   นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LH Securities กล่าวว่า มองดัชนีสิ้นปีนี้ 1,450 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดของปี และต่ำสุดของปีที่ 1,100 จุด วอลุ่ม 4.3 หมื่นลบ./วัน จากปี 58 อยู่ที่ 4.1-4.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน  โดยในช่วงไตรมาส 1 ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน ผลจากเศรษฐกิจชะลอ ประกอบกับการเลือกตั้งที่ยังไม่เกิดขึ้น

   ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ 0.52% จากปีก่อน 0.29% โดยการเพิ่มบัญชีลูกค้าปีนี้ให้เป็น 9,000 บัญชี จากปัจจุบัน 4,000 บัญชี ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นลูกค้าอินเทอร์เน็ตและลูกค้าที่มาจากสาขาของธนาคาร ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ จะเพิ่มสาขาให้เป็น 8 สาขา จากปัจจุบัน 3-4 สาขา ประกอบกับจะเพิ่มมาร์เก็ตติ้งเป็น 90 คน จากปัจจุบัน 45 คน 

    กำไรบจ.ปีนี้คาดว่าจะโตมากกว่า 10% ชูหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งผลจากราคาที่ได้ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากแล้วกว่า 30-40% แต่กำไรสุทธิของกลุ่มสถาบันการเงินไม่ได้ปรับลดตามราคาหุ้น   แต่ควรเลี่ยงหุ้นกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง ประกอบกับต้นทุนค่อนข้างสูง

   แนะจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้น 30% และการลงทุนในกองทุนที่ไม่ใช่กองทุนหุ้นอีก 50% อีก 20% แนะถือเงินสด 

   ราคา LHBANK ปิดตลาดภาคเช้าที่ 1.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 3.95% มูลค่าการซื้อขาย 84.39 ล้านบาท

    บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ LHBANK เป็นบริษัทโฮลดิ้งและเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน  แบ่งได้ 4 กลุ่มประเภทธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์(LH Bank) กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน(LHFund)  กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์(LH Securities)   และกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

LHBANK ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้โต 10-15%,เล็งเพิ่มทุนรับสินเชื่อขยายตัว

      นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH Bank) ในกลุ่มบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี 59 เติบโต 10-15% โดยเน้นการขยายตัวของสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสูงถึง 16-20% จากแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่มากที่สุดอยู่ที่ 62% สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอี 17% และสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย 21%

     นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 8 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 59 ธนาคารมีสาขารวมทั้งสิ้น 134 สาขา จากสิ้นปีก่อนมี 126 สาขา อีกทั้งธนาคารตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 59 ไม่เกิน 2% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1.89%

      สำหรับ การเดินหน้าหาพันธมิตรของธนาคารนั้นยังเป็นภารกิจหลักที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของธนาคารในอนาคต แต่ที่ผ่านมาธนาคารยังไม่มีข้อสรุปออกมาอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามธนาคารก็พยายามทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตทั้งในส่วนของกำไร,สินเชื่อ รวมถึงมีการควบคุมหนี้ให้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการพัฒนาระบบเทรดไฟแนนซ์ของธนาคาร ซึ่งเป็นจุดเด่นที่พันธมิตรต่างชาติจะให้ความสนใจ

        "การหาพันธมิตรก็ยังเดินหน้าอยู่ แต่ก็เป็นปัจจัยที่ control ไม่ได้ เราก็พยายามแต่งตัวของบริษัทให้ดีก่อน ซึ่งทำให้เขาสนไจ แต่ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ ซึ่งเราก็มองพันธมิตรที่เข้ามานั้นต้องเข้ามาแบบ win-win ทั้งธนาคาร ผู้ถือหุ้น และพันธมิตรต้องได้สิ่งดีๆร่วมกัน"นางศศิธร กล่าว

     นางศศิธร กล่าวว่า ธนาคารมีแผนการเพิ่มทุนระดับหลักพันล้านบาทในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต ซึ่งทางธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อภายใน 3 ปี (ปี 59-61) ในระดับ 10-15% ต่อปี ซึ่งการที่สินเชื่อจะเติบโตในระดับดังกล่าวได้นั้นธนาคารจะต้องเพิ่มทุนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Teir 1) ให้อยู่ในระดับ 10.5-11% ตามนโยบายของธนาคาร ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ 10.5% แต่ถือว่าสูงกว่าข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดไว้ขั้นต่ำอยู่ที่ 8.5%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!