WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBอมรเทพ จาวะลาCIMBT เล็งลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือโตต่ำกว่า 3% มีความเสี่ยงขาลง-ส่งออกหด

    นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปรับคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้ลงจากคาดการณ์เดิมเดือนพ.ย.58 ที่คาดว่า GDP ของไทยจะเติบโตได้ราว 3.3% หลังเห็นความเสี่ยงขาลงค่อนข้างมาก จากตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนม.ค.59 ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ทั้งตัวเลขของการส่งออกติดลบต่ำกว่าที่คาด โดยคาดว่าน่าจะปรับคาดการณ์ดังกล่าวได้ราวต้นเดือนเม.ย.นี้ และมีความเป็นไปได้ที่ GDP จะอยู่ระดับต่ำกว่า 3%

    ทั้งนี้ คาดเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากจะมีโครงการลงทุนในหลายๆด้านของภาครัฐออกมามากขึ้น สนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนที่จะตามมา ซึ่งการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นจุดสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคิดเป็น 18% ของ GDP และภาครัฐ 6% ของ GDP

   นอกจากนี้ ทางสำนักวิจัยยังคงมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ที่ระดับ 1.50% ต่อปีตลอดทั้งปีนี้ โดยการดำเนินนโยบายการเงินอาจเปลี่ยนรูปแบบจากการลดดอกเบี้ยมาเป็นการผ่อนคลายมาตรการทุนเคลื่อนย้ายและสนับสนุนให้บาทอ่อนค่าเพิ่มเติม

    ขณะที่ให้จับตาดูความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีสูง ท่ามกลางความแตกต่างของนโยบายการเงินโลก ซึ่งจะเห็นชัดเจนขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ โดยจะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค. และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 14-15 มี.ค. และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้อันจะส่งผลให้ในบางช่วงมีเงินไหลเข้ามาตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้บาทแข็งค่าในบางขณะ แต่ในระยะยาว ยังเชื่อว่าบาทมีโอกาสอ่อนค่าได้อยู่ โดยคาดค่าเงินบาทปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และแนะให้จับตาท่าทีการดำเนินนโยบายของจีนที่อาจกระทบต่อการอ่อนค่าของเงินบาทได้ ซึ่งนักลงทุนควรป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้บ้างในปีนี้

   "ปีนี้ ยังมีความผันผวนทางเศรษฐกิจสูง จากความแตกต่างของนโยบายทางการเงินโลก ซึ่งล้วนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยมองว่าโอกาสที่จะเห็นเงินไหลออกก็ยังคงมีอยู่"นายอมรเทพ กล่าว

          อินโฟเควสท์

CIMBT ตั้งเป้าสินเชื่อปี 59 โต 15-25% จากปีก่อน,คุม NPL ต่ำกว่า 3.2%

      นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย  (CIMBT) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อปี 59 เติบโตได้ 15-25% จากปีก่อนทำได้ 4.3% และคาดการขยายเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จะเติบโตราว 15-25% เช่นกัน ขณะที่ธนาคารจะเน้นไปที่การเพิ่มรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะเติบโต 15-20% และเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เติบโต 5-10% รวมถึงรักษาอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากให้อยู่ระดับ 90-93% และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ต่ำกว่า 3.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 3.1%

     ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 190,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ราว 55,000 ล้านบาท ,ธุรกิจ SME ราว 50,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจลูกค้ารายย่อย

     ขณะเดียวกัน จะขยับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ให้มากกว่า 3.3% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.3% โดยเป็นระดับที่อยู่อันดับ 2 ของระบบธนาคาร

   "ปีนี้เศรษฐกิจโลกน่าจะยังคงอ่อนแอ และมีความผันผวน ส่วนเศรษฐกิจในประเทศไทย ก็มีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของภัยแล้ง ซึ่งหลายอุตสาหกรรมที่เรามองว่าจะได้รับผลกระทบ คือ อาหารทะเล ,สิ่งทอ เป็นต้น ฉะนั้นตัวแปรที่จะเข้ามากระตุ้น คือ การลงทุนของภาครัฐ และท่องเที่ยว โดยในสภาวะแบบนี้ เราก็คงจะเน้นในเรื่องของการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ หรือมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจรายย่อย ที่เราคงมีการปรับกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มนั้น ประกอบกับจะเน้นการขยายส่วนต่างดอกเบี้ย รวมถึงสร้างรายได้ที่ไม่ได้อิงดอกเบี้ย ให้เติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคงสานต่อกับพันธมิตรที่มีอยู่ เช่น เอไอเอส และก็มองหาพันธมิตรใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม"นายสุภัค กล่าว

    ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าใหม่อีก 2.85 แสนราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 6 แสนราย แบ่งเป็นลูกค้าเงินฝากรายใหม่ 2 แสนราย จากปัจจุบัน 4 แสนราย,ลูกค้าสินเชื่อรายใหม่  8.5 หมื่นราย จากปัจจุบัน 2 แสนราย ,ลูกค้าบัตรเครดิตรายใหม่ 3 หมื่นใบ จากปัจจุบันมีฐานลูกค้า 2.2 หมื่นใบ ลูกค้าบุคคลธนกิจ CIMB Preferred อีก 1.2 หมื่นราย จากปัจจุบัน 4.8 หมื่นราย

   ทั้งนี้ ในการดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจลูกค้ารายย่อยจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการทำธุรกิจ ควบคู่กับเครื่องมืออย่างอินเตอร์เน็ต แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ จะได้เห็นการต่อยอดธุรกิจและบริการบนนวัตกรรมธุรกรรมการเงิน Digital Solution Engagement หรือ DSE ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และจะมีการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างค่ายมือถือและร้านสะดวกซื้อ

   นอกจากนี้ ดิจิทัลแบงก์กิ้งของธนาคาร ภายใต้ชื่อ Beat Banking จะเพิ่มลูกค้าใหม่อีก 1 แสนรายในปีนี้ จากการเป็นพันธมิตรรายเดียวของ AIS และ AIS จะเพิ่มจำนวนจุดให้บริการในการรับเปิดบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์เป็น 170 แห่งในปีนี้

   นายสุภัค กล่าวว่า ธนาคารมีแผนจะเพิ่มลูกค้า Wealth Management โดยเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการลูกค้า ทั้งกองทุน หุ้นกู้ ไปจนถึง Structure Notes ผ่าน RM ที่เข้าใจความต้องการลูกค้า และใช้ระบบที่เข้ามาช่วยให้การให้คำปรึกษาสะดวกและรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการเป็นที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนให้แก่ลูกค้าทั่วไปมากขึ้น ผ่านสาขาที่ปรับโฉมให้เหมาะกับการให้คำปรึกษาทางการเงินมากขึ้น

   ธุรกิจลูกค้ารายกลาง หรือ SME นั้น ธนาคารอยู่ในช่วงปรับโฉมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและพัฒนาระบบงานต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและศูนย์ธุรกิจที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์เจาะลูกค้าเป็นรายกลุ่มวางแผนปล่อยสินเชื่อตามพื้นที่และอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างครบวงจร ทั้งวงเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ผลิตภัณฑ์สำหรับการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ตลอดจนผลิตภัณฑ์สำหรับบริหารความเสี่ยง และยังผลักดันให้ลูกค้าไปขยายธุรกิจในอาเซียนอีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรักษาการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างยั่งยืน

    สำหรับ ธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ ธนาคารตั้งเป้าหมายของการเป็นธนาคารทางเลือกของลูกค้าเรื่องอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากธุรกรรมที่เกิดขึ้นข้ามประเทศให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็นกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมดในปี 59 เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสของลูกค้าธุรกิจที่จะขยายตัวไปต่างประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งธนาคารจะใช้ความได้เปรียบของการเป็นเครือข่ายเดียวกันกับกลุ่มซีไอเอ็มบีผสานกับความเชี่ยวชาญของทีมงานเข้ามาสนับสนุนลูกค้าไทยไปลงทุนในอาเซียน

     ขณะที่ธุรกิจบริหารเงิน ในปี 59 จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์บริหารเงินและบริการต่างๆ ที่ช่วยบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนแก่ลูกค้า ด้วยความเป็นมืออาชีพ และมีการคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาภารกิจคือการสานต่อผลงานที่ได้ทำไว้ใน 58 ซึ่งเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของสายบริหารเงิน โดยสายบริหารเงินสามารถสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง และมีอัตราเติบโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้เป็นปีที่เศรษฐกิจชะลอตัวและมีความผันผวน ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของพนักงานในสายงานและหน่วยงานต่างๆของกลุ่มธนาคารและกลุ่มซีไอเอ็มบี รวมถึงการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาค

    "กลยุทธ์การดำเนินงานก็คงเป็นเรื่องของการก้าวไปข้างหน้า ในการที่จะเป็นผู้ให้บริการ ทั้งธุรกรรมทางการเงิน หรือตลาดทุน รวมถึงเรายังมีแผนที่จะพัฒนาในเรื่องของตลาดรอง เพื่อชิงมาร์เกตแชร์ และเป็นทางเลือกให้แก่บริษัทเอกชน"นายสุภัค กล่าว

   นายสุภัค กล่าวว่า ด้านการขยายสาขาไปยังอาเซียน ธนาคารมีแผนจะเปิดสาขาที่ประเทศเวียดนามในไตรสมาส 4/59 ทั้งหมด 2  สาขา ที่โฮจิมินห์และฮานอย โดยประเมินศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศเวียดนามในอนาคต เห็นได้จากช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) 6-7% ต่อปี คิดเป็นมูลค่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่อยู่ที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม มองว่าหากมีการขยายสาขาไปยังเวียดนามแล้ว ก็น่าจะเป็นการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยและลูกค้าอาเซียนที่ต้องการเข้าไปลงทุนได้อย่างมาก และน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้

 อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!