WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1EXIMBank

สมคิด สั่ง EXIMBank ทำแผนธุรกิจ 2-3 ปี เพิ่มบทบาทหนุนส่งออก ดันตั้งสาขาตปท.

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการระหว่างตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIMBank) ให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับฝ่ายบริหารของธนาคารในการทำแผนธุรกิจในช่วง 2-3 ปีจากนี้เพื่อเพิ่มบทบาทของธนาคาร และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของไทยมีการค้าขายกับต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเปิดสาขาในต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 สัปดาห์จากนี้

    นายสมคิด ระบุในที่ประชุมว่า ไม่อยากให้ EXIMBank กังวลเรื่องเป้าหมายของกำไรที่เคยเป็น KPI วัดผลการทำงานของธนาคารในช่วงก่อน แต่อยากเห็นธนาคารเป็นเครื่องมือที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือนักลงทุนในการลงทุนและส่งออกสินค้าไปต่างประเทศมากกว่า

    ที่ผ่านมาการสนับสนุนภาคธุรกิจไทยในการส่งออกและลงทุนต่างประเทศแทบไม่มีเลย ...ได้ฝาก รมว.คลังที่เป็นนายแบงก์มาก่อนให้มาช่วยเหลือในด้านนี้ และเรื่องนี้เองจะนำมาเป็นดัชนีชี้วัด (KPI) กับกรรมการผู้จัดการคนใหม่ที่จะได้รายชื่อภายใน 2 สัปดาห์นี้ด้วย" นายสมคิด กล่าว

     นายสมคิด กล่าวอีกว่า การวัด KPI ของกรรมการผู้จัดการคนใหม่ คือต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ธนาคารแข่งขันได้มากขึ้น มีบรรยากาศการทำงานที่คักคักขึ้นนั่นเอง โดยหลัก ๆ อยากให้มองไปที่ประเทศที่สามารถเข้าไปแข่งขันและเติบโตได้ อาทิ กลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม (CLMV) ศรีลังกา และอิหร่าน เป็นต้น โดยเชื่อว่ากระทรวงการคลังมีความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและรองรับแผนงานในทุกด้าน

      ด้านนายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือ EXIMBank ต้องมีแผนในการเพิ่มบทบาทการทำงานที่ชัดเจนโดยเฉพาะในเรื่องการส่งออกของไทยสืบเนื่องไปถึงอนาคต และที่ผ่านมาเห็นว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์างธนาคารได้ดำเนินการไปแล้วคือการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้า อันนี้ถือเป็นเรื่องดีและเป็นเรื่องที่แตกต่างจากสถาบันการเงินอื่น ๆ ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยการลดกำไรลง และไปเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้

   สำหรับ การเปิดสาขาในต่างประเทศนั้น ยืนยันว่า EXIMBank สามารถดำเนินการได้เลย โดยไม่ขัดกับกฎหมายการจัดตั้งธนาคาร เพราะกฎหมายมีการเปิดกว้างให้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว รวมทั้งควรเพิ่มบทบาทของธนาคารให้มีความยืนยาวและมีความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคส่งออกของประเทศให้มากขึ้นด้วย

   นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธาน EXIMBank เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมรับนโยบายและเร่งดำเนินงานโดยเร็วที่สุด โดยยืนยันว่า EXIMBank ไม่ได้ต้องการทำงานแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นการดำเนินงานตามปกติ สำหรับการขยายสาขาในกลุ่มประเทศ CLMV นั้นที่ยังไม่ได้เป็นการเปิดสาขาเต็มรูปแบบ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด

    อินโฟเควสท์

'สมคิด'สั่งรมว.คลัง ช่วย EXIM BANK ร่างแผนงานระยะ 3 ปี ภายใน 2-3 สัปดาห์ เล็งเจาะตลาดกลุ่มอาเซียน-อิหร่าน เหตุศก.กำลังโต

    สมคิด'สั่งรมว.คลัง ช่วย EXIM BANK ร่างแผนงานระยะ 3 ปี ภายใน 2-3 สัปดาห์  เล็งเจาะตลาดกลุ่มอาเซียน-อิหร่าน เหตุศก.กำลังโต แต่ยังขาดแบงก์ไทยอำนวยความสะดวก ฟากรมว.คลัง เผย กำลังช่วย EXIM BANK หามาตรการใหม่ช่วยผู้ส่งออก หลังแผนเครดิตดบ.ต่ำแบบเดิมเสี่ยงผิดกฎ WTO

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK พร้อมนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า ได้สั่งการให้รมว.คลังมาช่วยดำเนินการร่าง business Plan ของธนาคารในการสนับสนุนธุรกิจส่งออกให้ก้าวไปสู่การลงทุนในต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ธุรกิจไทยต้องการไปลงทุน และเป็นประเทศที่จะสร้างมูลค่าสูง เช่น อาเซียน ศรีลังกา อิหร่าน เป็นต้น  ขณะเดียวกันจะต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆที่มีความสามารถในการส่งออกเพิ่มมากขึ้นด้วย 

     “ขณะนี้ EXIM BANK ยังอยู่ระหว่างการสรรหาเอ็มดีคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้ภายใน 2สัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงได้ให้รมว.คลังมาช่วยดูแผนงาน หรือ ร่าง business plan 3 ปีว่าจะเดินหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งจะเป็นศักราชใหม่ของ EXIM BANK และจะตั้งเป็นเคพีไอใหม่ของธนาคารเลย โดยจะวัดเคพีไอจากความสามารถที่ธนาคารเป็นที่พึ่งของธุรกิจไทยที่ต้องการไปค้าขาย และหากต้องการลงทุนเราจะเป็นแหล่งพึ่งพิงในการลงทุนได้อย่างไร”นายสมคิด กล่าว

      ทั้งนี้ นายสมคิด ได้ยกตัวอย่างหลังจากที่ได้เดินทางไปประเทศศรีลังกาว่า จากการไปเยือนนั้นพบว่า มีธุรกิจไทยหลายกลุ่มที่ต้องการไปลงทุนในประเทศดังกล่าว แต่พบว่า ไม่มีสถาบันการเงินของไทยไปตั้งสาขาเพื่ออำนวยความสะดวกที่นั้น รวมไปถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ก็เช่นเดียวกัน สาขาหรือสำนักงานตัวแทนของ EXIM BANK ก็ไม่มี ซึ่งเป็นธนาคารที่ช่วยกลุ่มผู้ส่งออกโดยตรง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้คือโอกาสที่จะเดินหน้าและพาผู้ส่งออกไป 

    นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี คือ ต้องการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการที่จะออกมาช่วยเหลือนั้นจะรวมอยู่ในแผนงานด้วยว่าจะทำได้อย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่ใช่การทำแพคกิ้งเครดิต หรือ การให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก โดยให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 1-2% เนื่องจากผิดกติกาองค์การการค้าโลก หรือ WTO ดังนั้นมาตรการที่จะออกมานั้นจะต้องดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ให้มีความแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป 

      นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวว่า ใน 2-3 สัปดาห์ ธนาคารจะเสนอแผนงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกระยะ 3-5 ปีให้กระทรวงการคลังพิจารณาเบื้องต้น ว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกอย่างไร ขณะที่ข้อเสนอของรองนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้จัดตั้งสาขาในต่างประเทศนั้น คงไม่ใช่สาขาเต็มรูปแบบ เนื่องจากมีต้นทุนสูง มีในเรื่องกฎหมายที่ต้องศึกษา ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการนำเสนอในรูปของสำนักงานตัวแทนนั้นอาจมีความรวดเร็วและสะดวกมากกว่า ซึ่งจะมีการศึกษาถึงข้อดีข้อเสียว่าจะเป็นอย่างไรด้วย ก่อนที่จะเสนอให้กับคณะกรรมการธนาคารพิจารณา สำหรับเบื้องต้นที่จะดูนั้นคือ อาเซียน อิหร่านและศรีลังกา 

      สำหรับ ปีนี้ ธนาคารวางกรอบวงเงินปล่อยสินเชื่อไว้ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่กว่า 16,000 ล้านบาท และรายเล็กและกลางมากกว่า 19,000 ล้านบาท ส่วนการรับประกันตั้งไว้ที่ 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 60,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นในปีนี้ 3-4% และมีกำไร 1,200 ล้านบาท ขณะเดียวกันตั้งเป้าหมายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 6.52% จากปัจจุบันที่ 39,000 ล้านบาท

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

บี้เอ็กซิม บุกช่วยผู้ส่งออก SME แบงก์กำไร 2 เดือนโต

    ไทยโพสต์ : อารีย์ *'สมคิด' จี้เอ็กซิมเน้นช่วยเหลือนักลงทุนให้คึกคักส่งออก-ลงทุนต่างประเทศ สั่งลุยเปิดสาขาต่างประเทศ เอสเอ็มอีแบงก์ฟุ้ง 2 เดือน กวาดกำไร 341 ล้านบาท

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ เอ็มซิมแบงก์ ว่า ได้สั่งการให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับฝ่ายบริหารของธนาคารในการทำแผนธุรกิจในช่วง 2-3 ปีจากนี้ เพื่อเพิ่มบทบาทของธนาคาร และเพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของไทยมีการค้าขายกับต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 สัปดาห์จากนี้

     "การสนับสนุนภาคธุรกิจไทยในการส่งออกและลงทุนต่างประเทศแทบจะไม่มีเลย แล้วอย่างนี้จะเป็นเอ็กซิมแบงก์ได้อย่างไร ก็ได้ให้กลับไปดูเรื่องการเปิดสาขาในต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย ไปดูมาว่าจะเปิดแบบเต็มรูปแบบ หรืออย่างไร ซึ่งตรงนี้จะเป็นการรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ก็ได้ฝาก รมว.การคลังที่เป็นนายแบงก์มาก่อนให้มาช่วยเหลือในด้านนี้ และเรื่องนี้เองจะนำมาเป็นดัชนีชี้วัด (เคพีไอ) กับกรรมการผู้จัดการคนใหม่ที่จะได้รายชื่อภายใน 2 สัปดาห์นี้ด้วย" นายสมคิดกล่าว

     ทั้งนี้ อยากให้มองไปที่ประเทศที่สามารถเข้าไปแข่งขันและเติบโตได้ อาทิ กลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) ศรีลังกา และอิหร่าน เป็นต้น

     ด้านนางสาลินี วังตาล ประธานกรรม การ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็ม อีแบงก์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในเดือน ก.พ.2559 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท ทำให้ 2 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 341 ล้านบาท เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อมีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยรับเพิ่มและมีการควบคุมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับไม่สูงเกินไป โดยคาดว่าทั้งปีนี้ ธนาคารจะมีกำไรมากกว่าปี 2558 ที่ผ่านมาที่มีกำไร 1.3 พันล้านบาท

     ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นเดือน ก.พ.ลดลงมาจากเดือนก่อนหน้า 319 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นเดือน ก.พ. เอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.32 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 26.07% ของสินเชื่อรวม เป็นผลจากระบบการ บริหารติดตามคุณภาพลูกหนี้ของธนาคาร สามารถสกัดไม่ให้ลูกหนี้ตกชั้น รวมถึงธนาคารสามารถปรับโครงสร้างลูกหนี้ได้มากขึ้น.

'สมคิด'สั่งเอ็กซิมแบงก์ทำแผนเชิงรุก ช่วยผู้ประกอบการไทยลงทุนต่างประเทศ

   แนวหน้า : 'สมคิด'สั่ง 'อภิศักดิ์' ระดมสมองช่วย เอ็กซิมแบงก์ทำแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี  เพิ่มบทบาท เชิงรุก เปิดสาขาในต่างประเทศ ช่วยนักลงทุน ขยายกิจการ  พร้อมปั้นธุรกิจใหม่ๆทำตลาดส่งออกมากขึ้น

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ ว่า ได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ร่วมกับเอ็กซิมแบงก์ดำเนินการทำแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก 3 ปี (business plan) เพื่อเพิ่มบทบาทเชิงรุกสนับสนุนให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศ โดยจะต้องเปิดสาขาในต่างประเทศ  เช่น กลุ่มประเทศ CLMV หรือกลุ่มประเทศที่จะสร้างมูลค่าสูงอย่างศรีลังกา อิหร่าน ขณะเดียวกัน จะต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความสามารถในการส่งออกเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยจะต้องส่งแผนให้ รมว.คลัง พิจารณาภายใน 2-3 สัปดาห์นี้

       "การไปเปิดสาขาใหม่ยังต่างประเทศจะต้องมี เช่น พม่า หรือกลุ่ม CLMV ไม่ใช่มีแต่ธนาคารพาณิชย์ไปเปิดอย่างเดียว โดยขอให้ รมว.คลัง นำทางในการทำแผนเชิงรุกให้นักลงทุนไทยไปลงทุนยังต่างประเทศได้ โดยจะต้องหาทางทำให้เอ็กซิมแบงก์เข้มแข็งเหมือนกับเจแปนเอ็กซิมและ ยูเอสเอเอ็กซิม" นายสมคิด กล่าว

    อย่างไรก็ตาม แผนยุทธศาสตร์จะมาพร้อมกับกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์คนใหม่ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหา ซึ่งคาดว่าจะกรรมการผู้จัดการคนใหม่อีก 2 สัปดาห์นี้เช่นกัน เพื่อเดินหน้าควบคู่ไปกับการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว

      ด้านนายอภิศักดิ์กล่าวว่า แนวนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี คือ ต้องการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการที่จะออกมาช่วยเหลือนั้นจะรวมอยู่ในแผนงานด้วยว่าจะทำได้อย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่ใช่การทำแพ็กกิ้งเครดิต หรือ การให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก โดยให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 1-2% เนื่องจากผิดกติกาองค์การการค้าโลก (WTO) ดังนั้น มาตรการที่จะออกมานั้นจะต้องดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ให้มีความแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

      ด้านนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานกรรมการเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ใน 2-3 สัปดาห์ ธนาคารจะเสนอแผนงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ส่งออกระยะ 3-5 ปีให้กระทรวงการคลังพิจารณา แต่เบื้องต้นอาจจะอยู่ในรูปแบบของหน่วยงานที่ยังไม่ได้เปิดเป็นสาขาอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูง รวมทั้งยังมีในเรื่องของกฎหมายที่ต้องศึกษา ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน

       รายงานข่าวจากเอ็กซิมแบงก์ ระบุว่า ในปี 2559 ธนาคารตั้งเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และรายเล็กรวมถึงขนาดกลางกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าทำกำไร 1,200 ล้านบาท ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิด รายได้(เอ็นพีแอล) ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่อยู่ระดับ 6.52% ตามภาวะเศรษฐกิจ จากสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 5.43% ของยอดสินเชื่อรวม

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!