WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Kbankปรด ดาวฉายไพรเวทแบงค์กสิกรไทย ชูบริการบริหารความมั่งคั่งครอบครัว ตอกย้ำบริการครบวงจรเทียบเท่าสากล

     กสิกรไทยตอกย้ำผู้นำธุรกิจไพรเวทแบงค์ จับมือลอมบาร์ด โอเดียร์ เปิดบริการบริหารจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวแบบเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทย ฟอร์มทีมมืออาชีพให้คำปรึกษาและวางแผนให้ธุรกิจและสินทรัพย์ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างมั่นคงและยั่งยืน เผยลูกค้า 9,800ราย มีพอร์ตสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 7.6 แสนล้านบาท มั่นใจปีนี้รายได้โตอีก 22%

     นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมมือกับธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เปิดตัวบริการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning Service) ที่ครอบคลุมที่สุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับความต้องการด้านบริการวางแผนบริหารจัดการเงินและการลงทุนในครอบครัวที่มีสินทรัพย์และสมาชิกจำนวนมากที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวรับความท้าทายในการขยายธุรกิจ การเติบโตอย่างยั่งยืนและการส่งต่อธุรกิจครอบครัวสู่รุ่นต่อไป ซึ่งบริการนี้จะเป็นสิ่งยืนยันความแข็งแกร่งของบริการไพรเวทแบงค์ของธนาคาร ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกแง่มุมของชีวิต

      ทั้งนี้ ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกจากอังกฤษ ได้จัดทำ Attitudes Survey 2015 ในกลุ่มผู้มีสินทรัพย์สูง และออกรายงาน Wealth Trends 2015 ว่า 85% ของเศรษฐีทั่วโลกให้ความสำคัญกับการวางแผนเรื่องทายาทหรือผู้สืบทอดทั้งในเชิงธุรกิจและครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับลูกค้าเศรษฐีในประเทศไทย ที่พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นลำดับแรก และมีความกังวลเรื่องการสืบทอดความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อ ๆ ไปอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยจะเห็นได้ว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยล้วนเป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งธุรกิจครอบครัวทั่วโลกมีอัตราการอยู่รอดจนถึงรุ่นที่ 3 หรือ 4 น้อยมาก จนเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า ธุรกิจครอบครัวมักจะไปได้ไม่เกิน 3 ชั่วอายุคน ปัญหาที่พบบ่อยคือ ขาดการวางแผนบริหารจัดการที่ดีและยั่งยืน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

      นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สิ่งที่เป็นเสมือนดวงใจของลูกค้าทุกคนคือ ครอบครัว ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการช่วยสร้างความสบายใจ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไร้กังวลของลูกค้า จึงได้มีการพัฒนาบริการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวขึ้น ซึ่งเป็นบริการที่ใหม่มากในตลาดประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับทีมงานของธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ พันธมิตรที่มี

     ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เรื่องการจัดการทรัพย์สินครอบครัวมายาวนานกว่า 220 ปี เพื่อให้คำแนะนำลูกค้า ตั้งแต่ การวางแผนการบริการจัดการครอบครัว (Family Continuity Planning) การวางแผนการเงินและการบริหารความเสี่ยง (Financial, Liability and Risk Management) การวางโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินอย่างเป็นระบบ (Asset Holding Structure) การวางแผนการสืบทอดความมั่งคั่ง(Succession Planning) การสนับสนุนการดำเนินการสร้างสาธารณประโยชน์ (Philanthropy) และการจัดตั้งสำนักงานครอบครัว (Family Office)

       ทั้งนี้ การให้บริการการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ธนาคารกสิกรไทยจะมีบทบาทหลักในการเป็นที่ปรึกษาการวางแผนให้ลูกค้า โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของธนาคาร ซึ่งเป็นผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ในการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว อาทิ ด้านกฎหมาย ทรัพยากรบุคคล โดยพันธมิตรของธนาคารทุกรายนั้น เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับไพรเวทแบงค์เกอร์คนไทยเพื่อผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมครอบครับของคนไทยกับมาตรฐานการให้บริการที่เป็นสากลได้อย่างลงตัว

      ปัจจุบัน สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ (KBank Private Banking Division) ของธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำในธุรกิจไพรเวทแบงค์ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 42% และมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 22% โดยปัจจุบันมียอดรวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงรวมเป็น 7.6 แสนล้านบาท มีลูกค้าประมาณ 9,600 ราย จากทั้งหมดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 23,000 รายแบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20%

 

KBANK จับมือลอมบาร์ด โอเดียร์เปิดบริการ Family Wealth Planning Service

    นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เปิดตัวบริการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning Service) ที่ครอบคลุมที่สุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับความต้องการด้านบริการวางแผนบริหารจัดการเงินและการลงทุนในครอบครัวที่มีสินทรัพย์และสมาชิกจำนวนมากที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวรับความท้าทายในการขยายธุรกิจ การเติบโตอย่างยั่งยืนและการส่งต่อธุรกิจครอบครัวสู่รุ่นต่อไป ซึ่งบริการนี้จะเป็นสิ่งยืนยันความแข็งแกร่งของบริการไพรเวทแบงก์ของธนาคาร ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกแง่มุมของชีวิต

     ทั้งนี้ ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกจากอังกฤษ ได้จัดทำ Attitudes Survey 2015 ในกลุ่มผู้มีสินทรัพย์สูง และออกรายงาน Wealth Trends 2015 ว่า 85% ของเศรษฐีทั่วโลกให้ความสำคัญกับการวางแผนเรื่องทายาทหรือผู้สืบทอดทั้งในเชิงธุรกิจและครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับลูกค้าเศรษฐีในประเทศไทย ที่พบว่าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นลำดับแรก และมีความกังวลเรื่องการสืบทอดความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อ ๆ ไปอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยจะเห็นได้ว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยล้วนเป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งธุรกิจครอบครัวทั่วโลกมีอัตราการอยู่รอดจนถึงรุ่นที่ 3 หรือ 4 น้อยมาก และปัญหาที่พบบ่อยคือ ขาดการวางแผนบริหารจัดการที่ดีและยั่งยืน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

       นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่า สิ่งที่เป็นเสมือนดวงใจของลูกค้าทุกคน คือ ครอบครัว ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการช่วยสร้างความสบายใจ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไร้กังวลของลูกค้า ธนาคารจึงได้มีการพัฒนาบริการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวขึ้น ซึ่งเป็นบริการที่ใหม่มากในตลาดประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับทีมงานของธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เรื่องการจัดการทรัพย์สินครอบครัวมายาวนานกว่า 220 ปี เพื่อให้คำแนะนำลูกค้า ตั้งแต่ การวางแผนการบริการจัดการครอบครัว , การวางแผนการเงินและการบริหารความเสี่ยง , การวางโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินอย่างเป็นระบบ , การวางแผนการสืบทอดความมั่งคั่ง , การสนับสนุนการดำเนินการสร้างสาธารณประโยชน์  และการจัดตั้งสำนักงานครอบครัว

       ทั้งนี้ การให้บริการการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว KBANK จะมีบทบาทหลักในการเป็นที่ปรึกษาการวางแผนให้ลูกค้า โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของธนาคาร ซึ่งเป็นผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ในการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว อาทิ ด้านกฎหมาย ทรัพยากรบุคคล โดยพันธมิตรของธนาคารทุกรายนั้น เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับไพรเวทแบงค์เกอร์คนไทยเพื่อผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมครอบครับของคนไทยกับมาตรฐานการให้บริการที่เป็นสากลได้อย่างลงตัว

     ปัจจุบัน สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ (KBank Private Banking Division) ของ KBANK เป็นผู้นำในธุรกิจไพรเวทแบงค์ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 42% และมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 22% โดยปัจจุบันมียอดรวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงรวมเป็น 7.6 แสนล้านบาท มีลูกค้ากว่า 9,000 ราย จากทั้งหมดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 23,000 ราย แบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20%

KBANK คงเป้าสินเชื่อทั้งปี 59 โต 5-7% หลังสินเชื่อรายใหญ่ยังเติบโตตามคาด

     ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK มั่นใจสินเชื่อรวมปีนี้ ยังเติบโตได้ตามเป้าหมายเดิมที่ 5-7% หลังสินเชื่อรายใหญ่เติบโตได้ดีจากการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่กันมากขึ้น  พร้อมยอมรับการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่กระทบต่อรายได้ธนาคารและระบบธนาคารพาณิชย์ รอประเมินผลกระทบที่ชัดเจนหลัง 15 มิ.ย. ขณะที่กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่งผลกระทบต่อธนาคาร ทำให้ต้องเร่งขาย NPA ที่มีกว่า 1 หมื่นล้านบาท  ซึ่งมีสาระสำคัญัดังนี้

     ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดย นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ให้ข้อมูลในงานแถลงกลยุทธ์และเปิดบริการใหม่ Family weath Planning สายงานธุรกิจบริการไพร์เวทแบงก์ โดยมั่นใจเป้าสินเชื่อรวมของธนาคารในปี 59 จะเติบโต 5-7%  ตามเป้าหมายเดิม โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาสินเชื่อรายใหญ่มีการเติบโตที่ดี จากการที่มีธุรกิจขนาดใหญ่  มีการซื้อกิจการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้สินเชื่อครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและการกระตุ้นของรัฐบาล โดยเฉพาะการลงทุนโครงการขนาดใหญ่

    "ปีนี้เรายังไม่ปรับเป้าสินเชื่อแต่อย่างใด เพราะเรามั่นใจว่า 5-7% ที่วางไว้จะเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะความต้องการใช้เงินมีเพิ่มมากขึ้น"นายปรีดี กล่าว

    สำหรับ โครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ ที่สมาคมธนาคารไทย จะได้หารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 15 มิ.ย. นี้  ที่ทางสมาคมจะร่วมกับธปท.เปิดเผยข้อมูลโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ โดยยอมรับว่า โครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่จะกระทบต่อรายได้ทั้งของธนาคาร และระบบธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยและรายได้ดอกเบี้ย แต่ส่วนใหญ่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเติบโตมากกว่า อย่างไรก็ตามธนาคารต้องรอประเมินผลโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ที่ชัดเวน ว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ธนาคารมากน้อยแค่ไหน  ซึ่งอาจทำให้ธนาคารต้องหาทางในการบริหารต้นทุน เช่น การปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อประคองไม่ให้รายได้ดังกล่าวกระทบต่อผลการดำเนินงานมากนัก

       และหลังจากการที่รัฐบาล เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยอมรับว่า ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องเร่งระบายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มากขึ้น แต่ต้องเป็นการขายในราคาที่เหมาะสม โดยปัจจุบัน ธนาคารมี NPA วงเงิน  10,000 ล้านบาท

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!