WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กนง.ชี้ดอกเบี้ยต่ำไม่ช่วยการบริโภคฟื้นตัว การเมืองถ่วงเศรษฐกิจหัวทิ่ม

   แนวหน้า : บอร์ดกนง.มีมติคงดอกเบี้ย 2% อ้างภาวะการเงินไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ เพราะปัจจัยหลักที่กดดันเศรษฐกิจคือปัญหาการเมืองที่ยังเสี่ยงสูง การลงทุน ท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น คาดจีดีพีปี57 โตไม่ถึง 2.7% ด้านหอการค้าชี้ไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาขับเคลื่อน เศรษฐกิจแย่ หลายธุรกิจชะลอตัวไม่กล้าลงทุน

    นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557 ว่าที่ประชุมมีมติ 6:1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% เนื่องจากมองว่าภาวะการเงินไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่ายในประเทศ และนโยบายการเงินในปัจจุบันยังผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

    ทั้งนี้ มีกรรมการ 1 ท่านเห็นควรลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%เพื่อความต่อเนื่องของการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการ จะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาแรงสนับสนุนต่อเศรษฐกิจให้เพียงพอ

    โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินในปัจจุบันมีความผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และภาวะการเงินไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่ายในประเทศ ปัจจัยกดดันเศรษฐกิจหลักยังเป็นเรื่องของการเมือง ดังนั้น จึงไม่สามารถตอบได้ว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยังเพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต ซึ่งจากการสอบถามความเห็นของผู้ประกอบการทางธุรกิจ ก็ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า กังวลความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจมากที่สุด ไม่ใช่กังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้นแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภคให้ฟื้นตัว

     นอกจากนี้ มีความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2557 มีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ จากการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ชะลอลง จากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ขณะที่การส่งออกสินค้าค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจนเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ แต่จะไม่สามารถชดเชยการหดตัวดังกล่าวได้ ทำให้จีดีพีปี 2557 ขยายตัวต่ำกว่า 2.7 %ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการกนง.ครั้งหน้าในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ก็จะมีการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง

    "การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ก็มีการตอบสนองปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ทำให้ต้นทุนการเงินของภาคเอกชนและประชาชนลดลง แต่อย่างไรก็ตามมองว่าการประกอบธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องขึ้นกับความมีเสถียรภาพทางการเมืองด้วย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยยังติดลบ ซึ่งเป็นประเทศเดียวในอาเซียน แตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้านการประชุม กนง.ในครั้งหน้า จะพิจารณาถึงการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ โดยจะประเมินจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบอยู่ในขณะนี้ และจะต้องประเมินถึงความเหมาะสมเป็นครั้งคราวไป" นายไพบูลย์ กล่าว

     นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการไม่มีรัฐบาลถาวรทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่1 ปีนี้ขยายตัวติดลบ 1% และในช่วงไตรมาสที่ 2 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวไม่เกิน 1% ทำให้ตลอดทั้งปีจีดีพีของประเทศ จะขยายตัวไม่เกิน 2.5% ซึ่งเป็นไปตามที่หลายหน่วยงานประเมินและหากสถานการณ์ทางการเมือง มีความผันผวนขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น เพราะจะทำให้ธุรกิจหลายประเภทชะลอตัวลงอีก อาทิ ธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากขาดความเชื่อมั่น ไม่มั่นใจที่จะลงทุน

    ดังนั้น หอการค้าไทยจะเร่งสนับสนุนการค้าชายแดนให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีการกำหนด และวางยุทธศาสตร์ สนับสนุนการค้าชายแดนอย่างจริงจัง ทดแทนการค้าในภาพรวม ที่ได้รับผลกระทบจาภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่ชะลอตัว โดยการเร่งพัฒนาจุดผ่อนปรนให้เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร เพื่อเพิ่มปริมาณการค้า และการท่องเที่ยว เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมโลจิสติกส์ ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ เร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญให้มีกิจกรรมทางการค้าให้มากขึ้น และเพิ่มกิจกรรมการจัดแสดงสินค้าเจรจาธุรกิจบริเวณชายแดน พัฒนาความสัมพันธ์การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การค้าชายแดนยังคงขยายตัวได้ 7.23 %คิดเป็นมูลค้ากว่า 99,200 ล้านบาท 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!