WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOA-Prasarnผู้ว่า ธปท.คาดสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ปี 58 โต 5-6%

    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในปี 58 จะยังขยายตัวได้ในระดับ 5-6% แม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณปริมาณสินเชื่อชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับอัตราเพิ่มขึ้นของเงินฝาก ซึ่งเป็นภาระของธนาคารพาณิชย์ที่จะต้องเร่งปรับตัวแข่งขันในการปล่อยสินเชื่อเพื่อไม่ให้กระทบกับรายได้ เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของธนาคารมาจากการปล่อยเชื่อ ขณะที่เงินฝากที่เพิ่มขึ้นก็จะเป็นรายจ่ายภาระดอกเบี้ย

    หากเกิดภาวะสินเชื่อชะลอตัวลงเมื่อเทียบปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเหนื่อยหน่อย ขยันทำมาหากินมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ผู้ประกอบการขายของไม่ได้ ความจำเป็นที่จะขยายกิจการก็ไม่เกิด ทำให้ไม่มีความต้องการได้เงินสินเชื่อเพิ่ม"นายประสาร กล่าว

    ทั้งนี้ ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่โตได้ 5-6% เป็นระดับที่ไม่น่าห่วง ซึ่งอาจจะชะลอในส่วนที่เป็นสินเชื่อภาคธุรกิจ เพราะบางบริษัทหันไปออกหุ้นกู้ ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แต่การปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ยังขยายตัวได้ดี โดยในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 8-9%

ผู้ว่าธปท. เผยมีโอกาสเสี่ยงศก.ไทย ปีนี้ โตต่ำกว่า 3% หลังภัยแล้งรุนแรง ส่วนแนวโน้มเฟดขึ้น ดบ.ระบุ ตลาดเงิน-ตลาดทุน ตอบรับข่าวล่วงหน้าไปแล้ว

    ผู้ว่าธปท. เผยมีโอกาสเสี่ยงศก.ไทย ปีนี้ โตต่ำกว่า 3% หลังภัยแล้งรุนแรง สั่งจับตาใกล้ชิด พร้อมคงเป้าส่งออกปีนี้ ติดลบ 1.5% ชี้ เงินบาทอ่อนค่าช่วยส่งออกระยะสั้น ลั่นหากจะผลักดันจีดีพีปีนี้ ให้โต 4-5% ได้ต้องเร่งผลักดันการลงทุนให้ขยายตัว 26% จากปัจจุบันที่ 20% ส่วนแนวโน้มเฟดขึ้น ดบ. ระบุ ตลาดเงิน-ตลาดทุน ตอบรับข่าวล่วงหน้าไปแล้ว  มั่นใจไทยมีเครื่องมือดูแลได้

   นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.ยอมรับว่าจากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้เสี่ยงต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 3% ซึ่งธปท.ยอมรับว่า ปัญหาภัยแล้งมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งธปท.จะจับตาอย่างใกล้ชิด

     สำหรับ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และต่ำสุดในรอบ 6 ปีที่ 34.18 บาทต่อดอลลาร์ นั้น มองว่าส่งผลดีต่อภาคการส่งออกในระยะสั้น โดยมองว่าจะช่วยให้ภาคการส่งออกมีรายได้ในรูปเงินบาทเพิ่มสูงขึ้น  และยังไม่น่ากังวลเนื่องจากเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ส่วนธปท.จะปรับประมาณการขยายตัวของการส่งออกใหม่หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังคงประมาณการไว้ที่ -1.5%

    ทั้งนี้ ยอมรับว่า หากพิจารณาจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล ค่าเงินบาทควรแข็งค่าขึ้น แต่ภาวะเกินดุลนั้นเกิดจากภาคเอกชนไม่ลงทุน และราคาน้ำมันปรับตังลดลงมาก จึงทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศสูงและเกิดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นจำนวนมาก

    นายประสาร กล่าวว่า ทั้งนี้หากจะเร่งผลักดันให้จีดีพีเติบโตได้เต็มศักยภาพ 4-5% ได้ภาครัฐจะต้องเร่งเพิ่มสัดส่วนงบประมาณในการลงทุนโดยรวมให้ได้อยู่ที่ 26% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ทั้งนี้ คาดว่า จะเสนอแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้คลังได้ในส.ค.

   ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ตลาดมีการรับรู้ข่าวสารล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อมั่นว่า ไทยมีมาตรการและเครื่องมือในการรองรับ ทั้งการดูแลในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความยืดหยุ่น และเงินสำรองระหว่างประเทศ    

   "ยังยืนยันว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนั้น ไม่มีปัญหากับการปล่อยสินเชื่อจนทำให้การขยายตัวของสินเชื่อติดลบ เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังขนายตัวได้ 5-6% ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 3% " ผู้ว่า ธปท. กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!