WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ธปท.เผยบาทแข็งวันนี้ หลังเฟดย้ำคงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป-คงเป้าจีดีพีปีนี้โต 1.5%

    ธปท.เผยบาทแข็งค่าวันนี้ เพราะมีแรงเทขายดอลล์ หลังเฟดย้ำคงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป พร้อมยังคงเป้าจีดีพีปีนี้โต 1.5% ชี้หากจะโตสูงกว่า 2%ต้องลุ้น 3เรื่อง ลงทุนเอกชน-เบิกจ่ายภาครัฐ-ศก.โลกดีกว่าที่คาด

    นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยถึง สถานการณ์ค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาที่ระดับ 32.20 บาทต่อดอลลาร์ว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เมื่อเทียบกับ 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้าที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ บริเวณ  32.30 บาทต่อดอลลาร์  ซึ่งเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ได้ เปิดเผยรายงานการประชุมของ FOMC ซึ่งส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่เฟดจะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกระยะหนึ่ง

    ส่วนอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินภูมิภาค รวมถึงบาทแข็งค่าขึ้น คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีในประเทศอินโดนีเซีย ที่ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ บ่งชี้ว่านายโจ โค วิโดโด จะได้รับชัยชนะ ซึ่งนักลงทุนมองว่านายโจ มีภาพลักษณ์ที่ดี หากเข้ามารับตำแหน่งนี้การเมืองจะมีเสถียรภาพดีขึ้น ทำให้ส่งบวกต่อค่าเงินภูมิภาค

     สำหรับ กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายต่างประเทศ ยืนยันว่า ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังมั่นใจในการลงทุนตลาดตราสารหนี้ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)แต่ทั้งนี้มีบางช่วงที่อาจมีเงินไหลออกบ้าง จากแรงเทขายทำกำไร เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีฯ ได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าได้มีการทำกำไรไปแล้วระยะหนึ่ง จึงทำให้มีเงินไหลออกบ้าง

     อนึ่ง เช้าวันนี้ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 32.14-32.15 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานที่ปิดตลาดที่ 32.24-32.35 บาทต่อดอลลาร์ และเป็นการแข็งค่าในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมามาก หลังเฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยในระดับต่ำ ส่งผลให้ค่าเงินภูมิภาค รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ 

     นางรุ่ง กล่าวต่อว่า ธปท.ยังคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ที่ 1.5% ตามสมมติฐานเดิม เนื่องจากต้องรอปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวมากกว่า 2% ขึ้นไป จะต้องอาศัยปัจจัย 3 ด้าน คือ 1.การลงทุนภาคเอกชนที่มาจากนโยบายการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ 2.การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และ 3.เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้

     "เราคงค่ากลางจีดีพีปีนี้ทั้งปีที่ 1.5% ไปก่อน เพราะเรายังเห็นภาพไม่ชัดโดยเฉพาะไตรมาส 2 ที่ตอนนี้เห็นแค่ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.แต่ถ้ามีมาตรการอะไรเข้ามาเพิ่มเติมก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะโตได้มากกว่านี้ โดยหากจะให้จีดีพีโตกว่า 2% ในแต่ละไตรมาสเศรษฐกิจจะต้องโตเฉลี่ยไตรมาสละ 4% ตอนนี้”นางรุ่ง กล่าว

     นางรุ่ง กล่าวเพิ่มเติม ในส่วนของการลงทุนภาครัฐ ยอมรับว่า ต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน เพราะต้องมีการตรวจสอบ ความโปร่งใส ดังนั้น หากจะให้จีดีพีขยายตัวได้ถึง 2%ภาครัฐจะต้องสร้างนโยบายที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ โปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนแทนภาครัฐไปก่อน เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนไม่ต้องรอการตรวจสอบ สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากมีสถานะการเงินที่พร้อม และเริ่มมีความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองน้อยลงด้วย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!