WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOAจนทวรรณ สจรตกล copyธปท. ยัน เงินบาทไม่ได้แข็งค่าไปกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค แต่เตือนเอกชนป้องกันความเสี่ยง เหตุยังมีความผันผวน

     ธปท.เผยค่าเงินบาทไม่ได้แข็งค่ามากกว่าภูมิภาค ต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่าราว 3% ระบุยังดูแลใกล้ชิดตามเครื่องมือที่มีอยู่ พร้อมแนะเอกชนป้องก้นความเสี่ยงค่าเงิน

  นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในช่วงนี้ว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้นประมาณ 3% ซึ่งก็ไม่ได้แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค โดยยังมีสกุลอื่นที่แข็งค่ากว่าเงินบาท เช่น เงินของมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ระดับความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนเพียงปานกลาง เป็นผลจากการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเข้าดูอัตราแลกเปลี่ยนของ ธปท.

   ทั้งนี้ ธปท.ได้เตือนภาคธุรกิจ ให้ทำป้องกันความเสี่ยง เพื่อป้องกันความเสียหายจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะมีความผันผวน เคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าในส่วนของเงินกู้จากต่างประเทศ มีการทำป้องกันความเสี่ยงในสัดส่วนประมาณ 60-70% ขณะที่ธุรกิจส่งออกและนำเข้า มีการทำป้องกันความเสี่ยงในสัดส่วนประมาณ 20-30%

  อนึ่ง ค่าเงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ 34.92-34.93 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดที่ 34.97-34.98 บาทต่อดอลลาร์ โดยเกิดจากกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ส่วนพรุ่งนี้คาดค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์

  ด้านสถานการณ์เงินทุนจากต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งเป็นการไหลเข้าในช่วงดือน ก.ค. ส่วนตลาดพันธบัตร มียอดการไหลเข้าสุทธิราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการไหลเข้าในช่วงเดือนก.ค.ประมาณ 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสที่เงินทุนจากต่างชาติ จะไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากสัดส่วนการถือครองพันธบัตรของต่างชาติ ยังอยู่ในระดับต่ำ สาเหตุที่เงินทุนไหลเข้าเกิดจากมุมมองของนักลงทุนต่อทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเปลี่ยนไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!