WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOAดอน นาครทรรพธปท.มองศก.ไทย ต.ค.ชะลอลง หลังท่องเที่ยว-บริโภคหดตัว มั่นใจทั้งปียังโต 3.2%

    ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2559 ว่า ขยายตัวในอัตราชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนในหมวดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการท่องเที่ยวแผ่วลงด้วย สำหรับมูลค่าการส่งออกในเดือนนี้หดตัว การนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ขยายตัว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนหดตัวจากการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ และภาคการก่อสร้างที่หดตัวต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเล็กน้อยตามราคาอาหารสดที่ปรับลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง

       การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวดีต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลของมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ ด้านรายได้จัดเก็บของรัฐบาลขยายตัวสูงจากระยะเดียวกันปีก่อนจากรายได้ที่มิใช่ภาษีเป็นสำคัญ ขณะที่รายได้จากภาษีขยายตัวชะลอลงตามภาษีมูลค่าเพิ่มสอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวลงในเดือนนี้

    ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายและการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการทำ visa on arrival นอกจากนี้ การเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยที่ลดลงส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะในหมวดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรมและภัตตาคาร การขนส่งผู้โดยสาร นอกจากนี้รายได้ภาคเกษตรกรรมที่แม้ขยายตัวได้แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

      มูลค่าการส่งออกสินค้า เดือนตุลาคม 2559 หดตัวร้อยละ 4.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนหดตัว  มูลค่า  17,630 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวร้อยละ 3.6 โดยเป็นการหดตัวในหลายหมวดสินค้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุปสงค์ที่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

      สำหรับ มูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวร้อยละ 7.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน มูลค่า  5,836 ล้าน เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากไม่รวมการนำเข้าทองคำ มูลค่าการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 2.6 ตามการขยายตัวในหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ส่งผลดุลการค้า เกินดุล 1,794 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกันยายนที่เกินดุล 3,721 ล้านเหรียญสหรัฐ  ดุลบัญชีเดินสะพัด  เกินดุล 2,875 ล้านเหรียญ จาก กันยายนที่ เกินดุล 2,929 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากมูลค่าการนำเข้ายังอยู่ในระดับต่ำ และดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ตามรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเกินดุล

      ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามราคาอาหารสดในหมวดผักและผลไม้ที่ปรับลดลงเนื่องจากปัญหาภัยแล้งคลี่คลาย โดยอยู่ที่ 0.34% ลดลงจากกันยายน. ที่อยู่ 0.38% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน  0.74% ทรงตัวใกล้เคียงกันยายนที่อยู่ 0.75%  ตามต้นทุนโดยรวมที่ทรงตัว และอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ตามการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ปรับลดลงโดยเฉพาะแรงงานสวนยางพาราในภาคใต้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

     นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเพิ่มเติมว่าา เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 3.2% เหมือนที่เคยคาดการณ์ไว้ เพราะทางรัฐบาลมีมาตรการช้อปช่วยชาติออกมากระตุ้นการบริโภคช่วงปลายปี ซึ่งจะมีผลกระตุ้นการบริโภค ถึงแม้ว่าจะมีการดึงเม็ดเงินในอนาคตมาใช้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเคยใช้ได้ผลดีมาแล้วช่วงปลายปี 58 และช่วงสงกรานต์ปี 59

     ส่วนของการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ธปท. ประเมินว่าจะกระทบมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งจากเดิมที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง 2 แสนคนในปีนี้ ซึ่งหากผลกระทบยืดเยื้อนานเกิน 3-6 เดือนอาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องถึงปีหน้า โดยทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการทบทวนเศรษฐกิจไทยอีกครั้งนวันที่ 21 ธ.ค. นี้ แต่ก็ยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้น่าจะกระทบมากกว่าที่เคยคาดไว้เดิม

    สำหรับ การส่งออก ประเมินปีนี้จะหดตัวน้อยกว่าที่เคยคาดไว้เดิมว่าจะติดลบ 2.5% หลังจาก 10 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกหดตัวไป 1.5% โดยทิศทางการส่งออกในหลายอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรรวม เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ที่ภาคการส่งออกเริ่มกลับมาฟื้นตัว สอดคล้องกับการนำเข้าที่ขยายตัวสูงถึง 7.4% มาจากการนำเข้าสินค้าทุนที่กลับมาขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตามการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคการก่อสร้างขยายตัวได้ต่ำ แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเมื่อการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!