WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOAดอน นาครทรรพ copyธปท.คาดศก.ไทยครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก หวังทั้งปีโตตามเป้า 3.5% พร้อมคงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% โดยครึ่งปีหลังคาดโต 2.7%

          นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งปะรเทศไทย แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิถุนายนและไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน 2560 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยการส่งออกขยายตัวดีในหลายหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดี สอดคล้องกับอุปสงค์ต่างประเทศที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านการใช้จ่ายในประเทศ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากการใช้จ่ายในหมวดบริการและสินค้าคงทน อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวตามการลงทุนภาคก่อสร้าง การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวตามรายจ่ายลงทุน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวตามการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ยังไม่ดี และการระบายสินค้าคงคลังของบางอุตสาหกรรม

  โดยการส่งออกสินค้ามูลค่าขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 7.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน และหากหักทองคำขยายตัวร้อยละ 9.9 ตามการขยายตัวในหลายหมวดสินค้า ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวร้อยละ 12.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน และหากหักทองคำ ขยายตัวร้อยละ9.0 ตามการขยายตัวในหลายหมวด ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4,283 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดือนก่อนที่เกินดุล 1,130 ล้านเหรียญสหรัฐ

  เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายหมวดบริการตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนที่ขยายตัวตามการซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี ปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อโดยรวมยังไม่เข้มแข็งมาก โดยแม้รายได้ของผู้บริโภคปรับดีขึ้นทั้งในและนอกภาคเกษตรกรรม แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงจากความกังวลด้านแนวโน้มราคาสินค้าเกษตร และด้านโอกาสในการหางานทำในอนาคต ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนยังระมัดระวังการใช้จ่าย ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวเล็กน้อย ตามเครื่องชี้การลงทุนในภาคก่อสร้างที่หดตัวจากยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างโดยเฉพาะในธุรกิจพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม

  ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป มิถุนายน 60 ติดลบ ร้อยละ 0.05 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ติดลบ ร้อยละ 0.04 ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และราคาอาหารสดที่ลดลงโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากในปีนี้ และผลของฐานสูงเพราะภัยแล้งในปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.45 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน

  สำหรับ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/60 มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีและทั่วถึงมากขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจ แม้จะชะลอลงตามรายจ่ายลงทุนและการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนที่ขยายตัวสูงในไตรมาสที่ 1/60 ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนค่อนข้างทรงตัว โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดีขึ้น ช่วยชดเชยการลงทุนในภาคก่อสร้างที่หดตัว ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว ส่วนหนึ่งจากการระบายสินค้าคงคลังของบางอุตสาหกรรม ประกอบกับการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศยังหดตัว

  ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงต่อเนื่องตามราคาอาหารสด จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากในปีนี้และฐานสูงเพราะภัยแล้งในปีก่อน ส่วนอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวในระดับต่ำเท่ากับไตรมาสก่อน ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องตามรายรับจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น

  นายดอน กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยไตรมาส 1/60 ขยายตัว 3.3% โดยคาดว่าไตรมาส 2/60 จะทรงตัวจากไตรมาส 1/60 อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าหากต้องการให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.5% เศรษฐกิจครึ่งปีหลังต้องขยายตัวถึง 3.7%

  “การบริโภคในประเทศและลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว แต่ยังมองว่าการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัว โดยไตรมาส 1/60 หดตัวไป 1.1% ซึ่งทั้งปียังคงไว้ที่ 1.8% อย่างไรก็ตาม ตัวที่สนับสนุน คือ การลงทุนภาครัฐ และ การส่งออก โดยในครึ่งปีแรกส่งออกขยายตัว 7.4% ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัว 2.7% ซึ่งยังคงเป้าหมายส่งออกในปีนี้ขยายตัวที่ 5%”นายดอน กล่าว

  สำหรับ ค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับสกุลเงินในภูมิภาค และ ไทยไม่ได้สูญเสีย หรือ กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันทางด้านส่งออก โดยได้แนะนำให้ภาคเอกชน หรือ ผู้ส่งออกควรทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน(แฮดจิ้ง)

  ส่วนทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ ธปท.ยังมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ แม้ตลาดโดยรวมคาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เนื่องจากภาครวมเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาพที่ฟื้นตัวได้ดี แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยให้น้ำหนักไว้จะไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการ

  สำหรับ สถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสานขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งน้ำท่วมในอดีตที่ผ่านมา เช่น ภาคใต้ ผลกระทบจะมีความรุนแรงมากกว่าอีสาน เนื่องจากภาคใต้เป็นฐานการผลิตยางพารา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลกระทบจากน้ำท่วมจะเป็นเพียงระยะสั้น หลังจากน้ำลดก็จะมีการซ่อมบ้านเรือนและ ที่อยู่อาศัยในภายหลัง

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!