WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1019 TRINITY Natthachart

‘ทรีนีตี้’ มองหุ้นเดือนพ.ค.แบ่งเป็น 2 ช่วง ครึ่งเดือนแรกสดใสก่อนเลือกตั้ง - คลายล็อคหลังประชุมเฟด ส่วนครึ่งเดือนหลังระวังแรงขาย โดยเฉพาะช่วง 1 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง และการลดความเสี่ยงก่อนการประชุมกนง. ให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1500-1630 จุด แนะถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมก่อนหน้านี้ เพื่อคาดหวังการขายทำกำไรช่วงหลังการเลือกตั้ง

          นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนพฤษภาคม 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม คาดการณ์ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรก จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายใน มองไปยังปรากฏการณ์ Election rally ที่มักเกิดขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งจริงราว 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มหุ้น Domestic ขึ้นมาได้ ส่วนในฝั่งของปัจจัยต่างประเทศนั้น มองไปยังปรากฏการณ์ Buy on Fact ที่น่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุม FOMC วันที่ 3 พ.ค. เนื่องจากประเมินว่าการประชุมครั้งนี้มีโอกาสน้อยที่จะเกิดเหตุการณ์ Surprise ในทางลบ จากการที่จะไม่มีการเผยแพร่ประมาณการ Dot plots รอบใหม่ออกมา รวมถึงโทนของ Statement และการให้สัมภาษณ์ของนาย Jerome Powell ที่ไม่น่าจะมีทิศทาง Hawkish มากนักแล้ว ในภาวะที่ระบบธนาคารสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนอยู่ รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนพ.ค. โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วราว 1 สัปดาห์ แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่สามารถก่อให้เกิดกรณีที่พรรคแกนนำสามารถรวมเสียงได้เกิน 375 ที่นั่ง หากเป็นเช่นนี้ คาดว่าอาจเห็นปรากฏการณ์ Sell on fact ในตลาดเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้ราว 1 สัปดาห์ คล้ายกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นอกจากนั้น ในส่วนของปัจจัยด้านนโยบายการเงิน หากที่ประชุมกนง.ในวันที่ 31 พ.ค.มีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% ไปอยู่ที่ 2.00% จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ PE Contraction ขึ้นในตลาดได้ ส่งผลให้ระดับ PE Multiple ที่เหมาะสมในตลาดจะถูกลดทอนลงมาจนกระทบกับระดับ SET ที่เหมาะสมในกรณีต่างๆ ด้วยเช่นกัน

          ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมมาก่อนหน้านี้ เพื่อคาดหวังการขายทำกำไรในช่วงกลางเดือนพ.ค. หรืออย่างช้าหลังจากการเลือกตั้งราว 1 สัปดาห์ โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำถือครองยังคงได้แก่ กลุ่มภาคบริการของไทยที่ยังคงเห็น Demand แข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ และมักอยู่ในธีม Election rally ในอดีต อย่างกลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) โรงพยาบาล (BH, BDMS) และค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC) ผสมผสานกับกลุ่มหุ้นที่มีธีมสนับสนุนในช่วง 1 เดือนข้างหน้า อย่างเช่น หุ้นที่ทางบล.ทรีนีตี้คำนวณว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปซึ่งได้แก่ TLI และ WHA ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเลือกตั้งที่อาจเป็นสีสันสำหรับการเก็งกำไรในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน มองไปยัง SC, SIRI, PR9 เป็นต้น

          นายณัฐชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์อื่นนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นที่น่าติดตามในเดือนพ.ค.นี้ได้แก่ 1. ปฏิกิริยาของราคาน้ำมันดิบ หลังเริ่มต้นมาตรการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ รอบใหม่เป็นจำนวน 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน 2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 4 พ.ค. ตลาดคาด ECB จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% 3. การประกาศรายชื่อสมาชิกชุดใหม่ของดัชนี MSCI ในวันที่ 11 พ.ค. 4. การประกาศผลประกอบการ 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ และแนวโน้มการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคาดการณ์ EPS ของตลาดและ Valuation ของดัชนี 5. พัฒนาการของหุ้น STARK เกี่ยวกับการส่งงบฯ และ 6. พัฒนาการของหุ้น DELTA หลังการแตกพาร์ ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อดัชนีได้

 

 

A5049

Click Donate Support Web  

MTL 720x100

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!