WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GBSวลาสน'โกลเบล็ก'ชี้หุ้นไทยฟื้นรับนโยบายกระตุ้นการบริโภค ลุ้นทำ Window Dressing ก่อนปิดงบสิ้นปี-แนะกรอบดัชนี 1,250 – 1,300 จุด

      กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยเด้งรับมาตรการภาษีกระตุ้นการบริโภค เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ในการซื้อสินค้าและบริการ บวกกับเม็ดเงินจากการซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบสิ้นปี แนะกรอบดัชนี 1,250 – 1,300 จุด ด้านราคาทองมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อโดยให้แนวรับ 1,045- 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,100-1,105เหรียญต่อทรอยออนซ์

      น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคได้แก่การให้ลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการระหว่าง 25 - 31 ธันวาคมนี้ เป็นนโยบายเพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่เป็นการลดหย่อนภาษีสำหรับการท่องเที่ยว และที่พักโรงแรมในประเทศ ระหว่าง 16 ธันวคม 2557 - 31 ธันวาคม 2558

    อีกทั้ง ยังมีเม็ดเงินจากการซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบปลายปีนี้ของนักลงทุนสถาบัน

    ส่วนปัจจัยที่มองว่ายังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งส่งผลกระทบกับ Fund flow  รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากภาวะอุปทานล้นตลาด โดยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในปี 2559

                ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,250 – 1,300 จุด และมีปริมาณการซื้อขายเบาบางลง เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF-RMF และการทำ Window dress ก่อนปลายปีจะเป็นแรงหนุนไม่ให้ดัชนีปรับลงลึกมาก

      ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโรงแรม ได้ประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวและราคาน้ำมันที่ลดลง ช่วยให้ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลง แนะนำ AOT,  BA ,AAV,  THAI,  CENTEL และ MINT เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีก ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการจับจ่ายใช้สอยปลายปี และมาตรการภาษีกระตุ้นการใช้จ่าย แนะนำ HMPRO BIGC ROBINS  CPN,  COM7 และ SPVI

      สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า เพราะกังวลกรณี  เฟด มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 15-16 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50%  ซึ่งการปรับลงแรงของราคาทองได้ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้ามาเก็งกำไรในทองคำ

     ประกอบกับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติว่าจะยังคงใช้นโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราราว 80 ล้านล้านเยนต่อปีผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ และธนาคารกลางเยอรมนีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

   อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงเล็กน้อยจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจากรายงานตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนทองคำแต่คาดว่าจะเป็นการพักตัวช่วงสั้นก่อนขึ้นรอบใหม่เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรค่าเงินก่อนที่จะถึงเทศกาลวันหยุดยาว

     ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคจะฟื้นตัวจากฐานแนวรับDOUBLE BOTTOM  ด้วยการต่อยอดขาขึ้นด้วยแท่งเทียน BULLISH ขึ้นมาผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน และค่าสัญญาณ RSI  ที่ปรับขึ้นจากการเกิดสัญญาณขัดแย้งขาขึ้นขณะที่มีการหักล้างสัญญาณ DEAD CROSS ทำให้ราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อตามแนวรูปแบบ W-SHAPE โดยให้แนวรับ 1,045- 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,100-1,105 เหรียญต่อ ทรอยออนซ์

เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย : บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด

ในนาม บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด :  รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

เกสสุดา ฤทธิมาศ (อิ้ว) 089-692-6137 , กิตติคุณ  พิษาจารย์(โอ๊ต) 089-989-6896

โทร: 02-943-2681   E-mail : Pr.mediaPlanner@gmail.com , media-planner@hotmail.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!