WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GBSวลาสน'โกลเบล็ก' ให้กรอบดัชนีหุ้นไทยปีหน้า 1,190 – 1,510 จุด ชู KTB เด่นจาก P/BV ต่ำ Yield สูง AOTรับแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว

    กรุงเทพ – บล.โกลเบล็ก ระบุตลาดหุ้นไทยปี59 ผันผวนต่อ จากแรงกดดัน เฟด จ่อขึ้นดอกเบี้ย บวกกับเศรษฐกิจ จีน ยุโรปชะลอตัว กระทบส่งออก แนะจับตาการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวมั่นคง ผลักดัน EPS ของบจ.ขยับสูงขึ้น และหนุนให้หุ้นไทยมีระดับ P/E ถูกกว่าตลาดประเทศอื่น หวังดูดเม็ดเงินฝรั่งกลับ แนะกรอบดัชนีหุ้นไทยปีหน้า 1,190-1,510 จุด ชูหุ้นกลุ่มแบงก์ KTB เด่นจาก P/BV ต่ำ Yieldสูง รองลงมาอิเล็กทรอนิกส์ รับอานิสงส์บาทอ่อน และกลุ่มท่องเที่ยว AOT รับแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มลงต่อ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่  800-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์

    น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปี 2559 จะมีความผันผวนสูงต่อเนื่องจากปี 2558 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ฟื้นตัวดีขึ้น  โดยคาดว่าในปี 2559 ธนาคารกลางสหรัฐจะทยอยปรับอัตราดอกเบี้ย  FED  Fund  Rate ขึ้นครั้งละ 0.25% จำนวน 4 ครั้ง รวม 1.00%  ซึ่งส่งผลให้กระแส Fund flow มีความผันผวนสูง

    ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ เช่น จีน ยุโรป ยังคงชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางการส่งออกของประเทศไทย อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเป็นแรงหนุนให้ดัชนี SET สามารถรีบาวด์ขึ้นได้

     นอกจากนี้ คาดว่า Fund flow ต่างชาติจะยังไม่ไหลเข้า เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และทำให้ Fund flow ที่ไหลเข้าอาจขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้  นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังต้องรอภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพเพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนให้สูงขึ้น และหนุนให้หุ้นไทยมีระดับ P/E ถูกกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเพื่อดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าลงทุนอีกครั้ง

    นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด  แนะนำ กลยุทธ์การลงทุนปี 2559    โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ระดับ  1,190 – 1,510 จุด อิงสมมติฐาน GDP ปี 2559 ขยายตัว 4% ซึ่งมีความเป็น ไปได้สูง และจะช่วยหนุน EPS ของบริษัทจดทะเบียนและดัชนี SETให้สูงขึ้น จากการกระตุ้น เศรษฐกิจภาครัฐผ่านการประมูลโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะเร่งตัวมากขึ้นในปี 2559 อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนต่อภาคการส่งออก

     อย่างไรก็ตาม ปี 2559 ก็ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา เช่น  การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลกระทบ ต่อ fund flow และความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก บวกกับภาวะเศรษฐกิจไทยยังต้องรอการฟื้นตัวที่ชัดเจน รวมทั้งปัญหา NPL และภาระหนี้สินสูงของภาคครัวเรือนจากสัดส่วนหนี้สินที่อยู่ระดับสูง ประกอบกับเหตุก่อการร้ายที่เป็นภัยคุกคามการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน

       ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในปี 2559  แนะนำซื้อสะสมช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,200 – 1,250 จุด โดยเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารเลือกหุ้นที่ P/BV ต่ำ และมี Dividend Yield สูง แนะนำ KTB เด่นสุด รองลงมากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ได้อานิสงส์จากแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว แนะนำ AOT

       อย่างไรก็ตาม แนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนในกลุ่มที่ทำธุรกิจนำเข้าหรือกลุ่มที่มีหนี้ต่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐสูง เช่น THCOM  PTTEP

        สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด  เปิดเผยว่า  ทิศทางราคาทองคำในปี 2559 จะยังมีแนวโน้มปรับลงต่อแต่จะไม่รุนแรงมากเท่ากับปีที่ผ่านมาหลังราคาปรับลงแรงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2556 โดยกรอบแกว่งตัวในกรอบ 800-1,300  เหรียญต่อทรอยออนซ์  โดยมีปัจจัยที่กดดันราคาทองมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2559 หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2558 ออกมามีแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยมีการประเมินว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอีกโดยเฉลี่ยไตรมาสละครั้ง (จากการคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์ หรือราว 1% ในปีหน้า 

       อีกทั้ง การออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของธนาคารกลางยุโรปจะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินยูโรจากปัจจัยข้างต้นที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวสร้างแรงหนุนต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันทองคำ  อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ได้สร้างความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติพันธมิตรฝั่งตะวันตกนำโดยสหรัฐฯจะทำให้มีเงินลงทุนบางส่วนย้ายเข้ามาในทองคำเพื่อลดความเสี่ยง

       รวมถึงการเข้าสะสมทองคำของจีนโดยล่าสุดทองคำสำรองของจีน ณ สิ้นเดือนพ.ย.2558 อยู่ที่ 56.05 ล้านออนซ์ (ราว 1,743 ตัน) เพิ่มขึ้น 670,000 ออนซ์ (ราว 21 ตัน) จาก ณ สิ้นเดือนต.ค. ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพของมูลค่าของเงินหยวนเพื่อรองรับมติไอเอ็มเอฟที่จะเพิ่มสกุลเงินหยวนเป็นหนึ่งในสกุลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2559 จะสร้างปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ ดังนั้นทิศทางของราคาทองคำในปี 2559 จะยังมีความเสี่ยงที่จะปรับลงต่อแต่จะลดความรุนแรงลง        

      ดังนั้น จึงมองว่ากลยุทธ์การลงทุนในทองคำควรเน้นการลงทุนไปทางด้านเปิดสถานะ SHORT เพื่อเล่นรอบในทิศทางของขาลง โดยจะเป็นการรอเปิดสถานะ SHORT ช่วงที่ราคาทองมีการฟื้นตัวเพื่อลดความเสี่ยงระยะสั้นของราคาทองที่ปรับลงมามากนับแต่ปี 2556 โดยให้แนวรับ  800- 740 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน  1,300 -1,390  เหรียญต่อทรอยออนซ์

เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย : บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด

ในนาม บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) :  รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

เกสสุดา ฤทธิมาศ (อิ้ว) 089-692-6137 , กิตติคุณ  พิษาจารย์ (โอ๊ต) 089-989-6896                                                                                                                                            

โทร: 02-943-2681   E-mail : Pr.mediaPlanner@gmail.com , media-planner@hotmail.com                                                                    

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!