WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร และแนวโน้ม 'บ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)' ที่'A+/Stable'

    ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ'A+'ด้วยแนวโน้ม Stable หรือ 'คงที่' โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการสนับสนุนทางการเงินที่เข้มแข็งกลุ่ม ExxonMobil ตลอดจนผลงานของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ที่มีประสิทธิภาพและครบวงจร รวมถึงธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความผันผวนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต'Stable'หรือ'คงที่'สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ExxonMobil ต่อไปซึ่งจะช่วยรองรับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศไทยเอาไว้ได้ สำหรับระยะ 1-2 ปีข้างหน้านั้น โอกาสที่บริษัทจะได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความผันผวนของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสที่จะลดระดับลงหากบริษัทไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่ม ExxonMobil หรือหากกลุ่ม ExxonMobil ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

    บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือ ExxonMobil บริษัทบริหารจัดการโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 1 แห่งจากทั้งหมด 24 แห่งของ ExxonMobil ที่มีอยู่ทั่วโลก บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2437 และเริ่มดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมันในปี 2514 ณ  เดือนมีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย กลุ่ม ExxonMobil ในสัดส่วน 66% และกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในสัดส่วน 7% บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) ด้วยกำลังการกลั่นสูงสุดที่ 174,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดในประเทศไทย บริษัทจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ให้แก่กลุ่มลูกค้าพาณิชย์และจำหน่ายผ่านสถานีบริการในเครือข่าย โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 มีสถานีบริการน้ำมันที่บริหารงานภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่” จำนวน 519 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตและจำหน่ายสารอะโรเมติกส์โดยมีโรงงานเชื่อมต่อกับโรงกลั่นน้ำมันด้วย โรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทมีกำลังการผลิตสารพาราไซลีน (Paraxylene – PX) จำนวนทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี

    สถานะทางธุรกิจของบริษัทสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ซึ่งทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการเลือกผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีระหว่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และด้วยเทคโนโลยีและการดำเนินงานตามปรัชญาของ ExxonMobil จึงส่งผลให้โรงกลั่นของบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงกลั่นชั้นนำที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก และมีหน่วยผลิตที่มีความพร้อมสูง นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากเครือข่ายของ ExxonMobil ที่มีอยู่ทั่วโลกในการจัดหาน้ำมันดิบและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วย ในปี 2556 ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่บริษัทกลั่นได้ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 36.7% น้ำมันเบนซิน 16.8% รีฟอร์เมต (Reformate) 13.0% น้ำมันเตา 9.7% น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน 9.0% และอื่น ๆ 14.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำมันผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันของบริษัทมากเป็นอันดับ 3

     สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ซึ่งเป็นผลจากความผันผวนของราคาน้ำมันและอุปทานส่วนเกินของ PX ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 รายได้ของบริษัทลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 เป็น 175,446 ล้านบาท จาก 181,293 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากผลของราคาน้ำมันและราคา PX ที่ลดลง รวมถึงจากปริมาณการจำหน่ายที่ลดลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ในเดือนมิถุนายนและกลางเดือนกันยายน ยอดขายของบริษัทในสัดส่วน 90% มาจากธุรกิจการกลั่นและจัดจำหน่ายน้ำมัน ส่วนที่เหลืออีก 10% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 4,536 ล้านบาท โดยบริษัทมีค่าการกลั่นลดลงจาก 4.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เป็นติดลบ 0.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ซึ่งทำให้ธุรกิจการกลั่นและจัดจำหน่ายน้ำมันของบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงาน 2,917 ล้านบาท

     สำหรับ อัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมีนั้นยังคงได้รับผลกระทบจากอุปทานส่วนเกินของ PX ซึ่งทำให้ส่วนต่างของราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์และราคาต้นทุนวัตถุดิบลดลง ธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัทจึงมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,619 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 คาดว่าจะทำให้บริษัทขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 นั้นคาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบจะลดลง 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยลดลงจากราคาเฉลี่ยที่ 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนกันยายน 2557 มาอยู่ที่ประมาณ 61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนธันวาคม 2557 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่ลดลงจากผลของราคาน้ำมันดิบที่ถูกลง

    ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทมีเงินกู้รวม 37,732 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ อย่างไรก็ตาม เงินกู้ของบริษัทในสัดส่วนประมาณ 48% เป็นเงินกู้ที่ได้รับจากกลุ่ม ExxonMobil โดยสัดส่วนนี้เพิ่มจากประมาณ 0.5% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งการสนับสนุนจากกลุ่ม ExxonMobil นี้ช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทสำหรับการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้รายอื่น นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากกลุ่ม ExxonMobil มูลค่า 54,000 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เบิกใช้ โดยวงเงินนี้จะหมดอายุในปี 2559 และจะได้รับการต่ออายุแบบออกไปอีก 3 ปี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 66.9% และคาดว่าอัตราส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี 2557 จากการลดลงของส่วนผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผลจากการขาดทุนสต็อกน้ำมันในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินกู้รวมจะไม่เพิ่มขึ้นจากระดับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มในการใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลง ทริสเรทติ้งเห็นว่าความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังคงเหมาะสมกับระดับอันเครดิตในปัจจุบันเนื่องจากการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากกลุ่ม ExxonMobil ในช่วงปี 2558-2560 คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะค่อย ๆ ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่และอยู่บนสมมุติฐานว่าราคาน้ำมันดิบจะไม่ลดลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เฉลี่ยมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี

บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO)

อันดับเครดิตองค์กร:   A+

แนวโน้มอันดับเครดิต:                Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด

     การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!