WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GOLD คาดรายได้ กำไรปีนี้โตก้าวกระโดด หลังควบ KLAND ตั้งเป้าติด TOP5 อสังหาฯในปี 61 ดันยอดขายรวมแตะ 3 หมื่นลบ.

   GOLD คาดรายได้ปีนี้แตะ 8 พันลบ. หลังควบรวม KLAND ส่วนกำไรเติบโตก้าวกระโดดตามรายได้ เตรียมขายกอง REIT มูลค่า 1 หมื่นลบ. ใน Q2/58 พร้อมตั้งเป้าติด TOP5 อสังหาฯในปี 61 ดันยอดขายรวมแตะ 3 หมื่นลบ. และเตรียมเปิด 13 โครงการใหม่ปีนี้ มูลค่ารวม 1 หมื่นลบ. ตั้งงบซื้อที่ดิน 2.7 พันลบ.

 นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD คาดรายได้ปีนี้แตะ 8,000 ล้านบาท หลังจากควบรวมกับ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ KLAND ทำให้พอร์ตการพัฒนาโครงการแนวราบของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำให้สินทรัพย์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 20,774 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 12,580 ล้านบาท จึงทำให้รายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดหรือเติบโตเป็น 111% จากปี 2557 ที่คาดทำรายได้ 3,800 ล้านบาท  

 นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดจะจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (RIET) โดยการนำอาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์ ของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV โดยคาดว่าจะเตรียมขายได้ในช่วงไตรมาส 2/2558 โดยอาคารปาร์คเวนเจอร์ฯ นั้นเป็นอาคารสำนักงานที่มียุทธศาสตร์ที่ตั้งโดดเด่น โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส และตั้งอยู่ใจกลางศูนย์ธุรกิจ อีกทั้งยังมีอัตราค่าเช่าอยู่ในลำดับต้นของประเทศทั้งสองอาคารและยังมีโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2559 ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากโครงการเชิงพาณิชย์เพิ่มสูงขึ้น  

 โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขอจัดตั้งกองทรัสเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ภายในไตรมาส 1/58 ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำอาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ และอาคารสาทรสแควร์ ขายเข้ากองทุนนี้

 "ปัจจุบันบริษัทฯเตรียมเอกสารเพื่อยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต. และหลังจากนั้นคาดว่าจะขายได้ในช่วงไตรมาส 2/58 โดยมีมูลค่ากองทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท และหลังจากที่ได้เงินจากการขายแล้วจะนำกลับไปลงทุนในกองทุนประมาณ 30% หรือคิดเป็น 3 พันล้านบาท และนำไปชำระเงินกู้อีกประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปซื้อที่ดินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน" นายธนพล กล่าว

  นายธนพล กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทฯในปีนี้ จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นไปตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นแตะ 8,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการควบรวมกับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน หรือ KLAND ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 35% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 12-15%

 นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าจะขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ได้แก่ โครงการสนามกอล์ฟพาโนรามา เขาใหญ่ และที่ดินติดทะเลจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2/58 ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยจะนำรายได้ที่ได้มาใช้ในการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์และแนวราบตามแผนของบริษัทฯ

 โดยความท้าทายต่อไปของบริษัทฯ ไม่ได้อยู่ที่การพลิกฟื้นผลประกอบการให้เป็นกำไรอีกต่อไป แต่เป็นการตั้งเป้าหมายใหม่ในการเติบโตสู่การเป็นผู้นำอสังหาฯ 5 อันดับแรกของประเทศภายในปี 2561 และคาดการณ์ว่าบริษัทฯจะมียอดขายรวมกว่า 30,000 ล้านบาทในอีก 4 ปีข้างหน้า  

 "ผลประกอบการยังคงดำเนินตามแผนบันไดทอง 3 ขั้น (2556-2558) โดยเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พลิกฟื้นกลับมาทำกำไรก่อนเป้าหมาย ซึ่งเดิมตั้งเป้าว่าจะกลับมาทำกำไรในปี 2558 นับเป็นการพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรหลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 6 ปี ทั้งนี้คาดรายได้ปี 2557 จะมีรายได้ 3,800 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีรายได้ 1,594 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเติบโตกว่า 138%"นายธนชัย กล่าว

 ด้านนายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ โกลเด้นท์แลนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่ม บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 2 โครงการ ไตรมาส 2 จำนวน 5 โครงการ ไตรมาส 3 จำนวน 5 โครงการ และไตรมาส 4 จำนวน 1 โครงการ

 โดยเมื่อรวมโครงการของ KLAND แล้ว ทำให้บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้างมากถึง 33 โครงการ นับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และในปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 2,700 ล้านบาท เพื่อรองรับกับการเปิดโครงการดังกล่าว

 "ภาพรวมอสังหาฯ ในปีนี้กลุ่มผู้บริโภคในตลาดไฮเอน มีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อน้อยกว่าฐานะทางการเงินระดับกลาง แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ก็จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของตลาดกลุ่มนี้น้อยกว่า เนื่องจากการใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้บริษัทฯยังมองเห็นปัจจัยบวกที่ส่งผลโดยตรงต่ออสังหาฯ แนวราบ ได้แก่ อัตราการเพิ่มของราคาวัสดุก่อสร้างคงที่ การลดลงของราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง และอัตราการเปิดตัวคอนโดฯ มีแนวโน้มชะลอตัว และโครงการที่เปิดใหม่มีราคาสูงเกินกว่ากลุ่มระดับกลางจะสามารถซื้อได้"นายแสนผิน กล่าว  

  นายแสนผิน กล่าวต่อว่า หลังการได้ควบรวมกับ KLAND แล้ว ทำให้บริษัทฯมีสินค้าที่ตอบสนองได้ครบทุกกลุ่มในตลาด ตั้งแต่ระดับกลางถึงไฮเอนที่มีราคาตั้งแต่ 2-20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการพัฒนาโครงการแนวราบในปี 2558 ไว้ที่ 7,280 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 200% จากปี 2557 ที่มีรายได้จากโครงการแนวราบที่ 2,300 ล้านบาท

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.

GOLD ตั้งเป้ารายได้ปี 58 สูงเป็น 8 พันลบ.และกำไรสุทธิโตกระโดดจากปี 57

    นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) ตั้งเป้ารายได้ปี 58 เพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดจาก 3.8 พันล้านบาทในปี 57 โดยเป็นรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 7.28 พันล้านบาท ส่วนอีก 1 พันกว่าล้านบาทมาจากรายได้ค่าเช่าอาคารสำนักงาน

    และกำไรสุทธิน่าจะโตอย่างก้าวกระโดดทิศทางเดียวกับรายได้ที่คาดว่าปีนี้เติบโต 111% ยังไม่นับรวมการขายที่ดินเปล่า 2 แปลงมูลค่ารวมประมาณ 900 ล้านบาท เป็นที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่และที่ดินติดทะเลใน จ.กระบี่ คาดว่าจะขายได้ในช่วงไตรมาส 2/58 หากขายที่ดินดังกล่าวได้ก็จะทำให้รายได้ปีนี้สูงขึ้นไปแตะที่ 9 พันล้านบาท

  พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายแตะระดับ 3 หมื่นล้านบาทในปี 61 หลังได้เข้าถือหุ้น 20.32% ใน บมจ.กรุงเทพบ้านและที่ดิน(เคแลนด์) ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนโครงการแนวราบมากขึ้น โดยเมื่อรวมโครงการของบริษัทและเคแลนด์แล้วจะทำให้ปี 58 มีโครงการที่อยู่ระหว่างขายและก่อสร้างถึง 33 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 15 แห่ง ทาวน์เฮ้าส์ 18 แห่ง

   ส่วนปี 58 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 9 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอนจำนวน 800 ล้านบาท มาจาก GOLD จำนวน 650 ล้านบาท ส่วนเคแลนด์มีจำนวน 150 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้

   "หลังจากซื้อเคแลนด์เข้ามา เราได้ทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญเข้ามาอยู่ใน GOLD ทั้งหมด มองว่าการรวมกับเคแลนด์เป็นซินเนอร์ยี่ที่มี Product ที่ต่างกัน ปัจจุบัน เคแลนด์ถือเป็นบริษัทลูก 100% แต่ยังใช้แบรนด์เดิม เพราะมีฐานลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว การซื้อเคแลนด์จะมาช่วยเสริม GOLD ให้ในปี 61 จะเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขึ้นเป็นผู้นำ 5 อันดับแรกของประเทศ โดยคาดว่าใน 4 ปีข้างหน้าจะมียอดขายรวมกัน 3 หมื่นล้านบาท"นายธนพล กล่าว

   ในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.28 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นของ GOLD มี  11 โครงการ ส่วนเคแลนด์มี  2 โครงการเป็นบ้านเดี่ยว ทั้งนี้จะเปิดตัวในไตรมาสแรก 2 โครงการ, ไตรมาส 2 จำนวน 5  โครงการ, ไตรมาส 3 จำนวน 5 โครงการ ส่วนไตรมาสสุดท้ายจะเปิด 1 โครงการ ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้จำนวน 2.7 ล้านบาท เป็นที่ดินกรุงเทพ ราว 7 แปลง

   นายธนพล กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายขยายโครงการในต่างจังหวัด และยังไม่มีนโยบายปรับราคาขายโครงการ แม้ว่าราคาวัสดุก่อสร้างทรงตัวหรือลดลง แต่ราคาที่ดินสูงขึ้นราว 8% ทำให้ราคาขายทรงตัว

   สำหรับ โครงการ FYI ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานในซอยไผ่สิงโต มูลค่าโครงการ 5,000 ล้าน คาดก่อสร้างเสร็จไตรมาส 1/59 และน่าจะมีการรับรู้รายได้ค่าเช่าในปี 59

    นายธนพล กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมเอกสารยื่นไฟลิ่งการจัดตั้งกอง REIT มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในไตรมาส 1/58  และจัดตั้งและขายกอง REIT ที่มีสินทรัพย์เป็นโครงการสาทรสแควร์-ปาร์คเวนเจอร์ในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษภายในปีนี้ เงินที่ระดมทุนได้จะใช้ 3 พันล้านบาทเข้าไปถือ 30% ในกอง REIT และจะใช้ชำระหนี้ 3 พันล้านบาทจากที่ใช้เงินกู้ซื้อเคแลนด์ และที่เหลือใข้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หลังจากนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) จะปรับลงระดับต่ำกว่า 1 เท่าจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 เท่า

อินโฟเควสท์

GOLD คาดยื่นไฟลิ่งกอง REIT ภายในไตรมาส 1/58 มูลค่ากองทุน 1 หมื่นลบ.

   นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขอจัดตั้งกองทรัสเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ภายในไตรมาส 1/58 ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำอาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ และอาคารสาทรสแควร์ ขายเข้ากองทุนนี้

    "ปัจจุบันบริษัทฯเตรียมเอกสารเพื่อยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต. และหลังจากนั้นคาดว่าจะขายได้ในช่วงไตรมาส 2/58 โดยมีมูลค่ากองทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท และหลังจากที่ได้เงินจากการขายแล้วจะนำกลับไปลงทุนในกองทุนประมาณ 30% หรือคิดเป็น 3 พันล้านบาท และนำไปชำระเงินกู้อีกประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปซื้อที่ดินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน" นายธนพล กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!