Details

Category: บริษัทจดทะเบียน

Published: Tuesday, 13 January 2015 22:21

Hits: 2206

SEAOIL คาดกำไรสุทธิปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% ลุยซื้อแหล่งขุดเจาะ หวังดันสัดส่วนรายได้แตะ 70% ในปี 59

    SEAOIL คาดกำไรสุทธิปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนโตต่ำเป้า เตรียมขยายฐานลูกค้า มาเลย์-อินโดฯ-สิงคโปร์ เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อแหล่งขุดเจาะเพิ่มอีกหลายแห่ง คาดสรุปปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล หวังดันสัดส่วนรายได้แตะ 70% ในปี 59 ขณะที่ยังไม่มีแผนเข้า SET

 นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทฯ ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยจะมาจากการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีดีมานด์สูง ประกอบกับราคาขายจะมีมาร์จิ้นสูงกว่าปกติเล็กน้อย

 นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรจากการเข้าลงทุนในธุรกิจขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียมในบริษัท แพนโอเรียนท์ เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรสุทธิราว 20-30% ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 49%

 ส่วนกำไรสุทธิปี 2557 ยอมรับว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 20% จากปี 2556 ที่ทำได้ 80.54 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเติมเข้ามา จากการศึกษาเพื่อซื้อหลุมขุดเจาะ โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่ากำไรสุทธิ ปี 2557 จะเติบโตกว่าปี 2556 อย่างแน่นอน

 กรรมการผู้จัดการ SEAOIL กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้อย่างน้อย 1 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้ธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ซีออยล์ ซึ่งในปี 2559 หลังจากที่มีการรวมงบของบริษัท แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอร์ยี่ เข้ามาเต็มปี จะทำให้สัดส่วนรายได้และกำไรจากธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมอยู่ในระดับมากกว่า 70% ซึ่งยังไม่รวมกับแหล่งสำรวจและขุดเจาะใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างเจรจา

 "เราตั้งใจที่จะผลักดันให้ธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลัก เพราะมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 30% ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงลูกค้าทางทะเลมีอัตรากำไรสุทธิเพียง 2% เท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีการเจรจาหลายแหล่งทั้งในและต่างประเทศ ขนาดปริมาณสำรองการผลิตน้ำมันตั้งแต่ 100 บาร์เรลต่อวัน จนถึงมากกว่า 10,000 บาร์เรลต่อวัน"นางสาวนีรชา กล่าว

 สำหรับ เงินทุนที่จะใช้ในการซื้อแหล่งขุดเจาะจะมาจากเงินสด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 400-500 ล้านบาท และเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E อยู่ 0.31 เท่า โดยมีนโยบายไม่เกิน 3 เท่าของทุน หรือสามารถกู้ได้ถึง 2-3 พันล้านบาท รวมไปถึงหากแหล่งขุดเจาะที่จะซื้อมีขนาดใหญ่ก็อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มทุน

 ทั้งนี้ ในเบื้องต้นนโยบายการซื้อธุรกิจสำรวจและขุดเจาะของบริษัทฯจะเป็นลักษณะการเข้าไปร่วมถือหุ้น แต่ไม่ได้มีการกำหนดสัดส่วนไว้ โดยจะพิจารณาในแต่ละแหล่งแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ เพื่อต้องการเข้าไปศึกษาถึงวิธีการปฏิบัติงานในเชิงลึก จากพาร์ทเนอร์ต่างๆ ก่อน เผื่อในอนาคตบริษัทฯจะเข้าไปร่วมประมูลสัมปทานด้วยตัวเอง โดยบริษัทฯมีนโยบายในการซื้อธุรกิจต้องมีผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อย 20%

 "ช่วงนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการหาแหล่งขุดเจาะเพื่อเข้าลงทุน เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาในการเข้าซื้อปรับตัวลดลงเฉลี่ยกว่า 30% ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญต่อการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ส่วนเรื่องเงินลงทุนเราจะใช้แหล่งทุน 3 ส่วน ประกอบไปด้วย เงินหมุนเวียนในบริษัทฯ เงินกู้จากสถาบันการเงิน รวมไปถึงการขอเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น"นางสาวนีรชา กล่าว

 นางสาวนีรชา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะย้ายเข้าจดทะเบียนใน SET แม้จะมีทุนจดทะเบียนเกิน 300 ล้านบาทแล้วก็ตาม โดยมองว่าการอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ซึ่งบริษัทฯจะมุ่งเน้นในการบริหารงานและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้เติบโตมากกว่า

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

SEAOIL ตั้งเป้ากำไรปี 58 โตไม่ต่ำกว่า 20% จากขยายฐานลูกค้าตปท.เพิ่ม

   บมจ.ซีออยล์(SEAOIL)ตั้งเป้าหมายกำไรปี 58 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน ตามการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ศึกษาการลงทุนแหล่งขุดเจาะน้ำมันในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 โครงการในปีนี้ โดยการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะทำให้รายได้และกำไรจากธุรกิจขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมมีสัดส่วนสูงกว่า 70% ในปี 59

   อนึ่ง เมื่อปลายปีที่แล้ว SEAOIL ได้เข้าลงทุน 49.99% ใน Pan Orient Energy (Siam) Limited (POES) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและสำรวจปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้ครอบครองสัมปทานในสัดส่วน 100% ของส่วนได้เสียของสัมปทานแปลงที่ L53/48

  อินโฟเควสท์