WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

JAS เตรียมบันทึกกำไรจากการขายกอง JASIF ใน Q1/58 เล็งชงบอร์ดจ่ายปันผลพิเศษ แย้มหารือซื้อหุ้นคืนอีกรอบ

     JAS เตรียมบันทึกกำไรจากการขายกอง JASIF ใน Q1/58 เล็งชงบอร์ดจ่ายปันผลพิเศษ แย้มหารือซื้อหุ้นคืนอีกรอบ ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 30% ไม่รวมกอง JASIF- EBITDA Margin มากกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 57% ขณะที่ตั้งงบลงทุน 5-6 พันลบ. ขยายโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศในปีนี้ ด้าน JASIF กำหนดช่วงราคาขายหน่วยละ 10-10.50 บ. เปิดขาย 28 ม.ค. - 3 ก.พ. เข้าเทรด 16 ก.พ. ชูผลตอบแทนปีแรก 8.6-9%

  นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า บริษัทฯจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF)มูลค่า 5.5-5.77 หมื่นล้านบาท เข้ามาในไตรมาส 1/58 พร้อมทั้งเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ หลังจากการขายกองทุนดังกล่าวเสร็จสิ้น เพื่อนำกำไรส่วนหนึ่งปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนจะจ่ายในอัตราเท่าไหร่ต้องรอหลังจากการขายกอง JASIF เสร็จสิ้นก่อน

  ขณะที่บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถขายหน่วยลงทุน JASIF ได้หมด และอาจจะมีความต้องการมากกว่าจำนวนที่เสนอขาย หลังจากที่ได้มีการโรดโชว์ให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายแรกของประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะรายได้ค่าเช่าซึ่งถือเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกจากความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้สัดส่วนการเสนอขายหน่วยลงทุนจะแบ่งเป็น นักลงทุนในประเทศรวม 3.3 พันล้านหน่วย หรือคิดเป็นสัดส่วน 60% และนักลงทุนต่างประเทศ 2.2 พันล้านหน่วย คิดเป็นสัดส่วน 40%   

  นอกจากนี้ บริษัทฯอาจจะมีการพิจารณาซื้อหุ้นคืนอีกครั้ง หากยังเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน โดยจะมีการหารือที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯกลางปีนี้  

  ทั้งนี้ JAS มีโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 713.73 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯซื้อหุ้นคืนทั้งสิ้นจำนวน 142.73 ล้านหุ้น คิดเป็น 2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

  นายพิชญ์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้ (ไม่รวมรายได้จากการขายกองทุน JASIF) เติบโต 30% จากปีก่อน พร้อมคาดว่า EBITDA Margin จะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 57% เป็นไปตามแผนการขยายงานของบริษัทฯ  

  โดยในปีนี้ได้ตั้งงบลงทุน 5-6 พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายโครงข่ายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุม 100% ทั่วประเทศ จากปีก่อนที่อยู่ราว 50% พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตแตะ 2 ล้านราย จากปีก่อนที่ 1.6 ล้านราย   

  "ปีนี้หากไม่นับรายได้จากการขายกองทุนเราก็จะมีการเติบโตในระดับที่ดี เพราะเราตั้งเป้าหมายขยายโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเราจะมีเงินลงทุนจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ซึ่งในปีนี้เชื่อว่ารายได้และ EBITDA Margin จะเติบโตจากปีก่อนอย่างแน่นอน" นายพิชญ์ กล่าว   

  ส่วนในปี 2557 มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่เติบโต 15% จากปี 2556 ที่ทำได้ 11,260.21 ล้านบาท

  ด้านนายวรารัตน์ ชุติมิต กรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่าย JASIF เปิดเผยว่า กำหนดช่วงราคาเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ระหว่างราคา 10-10.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. ถึง 3 ก.พ. 2558 โดยจะทราบราคาที่แท้จริงหลังจากทำ Book Building ภายในวันที่ 4 ก.พ. 2558 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในวันที่ 16 ก.พ. นี้   

  โดยนักลงทุนทั่วไปจะต้องชำระค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่ 10.50 บาทต่อหน่วย ณ วันจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วย และเพิ่มเป็นจำนวนทวีคูณของ 100 หน่วย และจะจัดสรรหน่วยลงทุนให้ผู้จองซื้อด้วยวิธี Small-Lot First ทั้งนี้ตามที่ปรากฎในหนังสือชี้ชวน ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.6-9% โดยกองทุน JASIF จะเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร็เน็ตรายแรกของไทย มูลค่ากองประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท 

  ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่กองทุนจะเข้าลงทุนเป็นครั้งแรกได้แก่ กรรมสิทธิ์ในเส้นใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมไม่น้อยกว่า 800,000 คอร์กิโลเมตร ที่บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF ในวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และจะเข้าลงทุนในเส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น ขณะที่ กองทุน JASIF จะสามารถลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวได้ประมาณ กลางเดือนก.พ. 2558

  สำหรับ จุดเด่นของกองทุน JASIF ประกอบด้วย 1. เส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนจะลงทุนมีอายุการใช้งานมาแล้วเฉลี่ย 4 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก และมีโครงข่ายครอบคลุม 77 ทั่วประเทศ 2. รายได้ค่าเช่าของกองทุนมีแนวโน้มเติบโตและมีโอกาสจ่ายปันผลน่าสนใจแก่ผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง 3. อุตสาหกรรมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังต่ำอยู่ในระดับ 24.6% เทียบกับของประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์ ซึ่งมีการเข้าถึงในระดับ 70.3-99.6% ซึ่งถือว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก

    4. TTTBB ในฐานะผู้เช่าหลักมีผลการดำเนินงานเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของผู้ใช้บริการ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีศักยภาพในการเช่าได้อย่างต่อเนื่อง และ 5. JAS จะถือหน่วยลงทุนประมาณ 33.33% ของหน่วยลงทุนทั้งหมด และยืนยันว่าจะไม่มีการขายหน่วยออกมาเพราะเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตและจ่ายเงินปันผลในระดับที่คุ้มค่าต่อการลงทุน

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!