WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SENA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3 พันลบ. พร้อมเปิด 11 โครงการใหม่ มากสุดเป็นประวัติการณ์ รับมีแนวคิดจ่ายหุ้นปันผล

      SENA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3 พันลบ. - ยอดขาย 4.5 พันลบ. ระบุล่าสุดมี Backlog 2 พันลบ. ทยอยรับรู้ปีนี้และปีหน้า พร้อมเปิด 11 โครงการใหม่ มากสุดเป็นประวัติการณ์ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นลบ.รุกตลาดกลุ่มบีบวก หลังหนี้ครัวเรือนพุ่งส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นแตะ 20% จากระดับปกติ 5-8% เตรียมงบซื้อที่ดิน 1 พันลบ. เล็งออกหุ้นกู้ 1.2 พันลบ.ช่วงครึ่งแรกปีนี้ ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 40% ใกล้เคียงปีก่อน ขณะที่ เริ่มรับรู้กำไรจากการขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟ 6 ลบ.ต่อปี ช่วงไตรมาส 2/58 เผย มีแนวคิดจ่ายหุ้นปันผล หวังคุม D/E ไม่ให้เกิน 1.5 เท่า

  ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ 3,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,800 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้และปีหน้า ส่วนยอดขายคาดไว้ที่ 4,500 ล้านบาท จากกำลังซื้อดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยจะมาจากยอดขายคอนโดฯกว่า 60% ยอดขายบ้าน 33% และธุรกิจ Recurring Income หรือธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าให้มีสัดส่วน 10% ของรายได้รวม จากปีที่แล้วอยู่ที่ 8% โดยในปีนี้บริษัทจะมีกำไรพิเศษจากการขายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์รูฟ ท็อป ป 750 กิโลวัตต์ ประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นกำไรเพียงส่วนน้อย แต่ก็จะเสริมเข้ามาในผลประกอบการโดยรวมของ SENA ได้

  ทั้งนี้ SENA เตรียมเปิด 11 โครงการในปีนี้ ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีระดับรายได้ 100,000 บาท (กลุ่มลูกค้าบีบวก) พัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกมากขึ้น โดยใน 11 โครงการมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 6 โครงการและคอนโดมิเนียม 5 โครงการ

  โดยในปีนี้บริษัทฯ จะหันมาทำตลาดระดับบนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อลูกค้า สะท้อนจากปีที่แล้วอัตราการปฏิเสธสินเชื่อปรับเพิ่มขึ้นมาเป็นเลขสองหลัก จากปกติที่เป็นเพียงเลขหลักเดียวประมาณ 5-8%

  "อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเร่งขึ้นมาของเราปีที่แล้ว 20% คือ ขายของให้ลูกค้า 4 คนหายไป 1 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดที่ทำธุรกิจอสังหาฯ มา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แก้ได้ยากก็ต้องยอมรับว่าปลาน้อยลงก็เอาไว้การเก็บข้อมูลลูกค้าไม่เพียงพอ จึงทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้นปีนี้จะเป็นปีแรกที่ SENA มาทำคอนโดฯ ตารางเมตรละ 1 แสนบาท คือ จากกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการขยายขอบเขตของสินค้าบริษัทฯ ไปยังลูกค้าระดับบนแล้ว ประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือบริษัทฯต้องการกระจายความเสี่ยงจากภาวะหนี้ครัวเรือนด้วย"

  กรรมการบริหาร SENA กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งงบซื้อที่ดินปีนี้ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้วางแผนออกหุ้นกู้ระยะยาว 2-3 ปี มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการระดมทุนเพื่อรองรับการขยายโครงการใหม่ของบริษัทฯ และถือว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มทุนในหลายรูปแบบผ่านตลาดทุนทั้งนี้จะมีการควบคุมสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ให้สูงมากนัก

  โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.4 เท่า และมีเป้าหมายที่จะคุมไม่ให้เกิน 1.5 เท่า ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยควบคุมระดับของ D/E ไว้ได้คือ การจ่ายหุ้นปันผล ซึ่งโดยปกติบริษัทฯจ่ายปันผลเป็นเงินสดไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

  "เราก็มองแนวคิดนี้ คือ เรื่องของการจ่ายหุ้นปันผล เพราะข้อดีคือ ช่วยเก็บสภาพคล่องไว้ได้ และดีในแง่ของการควบคุม D/E ของบริษัทฯ ได้ด้วย เพราะถ้าจ่ายปันผลเป็นเงินสด จะไปกระทบกับส่วนทุนของบริษัทฯ ซึ่งก็จะกระทบต่อเนื่องไปยัง D/E"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

  ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จ 40% เท่าปีก่อน ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ได้เช่นนี้ทุกปี ส่วนอัตรากำไรสุทธิคาดการณ์ได้ลำบาก เพราะยิ่งเปิดโครงการมาก ในช่วงแรกของการลงทุนจะทำให้กระทบอัตรากำไรสุทธิ เนื่องจากโครงการยังไม่ได้โอน "อัตรากำไรขั้นต้นที่ 40% เราจะพยายามทำให้ได้ ซื้อที่ก็ต้องดู เราคุมเข้มต้นทุน ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ค่าที่ดิน คือที่ผ่านมาเราก็ทำได้กว่า 40% เสมอ เราจะโตพร้อมขีดความสามารถในการทำกำไร" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

SENA ตั้งเป้าปี 58 รายได้ 3 พันลบ.ยอดขาย 4.5 พันลบ.,เล็งจ่ายหุ้นปันผล

     บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ตั้งเป้าปี 58 ทำรายได้ราว 3 พันล้านบาท และยอดขาย 4.5 พันล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมองว่ากำลังซื้อจะฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากจากการขายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์รูฟตั้งแต่ Q2/58 คาดว่าธุรกิจนี้จะมีกำไรราว 6 ล้านบาท/ปี

   นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ กรรมการบริหาร SENA กล่าวว่า กลยุทธ์ของบริษัทฯ ในปีนี้จะเรียกว่า"กลยุทธ์ไฟนีออน"ด้วยคุณสมบัติเด่นของไฟนีออนที่จะส่องสว่างชัดเจน ก็แสดงให้เห็นว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจะเน้นไปที่ความชัดเจนทั้งในเรื่องของ Branding และ Segmentation รวมไปถึงบริการหลังการขาย 360 องศา

   "ในช่วงไตรมาส 3 เราเตรียมปรับแบรนด์ SENA ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในดวงใจของผู้บริโภคที่คิดจะซื้อบ้านหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีกหนึ่งคุณสมบัติของไฟนีออน คือเรื่องของความพร้อมเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็ว คือเราเตรียมตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที”นางสาวเกษรา กล่าว

    แผนการลงทุนในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการมากที่สุดนับจากการก่อตั้งบริษัท และมีการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ในระดับที่มีรายได้ประมาณ 100,000 บาท (กลุ่มลูกค้า B+) พร้อมลุยพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯฝั่งตะวันตกมากขึ้น รวมทั้งขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจ Recuring Income และทำโซลาร์รูฟท็อปในโครงการ เพื่อเพิ่มฐานที่มาของรายได้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

   “เนื่องจากในปีนี้เปิด 11 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่าสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราได้มีการเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของเสนาฯที่มีการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้และเตรียมเพิ่มทุนในหลายรูปแบบ ผ่านตลาดทุน เพื่อคุมสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ให้ปรับตัวสูงมากนัก”นางสาวเกษรา กล่าว

    นางสาวเกษรา กล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 40% หรือใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 41% เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายและรายได้เติบโตขึ้น อีกทั้งต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างยังทรงตัวไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาที่ดินจะยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Backlog ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ฯไปจนถึงปี 59

    ในปีนี้บริษัทมีแผนการซื้อที่ดินโดยเตรียมงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1 พันล้านบาท สำหรับการซื้อที่ดินใหม่ และยังมีการวางแผนที่จะออกหุ้นกู้ระยะยาว 2-3 ปี มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 58  ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นไฟลิ่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้เพื่อชำระตั๋วเงินกู้ระยะสั้นราว 50% ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออก และส่วนที่เหลือไว้ใช้สำหรับการซื้อที่ดินและการพัฒนาโครงการในอนาคต

    สำหรับ การจ่ายปันผลในปีนี้บริษัทมีแนวความคิดที่อาจจะจ่ายปันผลในรูปแบบหุ้นปันผล (stock dividend) ให้แก่ผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีความต้องการที่จะรักษาสภาพคล่องของบริษัทและควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 เท่า จากปัจจุบันบริษัทมี D/E อยู่ที่ 1.4 เท่า อย่างไรก็ตาม การจ่ายปันผลในปีนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมอยู่

    นางสาวเกษรา มองว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 58 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์การเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย และรัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องผ่านการลงทุนในเมกะโปรเจค อีกทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่ช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง

     อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปัจจัยลบที่น่าเป็นห่วงในปีนี้ จะเป็นเรื่องของหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย ถึงรายได้ปานกลาง เป็นผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

     นอกจากนี้ ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงและความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลกระทบในเชิงลบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

     ส่วนในปี 57 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท โดยรายได้จากยอดโอนโครงการนั้นทำได้ 2.73 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท บริษัทมีสัส่วนรายได้มาจากโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 60% โครงการแนวราบ 30% และรายได้ค่าเช่า 8% ส่วนยอดขายทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!